ห้องนอนกว้างของนาวินนั่นแตกต่างไปจากเดิม ผนังห้องรวมถึงสไตล์การตกแต่งก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เมื่อก่อนพิมพ์พลอยเคยใช้งานห้องนี้อยู่บ่อยครั้งจนเหมือนเป็นเจ้าของอีกหนึ่งคน
‘พี่วิน ไหนว่าวันนี้จะเล่านิทานให้น้องพิมพ์ฟังไง’ เสียงออดอ้อนของเด็กน้อยกระทบโสตประสาท นาวินยิ้มกว้างเมื่อเห็นผู้มาเยือน พิมพ์พลอยมักมาค้างคืนกับเขาในทุกช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์
‘น้องพิมพ์อยากฟังเรื่องอะไรล่ะคะ’ พี่ชายใจดีเอ่ยถาม ‘เจ้าชายกับเจ้าหญิงดีมั้ย’
เขาอ่านใจเธอออกราวกับมานั่งอยู่ในนั้น พิมพ์พลอยฉีกยิ้มเห็นฟันเรียงสวย พร้อมพยักหน้ากอดเอวสอบไว้ นาวินซึ่งถูกถาโถมจากร่างเล็กนิ่งไปชั่วครู่ เมื่อรู้ว่าเสียงหัวใจของตนเองเต้นดังกระหน่ำแค่ไหน ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครยกเว้นเธอ
พิมพ์พลอยโตขึ้นมากไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป รูปร่างของน้องสาววัยสิบห้าปีค่อยๆ เปลี่ยนไปช้าๆ ส่วนตัวเขาเองก็เติบโตเช่นกัน นาวินจึงทำได้เพียงแค่ผละห่างจากเธอ
‘ทำไมเหรอคะพี่วิน’ คนตัวเล็กขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
‘ไม่มีอะไรครับ มามะฟังนิทานกัน’ นาวินส่ายหน้าปฏิเสธพลางมองไปยังเตียงกว้างแกมเชิญชวน เด็กน้อยของเขากระโดดดีใจก่อนเดินตามพี่ชายไปอย่างว่าง่าย
ความอบอุ่นเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของห้องกว้าง พี่ชายแสนใจเริ่มเล่านิทานเรื่อยๆ ก่อนให้น้องน้อยซบอกแกร่ง มือเขาลูบยังกระหม่อมบางเพื่อให้คนตัวเล็กผ่อนคลายและหลับฝันดี
‘กู๊ดไนท์นะคะเจ้าหญิงของพี่’
ทุกความอบอุ่นซึ่งเคยเกิดขึ้นแม้เพียงเสี้ยวเวลา พิมพ์พลอยไม่เคยเอะใจเลยว่า…สักวันหนึ่งมันจะหายไป
ติ๊ง! ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันชื่อดังปลุกคนซึ่งหวนนึกถึงอดีตกลับมาสู่โลกปัจจุบัน พิมพ์พลอยคว้าโทรศัพท์ที่ถูกชาร์จแบตเตอรี่ไว้ยังโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดู เธออยู่ในชุดนอนลูกไม้ซีทรูสีขาว คนที่เตรียมไว้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณนายลดา ถอนหายใจเพราะรู้สึกอึดอัดแกมไม่มั่นใจ อยากจะตบปากตัวเองที่ไม่นึกปฏิเสธท่านไปตั้งแต่ทีแรก
ก็เธอไม่รู้นี่นาว่าท่านจะแกล้งกันแบบนี้ คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้าจำใจยอมรับชะตากรรมไปตามระเบียบ เธอยังจำนัยน์ตาประหลาดของนาวินที่จ้องมองมาจนใจแกว่งไปหมด ดีนะที่เขาเดินออกไปทำธุระส่วนตัวข้างนอกระเบียง
‘ณฟ้า’
[เป็นไงบ้างรอดหรือร่วง]
[…]
[แน่ะเงียบใส่…หรือร่วงแล้ว]
แช็ตของอีกฝ่ายทำให้เธออารมณ์ดี อย่างน้อยมันก็ช่วยคลายความกังวลซึ่งอัดอั้นอยู่ภายในใจได้
[น่าจะเดาออกนะ]
ไม่รู้ต้องอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ให้เพื่อนรักฟังแล้วสบายใจอย่างไรดี จะให้โกหกว่าไม่เป็นไรมันก็ดูสวนทางกับความจริงนี่นา
[ไม่เป็นไรหรอก…ชินแล้ว]
[ขอบคุณในความรักเพื่อน]
ข้อความขึ้นอ่านเพียงแค่คนรับยังไม่มีวี่แววจะตอบกลับ สงสัยคงยุ่งอยู่ เมื่อคิดได้ดังนั้นคนตัวเล็กจึงวางเครื่องมือสื่อสารไว้ยังที่เดิม
ติ๊ด! ติ๊ด!
เสียงเรียกเข้าทำให้เอาคนที่เตรียมตัวเข้านอนสะดุ้งคล้ายตกใจ
‘ณฟ้า’ ชื่อเพื่อนรักปรากฏขึ้นยังหน้าจอมือถือ เอาอย่างไรดีถ้าไม่กดรับตอนนี้พ่อลูกรัฐมนตรีคงเป็นห่วงแย่ แต่ถ้ารับสายแล้วนาวินเข้ามาได้ยินจะทำอย่างไร
…ช่างเถอะ เขาจะได้ยินก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนใจ ความรู้สึกของเพื่อนต่างหากสำคัญที่สุด จะกลัวทำไมแค่คุยกันธรรมดาไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย
[ว่า]
[เห็นแกอึดอัดเป็นห่วงว่ะ] ปลายสายเลือกที่จะบอกความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาตามนิสัยส่วนตัว
[ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ชินไปเอง]
[ถ้าไม่สบายใจ ฉันไปรับแกตอนนี้ได้เลยนะ] น้ำเสียงร้อนรนจนคนตัวเล็กถอยหายใจหนักๆ ทางออกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
…เธอแต่งงานแล้วคนอื่นจะคิดอย่างไร ถ้าหากมีผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามีมารอถึงหน้าบ้าน ไหนจะคุณนายลดาอีก ไม่เอาไม่อยากทำให้ท่านไม่สบายใจ
[ฉันโอเคแก นอนเหอะไว้เจอกันพรุ่งนี้] เลือกปฏิเสธทางออกแบบนี้ย่อมดีกับทุกฝ่าย
[แน่ใจ] คนเป็นห่วงย้อนถาม
[อืม…อย่ามาเว่อร์]
[งั้นพรุ่งนี้ฉันไปรับ]
[ฟ้า…] รู้ว่าห้ามไปก็เปล่าประโยชน์ ณฟ้าดื้อดึงแค่ไหนเธอรู้ดี สนิทกับเขามาตั้งหลายปีหากไม่สบายใจเมื่อไหร่ ผู้ชายคนนี้พร้อมพุ่งมาหาแบบไม่มีข้อแม้
[เป็นห่วง]
[โอเคพรุ่งนี้ค่อยมารับฉัน] พิมพ์พลอยรีบรับปากเมื่อเห็นประตูกระจกข้างนอกนั่นเลื่อน เธอไม่รู้ว่ามันถูกเปิดออกตั้งแต่เมื่อไรเพราะไม่ได้ใส่ใจ
[ไว้คุยกันนะ] เสียงราบเรียบบอกปลายสายก่อนตัดไปทันที ขณะที่ดวงตากลมโตหันไปปะทะกับนัยน์ตาคมเข้มซึ่งมองเธอราวกับทำผิดอะไรสักอย่าง
เขามองเธอเหมือนจะบอกว่า…
เคยเตือนแล้ว ทำไมถึงกล้าหักหน้ากันโดยการคุยกับชายอื่นในห้องสามี!
“ไม่คิดจะเกรงใจกันเลยใช่มั้ย” ไม่ต้องรอนานเสียงทุ้มที่คุ้นเคยกล่าวพลางเลิกคิ้วถาม จนพิมพ์พลอยอึกอักไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี
“…” ความเงียบไม่ใช่ทางออกที่ดีในเวลานี้ แต่เธอยังคงดื้อรั้นต่อไป คนชอบเอาชนะซึ่งพิงอยู่บริเวณขอบประตูนั่นตรงเข้ามา ซ้ำยังดันกระพุ้งแก้มบอกว่าหงุดหงิด ใจมันร้อนรนไปหมดทำให้ขาดสติจนอยากผูกมัดเธอไว้
มือหนาวางพาดหัวเตียง ส่วนพิมพ์พลอยได้แต่เขยิบหน้าถอยห่างด้วยความตกใจ ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนห้อเลือดยามเห็นใบหน้าบึ้งตึงชัดเจน
“จะเฉยไปถึงเมื่อไหร่” อ้อมกอดของเขาเป็นดังกรงขังซึ่งล้อมรอบไปด้วยหนามแหลมที่พร้อมจะทิ่มแทงกันทุกเมื่อ
“ไม่ละอายบ้างรึไง…นี่เตียงของสามีเธอนะ” เล็บยาวจิกผ้าปูที่นอนราวกับระงับอารมณ์ ถ้อยคำว่าสามีนั้นช่างบาดลึกลงไปในจิตใจเธอ
...ก่อนจะทวงสิทธิ์ความเป็นสามีเคยมองดูตัวเองหรือยังว่าที่เขาทำนั้นมันไม่ต่างกัน!
“พิมพ์ไม่เคยทำอะไรเสียหาย”
“ปากแข็ง!” ต่อว่าก่อนฉุดข้อมือเล็กขึ้นมากำแน่นระบายความกรุ่นโกรธอย่างอุกอาจ ไหนจะนัยน์ตาคมนั่นอีกเขาจ้องเธอเขม็งราวกับต้องการฉีกร่างเป็นชิ้นๆ เจ็บแปลบไปหมดทำไมคนที่ไม่ได้ทำผิดต้องมารับกรรมแบบนี้ด้วย ไม่ยอมเด็ดขาดไม่ให้เขาดูถูกอีกต่อไป
“พิมพ์พูดความจริง…อย่างน้อยพิมพ์ก็ไม่เคยทำเหมือนที่คุณทำ” เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องนั่งอธิบายให้คนใจดำฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจะร้อนรนไปทำไม ในขณะที่ตัวเองก็ทำอะไรบางอย่างลับหลังเธอเช่นกัน กลัวเสียหน้ามากหรืออย่างไร
“นี่เธอ!” เสียงดุดังสนั่นก่อนจะดันร่างบางลงยังเตียงกว้าง มือหนากดข้อมือเธอให้ราบเรียบไปสุดแรง
“จะทำอะไร” ความกลัวแล่นพล่านเข้าสู่ขั้วหัวใจ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาอยู่ใกล้กันแค่คืบ ลมหายใจร้อนสัมผัสยังเรียวหน้างาม
“ทำหน้าที่สามี” คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ รู้สึกถึงความเร่าร้อนในแววตาเมื่อเสือหนุ่มกวาดมองร่างบาง จนเธอไม่กล้าสู้หน้า
ตาคมเข้มไล่มองยังทุกสัดส่วนที่โผล่พ้นชุดนอนซีทรูสีขาว พิมพ์พลอยอยากก่นด่าตัวเองที่โง่งมกล้าสวมชุดนี้ เพราะวางใจว่าเขาไม่มีทางลืมคำพูดตนเอง ประโยครังเกียจกันยังคงดังสนั่นในทุกเสี้ยวของความทรงจำ ซึ่งคนตัวเล็กไม่อาจล่วงรู้เลยว่าอย่าฝากเนื้อไว้กับเสือ
โดยเฉพาะเสือโหยอย่างนาวิน เพราะคนเห็นแก่ตัวพร้อมตะครุบชิ้นเนื้อแสนหวานเป็นอาหารอันโอชะอย่างไม่ลังเล ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มซุกไซ้ยังซอกคอหอมกรุ่น ไรเคาของเขานั่นบาดลึกลงยังผิวบางจนปรากฏรอยแดง ไม่มีการทะนุถนอมหรืออ่อนโยน
“ปะ...ปล่อย” เหยื่อสาวดิ้นราวกับปลาขาดน้ำไม่มีหนทางต่อสู้ ชายหนุ่มเริ่มฝากฝังรอยจูบสีกุหลาบไว้ยังผิวขาว เขาใช้เขี้ยวคมขบเม้มจนเธอรู้สึกเจ็บปวด ไร้ซึ่งความปรานีสิ่งที่ทำนั้นไม่ต่างกับการระบายอารมณ์กับคู่นอนคนหนึ่ง
ไม่ใช่คนรัก…
“เงียบ” เขากระซิบพร่าออกคำสั่งราวกับขู่เข็น
“ตะ...แต่”
“เธอก็อยากได้ฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอ” เหมือนค้อนปอนด์ใหญ่ทุบลงกลางศีรษะ สิ่งที่เขาย้อนถามทำเอาเธอหน้าชา
…ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่อยากได้ตัวแต่อยากได้หัวใจต่างหาก แต่เวลานี้ไม่มีอีกแล้ว
นาวินสอดนิ้วเกี่ยวสายชุดนอนสุดเซ็กซี่จนร่วงลง จมูกโด่งรวมถึงริมฝีปากทั้งถูไถจนพิมพ์พลอยรู้สึกร้อนวูบวาบจนต้องกลั้นหายใจ
หมดหนทางหนีรอดแล้วเมื่อร่างเบื้องบนนั่นเคลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ เขาจองจำเธอไว้ด้วยไฟปรารถนาในทุกสัดส่วนของร่างกาย ลิ้นร้อนแทรกตัวเข้าไปยังโพรงปากแดงสีอย่างจาบจ้วง
พิมพ์พลอยรู้สึกถึงห้วงหายใจที่กำลังติดขัด เหตุเกิดจากจุมพิตร้ายที่กำลังพรากลมหายใจไปอย่างช้าๆ ลิ้นสากตวัดเกี่ยวพันไปมาพร้อมดูดซับน้ำหวานอย่างจาบจ้วงและเอาใจ
“ฮะ...ฮึก” ร่างบางผวาขึ้น เมื่อชายหนุ่มเอื้อมมือไปดันแผ่นหลังขาวนวลให้แนบชิดจนทุกส่วนของร่างกายสัมผัสกัน ความวาบหวามเคลื่อนเข้ามาฉับพลันโดยเฉพาะส่วนกึ่งกลางอ่อนนุ่มและกายแกร่งซึ่งบดเบียดกันจนแทบกลายเป็นเนื้อเดียว
นิ้วร้อนลูบไล้เหมือนต้องการให้เธอผ่อนคลาย ส่วนมืออีกข้างหนึ่ง ไม่อยู่เฉยจับปลายคางมนให้รับจูบเขาได้ถนัดถนี่
นาวินช่ำชองเหลือเกิน...เขาสามารถเปลี่ยนเตียงกว้างให้กลายเป็นสมรภูมิรักได้ไม่ยาก
ไม่!...เธอจะไม่เคลิ้มตามเขาเด็ดขาด รู้ว่าพยายามหลอกล่อโดยใช้ชั้นเชิงที่เหนือกว่า คนเห็นแก่ตัวเองนั้นยังเหมือนเดิม เขาใช้คำว่ารักเพื่อเป็นเครื่องมือทำลายตัวเธอ
‘อย่าเดินตามเกมของเขาพิมพ์พลอย’ เสียงหวานย้ำเตือนตัวเองในใจ
“รักฉันไม่หรือไง” คนใต้ร่างดิ้นรนพยายามหาหนทางหลุดพ้นจากเสือร้าย เสียงเย็นกระซิบในขณะที่เรียวลิ้นร้อนนั้นไล่ต่ำลงจูบซับยังผิวกายขาวผ่องแทบจะทั่วทุกตารางนิ้ว
“เอาหน่าสนุกกันครั้งสองครั้ง ฉันเป็นคนขี้เบื่อมากเผื่อเธอจะไม่รู้”
“หยุดนะ…” ไม่มีทางเธอจะห้ามปรามเขาไม่ได้อีกต่อไป มือหนากระชากสายเส้นบางจนขาดริ้วด้วยอารมณ์รุนแรง ความเจ็บปวดแล่นสู่ผิวกายสาวฉับพลัน สัมผัสรุกร้ายนั้นบาดผิวเธอจนไม่เหลือชิ้นดี
ครั้งนี้พิมพ์พลอยรู้แล้วว่า…เขาเอาจริง!
“สาวน้อยเดี๋ยวเธอจะไม่อยากให้ฉันหยุด” ยิ้มเจ้าเล่ห์แสยะขึ้น จนพิมพ์พลอยร้อนรนแทบทำอะไรไม่ถูก มือบางซึ่งถูกปล่อยให้เป็นอิสระขยับ ทุบตียังอกแกร่งเหมือนต้องการบอกว่า
…เธอไม่ต้องการเขาอีกแล้ว!
‘ไม่เอาแล้ว!’ ใบหน้างดงามซีดเผือดเมื่อรู้ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่มีทางหนีพ้น ชายหนุ่มไม่สนใจว่าเธอจะหวาดกลัวแค่ไหน เต็มใจหรือไม่ ผู้ชายคนนี้ยืนยันที่จะทำตามความต้องการของตนเองเท่านั้น
…เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่พี่วินที่เคยรู้จัก
ท่อนแขนแกร่งโอบรัด ในขณะเดียวกันริมฝีปากหนาก็ไล่ต่ำยังมายังเนินอกอวบอิ่ม มือหนาดึงรั้งจนชุดซีทรูกองอยู่บริเวณเอวคอดกิ่ว
ชายหนุ่มดูดกลืนเม็ดทับทิมสีแดงไว้ในเรียวปากเมื่อมันปรากฏสู่สายตา ดวงตาสีรัตติกาลนั้นสะท้อนความต้องการที่ท่วมท้นจนแทบทนไม่ไหว แก่นกายใหญ่โตบวมเป่งขึ้นมาทันใด
ยังไงวันนี้เขาต้องได้เธอ!
พิมพ์พลอยหอบหายใจสะท้าน เมื่อลิ้นร้อนซุกซนไม่หยุด ทั้งงับทั้งดื่มด่ำจนคนตัวเล็กดิ้นพล่านทรมานเสียวซ่านสุดฤทธิ์
“อะ…อื้อ” สัมผัสหนักหน่วงเคลื่อนเข้าสู่ทุกอณูของความรู้สึก ชายหนุ่มจู่โจมเธอไม่ต่างอะไรกับพายุร้ายที่พัดกระหน่ำทุกอย่างจนพังยับเยิน
…ไม่เว้นแม้แต่หัวใจของเธอ
เหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ ไม่รับรู้ว่ามืออีกข้างของเขานั้นปลดเปลื้องชุดนอนตัวสวยออกจากเรือนกายเมื่อไร รู้ตัวอีกทีความเย็บเฉียบของเครื่องปรับอากาศได้สัมผัสลงมายังผิวกายจนขนลุกซู่ ทว่าข้างในกายกลับร้อนรุ่มไม่ต่างไฟ ริมฝีปากร้อนซึ่งทาบทับอยู่ยังทรวงอกนุ่มโลมเลียซ้ำกันไปมา ส่วนมือหนาอีกข้างทำหน้าที่บีบเคล้นหน้าอกตามที่ใจปรารถนา
พิมพ์พลอยกัดปากจนเจ็บแสบ แม้รอคอยการเติมเต็มมากแค่ไหน แต่ถ้าหากไม่รักกัน เธอไม่มีวันยอมให้เขาทำร้ายตนเองอย่างเลือดเย็นแบบนี้ วินาทีที่คิดว่าต้องสูญเสียสิ่งที่เฝ้ารักษาตลอดมา ให้กับคนที่ไม่เห็นค่านัยน์ตาหวานเริ่มปริ่มไปด้วยน้ำตาแสงสว่างเลือนลางไปหมด
“ฮะ…ฮึก” เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ที่เปล่งออกมาเบาๆ จากเธอ
นาวินได้สติผละห่างกายสาวราวกับของร้อน ดวงตากลมที่มองเขามาราวกับผิดหวังนั่นกระแทกหัวใจเข้าอย่างจัง
นี่เขาทำอะไรลงไป…พลั้งมือทำร้ายเธอขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
ชายหนุ่มด่าทอตัวเองในใจไม่มีคำขอโทษเปล่งออกมาเพราะปากหนักเกินจะพูดมัน คนตัวสูงลุกออกไปราวกับไม่แยแสทั้งที่ในใจก็ปวดร้าวไม่ต่างกัน
เขาทิ้งไว้เพียงความเสียใจที่สลักลึกลงไปในจิตใจของผู้ถูกกระทำ พิมพ์พลอยกอดผ้าห่มผืนใหญ่แน่น ก่อนมองผ่านม่านน้ำตา ในใจได้แต่คิดเพียงว่าเธอทำอะไรให้นาวินนักหนา
ทำไมถึงต้องอยากทำลายกันขนาดนี้…
แต่เธอคงลืมไปว่าชายหนุ่มสามารถทำทุกอย่างได้ แค่เพราะคำว่า ‘อยาก’ แค่คำเดียว นาวินสามารถแยกระหว่างเรื่องหัวใจกับเรื่องเซ็กซ์ออกจากกันได้ ในขณะที่เธอไม่เคยทำได้แม้แต่ครั้งเดียว
…ให้ยอมมีอะไรกับคนที่ไม่เคยรักกัน พิมพ์พลอยทำไม่ได้จริงๆ