บทที่เก้า

2885 คำ
ติ๊ด! ติ๊ด! เสียงดังจากเครื่องมือสื่อสารข้างหัวเตียงรบกวนหญิงสาวผู้ซึ่งอยู่ในห้วงนิทราเป็นระยะ พิมพ์พลอยสะบัดศีรษะพลางขยับกายไปมาด้วยความเมื่อยล้า เปลือกตาหนักอึ้งพยายามลืมตาสู้แสงแดดจ้า ติ๊ด! ติ๊ด! รู้สึกร้าวระบมทันใดเมื่อตื่นขึ้นมา มือบางคว้าโทรศัพท์ปรากฏปลายสายคือเพื่อนสนิท ‘ณฟ้า’ [นี่มันกี่โมงแล้ว!] เสียงเข้มดังขึ้นในจังหวะเดียวกันที่กดรับสาย พิมพ์พลอยมองไปรอบกายก่อนถอนหายใจราวกับเบื่อหน่าย ผู้ชายคนนั้นจากไปแล้วหลังจากบทรักจบลง เขาออกไปทันราวมันไร้ความหมาย ไม่มีแม้แต่ถ้อยความหวานอ่อนโยนเฉกเช่นตอนอยู่ในห้วงเสน่หา แยกเซ็กซ์กับหัวใจได้ชัดเจนอย่างที่ปากว่าจริงๆ ทำให้ได้อย่างเขาสิพิมพ์พลอย อย่าหวั่นไหว! แม้เลือกบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ส่วนลึกในหัวใจก็ยังคงปวดร้าวอยู่ดี เจ็บแปลบหน่วงหัวใจ เมื่อรู้ตัวว่าสูญเสียสิ่งมีค่าที่สุดให้เขาไปแล้ว น่าจะรู้ว่าชายหนุ่มไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่แล้ว ยังกล้าฝันว่าเขาจะแกล้งปฏิบัติด้วยดีด้วยอีก ทว่าอย่างน้อยก็ให้เกียรติกันสักนิดไม่ได้เลยหรือ สงสัยเห็นว่าเป็นของใกล้ตัวที่เผลอกินนิดกินหน่อยแล้วค่อยผลักไสยังไงก็ได้ ต้องโทษตัวเองมากกว่าใจง่ายเอง แค่เขาจูบนิดจูบหน่อยก็อ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ อย่าทำเป็นเด็กน้อยนักสิอะไรที่เสียแล้วก็ให้มันเสียไป …เรื่องเมื่อคืนก็แค่ความผิดพลาด ในเมื่อเขามองมันแค่เซ็กซ์และความอยาก เธอก็จะมองมันเช่นนั้นเหมือนกัน ได้แค่ตัว…ไม่มีหัวใจเกี่ยวข้อง [ฮือ…โทรมาทำไมแต่เช้า] คนตัวเล็กถามทั้งที่ไม่ได้ดูนาฬิกา เธอกำผ้าห่มผืนหนาแน่นเพราะเนื้อตัวเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยแดง [เช้าอะไร! นี่มันสิบเอ็ดโมงแล้วโว้ย] [ฮะ! สิบเอ็ดโมง!] [เออสิ! แกมีงานที่ภูเก็ตไปเลย! ไปขึ้นเครื่องให้ทัน] เบิกตากว้างที่สุดเมื่อคิดได้ ใช่วันนี้เธอต้องไปดูงานต่างจังหวัด อยากจะบ้าตายเมื่อคืนไม่น่าดื่มหนัก จนเผลอทำอะไรไร้สติลงไปเลย เพียงนึกถึงมันใบหน้าหวานก็ร้อนผ่าว …แม้ภาพที่ตัวเองควบขี่อยู่บนร่างสูงนั้นจะแวบเข้ามาในหัวเพียงชั่วครู่แล้วเลือนหายไป ก็อายตัวเองอยู่ดี! [เออ แค่นี้] ตอบกลับแล้วตัดสายทันที คนตัวเล็กก้าวลงจากเตียงใหญ่ ทว่าแค่เพียงปลายเท้าแตะพื้นสีขาวความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่ร่างกาย นาวินรังแกเธอหนักมือไปจริงๆ ร่างบางปวดร้าวไปหมดทั้งตัวไม่เว้นแม้กระทั่งส่วนนั้น เมื่อเข้ามาในห้องน้ำได้แต่มองดูกระจก ร่างกายเปลือยเปล่ามีแต่ร่องรอยรักซึ่งชายหนุ่มขยันฝากฝัง พิมพ์พลอยเวลานี้ดูไม่จืดเลยทีเดียว! …เลิกคิดถึงอย่าวอแวผู้ชายคนนั้นให้มาก งานต้องมาก่อน เจ้าหญิงน้ำแข็งตั้งสติไล่ทุกสิ่งที่ไร้สาระออกไป ‘เวลานี้ต้องไปถึงสนามบินให้เร็วที่สุด!’ กัดฟันกรอดบอกตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะจัดการธุระทุกสิ่งเพื่อเตรียมตัวไปยังที่หมายทันที @ภูเก็ต โรงแรมไฮเอ็นด์ระดับห้าดาวติดริมทะเลเป็นสถานที่ซึ่งลูกค้าขอมาเพื่อเปิดตัวรถหรูในเครือของเขา มันประกอบไปด้วยที่พักซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจราวกว่าสองพันไร่ โดยมีสนามแข่งรถขนาดใหญ่รวมถึงสวนกว้างเพื่อจัดปาร์ตี้ซึ่งเป็นหัวใจหลักในงานครั้งนี้ จึงไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าหากเจ้าพ่อธุรกิจสีเทาอย่าง ‘เทวา’ จะถูกใจ พิมพ์พลอยถอนหายใจมองไปยังทีมงานที่ทยอยขนของออกจากรถตู้คันใหญ่ เรียกได้ว่าทุกคนในบริษัทนั้นพาตัวเองมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ‘เกือบไม่ทันเสียแล้ว’ คิดแล้วก็โล่งใจเรียกได้ว่าเฉียดฉิวใกล้ตกเครื่องกันเลยทีเดียว ก่นตำหนิตนเองแทบทุกนาทีที่เผลอปล่อยตัวจนเกือบเสียเวลา ไม่กล้าคิดว่าถ้าหากงานนี้ไม่มีทั้งเธอและณฟ้ามาดูแลมันจะพังยับเยินขนาดไหน งานใหญ่ขนาดนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด! หากเพื่อนสนิทโทรหาเธอช้ากว่านี้ไปนิดเดียว สงสัยคงได้ขายหน้าลูกน้อง จนต้องยอมควักเงินในกระเป๋าเพื่อออกค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางมาที่นี่เองก็บังอาจทำตัวไร้ความรับผิดชอบนี่นา …เป็นหัวหน้างานเล่นไม่รักษาเวลา ลูกน้องที่ไหนมันจะเคารพ! “ถ้าคุณไม่มาผมคงเสียใจแย่” วาจากวนประสาทรวมถึงนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ซึ่งขยันส่งมาตั้งแต่อยู่ที่สนามบิน จนพิมพ์พลอยหันไปมองค้อนเอือมระอาผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงชอบมาวอแวกันนัก “ฉันต้องมาสิคะก็รับปากแล้ว” ไม่รู้หมอนี่จะวุ่นวายอะไรกับเธอนักหนา ปกติแล้วรู้ดีว่าวาริธรเรื่องมากและเว้นระยะห่างกับทีมงานพอสมควร จากที่เคยได้ยินมาซุปตาร์ระดับเขา ไม่น่าเดินทางมาด้วยเที่ยวบินประหยัดพร้อมกับบริษัทเธอได้เลย ดังนั้นจึงไม่เผื่อใจไว้เลยสักนิดว่าจะเจอชายหนุ่มหล่อยิ้มหน้าแป้นเฝ้ารอกันยังสนามบิน เขาถึงขนาดออกคำสั่งว่า… ถ้าหากคุณพิมพ์ยังไม่มาให้ทุกคนรอ จะอาสาเป็นป๋าออกค่าตั๋วทั้งหมดอีกครั้งให้เอง เล่นเอาเธออายจนไม่รู้จะเอาหน้าซุกไว้ที่ไหน …จะมีใครสงสัยหรือเปล่าว่าหมอนี่พยายามจีบเธออยู่ “ผมกลัวคุณเบี้ยว” ยิ้มหยอกเย้ารวมถึงสายตาเจ้าชู้นั่นพิมพ์พลอยเกลียดที่สุด “ฉันไม่เคยผิดสัญญาค่ะ รับปากคุณครามว่ายังไงก็ตามนั้น” เสียงแข็งขืนย้ำ “ครับ...ดีมากเลย” เว้นระยะห่างคำพูดชัดถ้อยชัดคำรู้สึกเหมือนกำลังโดนขู่ ชายหนุ่มต้องรู้อยู่แล้วว่าชะตากรรมของบริษัททั้งหมดอยู่ในกำมือเขา จ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายสำหรับวาริธรมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับบริษัทเล็กๆ อย่างพวกเธอก็ไม่ง่าย มันมากมายมหาสารพอตัว …เอาใจเขาไว้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด “ถ้าคุณเบี้ยวผมคงต้องขอตัวกลับ” ว่าแล้วคนถือไพ่เหนือกว่าก็เริ่มอวดดีพร้อมยิ้มแยกเขี้ยวใส่ “นี่คุณ!” “ว่าไงครับ” ใบหน้าหล่อเหลามองกลับมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่เพิ่งออกฤทธิ์ไป “ฉันเคยทำอะไรให้คุณเหรอคะ” วาริธรไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง ใส่ใจแค่ใบหน้าบึ้งตึงแม้ดูเหมือนจำใจขนาดไหน แต่ก็ยังคงน่ารักอยู่ดีในสายตาเขา ไม่รู้ทำไมถึงชอบแกล้ง ชอบหยอก ชอบกวนใจพิมพ์พลอยนัก ใจมันรู้สึกสนุกทุกครั้งเมื่อได้อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ “จำได้ว่า…ไม่มีนะ” หัวเราะในลำคอตอบไปเริ่มรู้สึกอารมณ์ดี “แล้วทำไมคุณถึงขู่ฉัน” พิมพ์พลอยอ่อนใจ เลือกถามอย่างตรงไปตรงมาอยากจบปัญหาให้เร็วที่สุด “ก็ไม่มีอะไรนี่” ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ “ผมแค่อยากให้คุณสนใจ” แทนที่จะสำนึกคนเอาแต่ใจกลับคว้าข้อมือเล็กไปกุม “เอาใจผมหน่อยนะครับ” นัยน์ตากลมเบิกกว้าง ตกใจจนต้องสะบัดมือออกห่างจากการเกาะกุม สัมผัสรุกเร้าจากสัญชาตญาณนักล่าทำให้ทุกสายตาต่างหันมาจับจ้องมายังทั้งคู่ “อย่าทำอย่างนี้อีก!” เขาไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางดูไม่ออกว่าเธอไม่สบายใจกับท่าทีแปลกประหลาดเหล่านี้ เกลียดกริยาถึงเนื้อถึงตัวที่เขาพยายามแสดงออกมาคล้ายกับสนใจ “โหขึ้นเสียงใส่เสียใจแย่เลย” เสียงใสเปล่งชัดถ้อยชัดคำ แววตาเป็นประกายนั่นก็อีก มันจอมปลอมสิ้นดี “อย่ามาเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน” กลายเป็นฝ่ายหญิงตอกกลับใส่เขาบ้าง อดทนกับวาริธรได้แม้เพียงชั่วครู่ก็ถือว่าเก่งแล้ว “หมดแรงทำงาน” “คุณนี่มัน!” แสดงท่าทีเหมือนจะมาซบลงยังเรียวไหล่บาง “อ้าว! บังเอิญจัง” เสียงร้องทักจากคนที่พึ่งมาถึงทำให้ทั้งคู่เลื่อนสายตามองไปยังหล่อนทันที ‘พิชชา’ คลี่ยิ้มหวาน แต่พิมพ์พลอยรู้ดีว่ารอยยิ้มนั่นมันเคลือบด้วยยาพิษ ทำเหมือนดีใจเสียเต็มประดา ทว่าแท้จริงแล้วกำลังสอดส่องอะไรบางอย่างอยู่ต่างหาก ผู้หญิงคนนี้กำลังจับผิดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพระเอกหนุ่ม! “สวัสดีครับพี่พีช ผมนึกว่าพี่จะมาพรุ่งนี้ซะอีก” ที่จริงการถ่ายโฆษณาเพื่อเปิดตัวงานอีเวนต์เริ่มต้นในวันรุ่งขึ้น วันนี้จึงมีเพียงปาร์ตี้ต้อนรับเหล่าแขกคนสนิท รวมถึงทีมงานบางส่วนที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ซึ่งปกติแล้วพิชชาค่อนข้างจะระวังตัว เพราะภาพลักษณ์นางเอกแสนหวานที่ขยันสร้างไว้ …หล่อนไม่มีทางพลาดนอกจากจงใจอยากเป็นข่าว “พอดีคนพิเศษของพี่สนิทกับเจ้าของงานจ้ะ ต้องให้เกียรติเขานิดนึง” ไม่รู้ว่าจงใจบอกเธอหรือเปล่า เพราะหล่อนหันมาสบตากันราวกับมีเล่ห์นัย “หืม พี่พีชมีคนพิเศษ ใครเหรอครับสงสัยหนุ่มๆ คงอกหักกันเป็นแถว” วาริธรย้อนถามเสียงหลง พิชชาไม่ใช่คนชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัวขนาดที่ว่าจะเล่าขึ้นมาให้คนซึ่งไม่สนิทสนมฟัง ทุกความสัมพันธ์ของหล่อนจึงค่อนข้างถูกเก็บไว้เป็นความลับ …จะมีเพียงภาพถ่ายบางส่วนเท่านั้นที่พวกนักข่าวมักจะได้ไป …ภาพกับนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังที่นางเอกสาวออกปากเองว่าเป็นเพียงเพื่อนที่รู้ใจในกันและกัน “ยังบอกไม่ได้จ้ะ พอดีแฟนพี่เขายังไม่เสร็จธุระของเขา” พิมพ์พลอยยิ้มหยันระบายลมหายใจ รู้ทันทีว่าคนพิเศษของหล่อนนั่นคือใคร …สายตาเยาะเย้ยรวมถึงแววตาท้าทายนั่นกำลังบอกว่า ‘สามีเธอไง!’ “อ้อครับ แล้วเขามารึเปล่า” “มาสิเขาหวงพี่มาก ไม่อยากให้พี่มาที่นี่คนเดียว” พิชชาตอบก่อนแกล้งยิ้มหวานตามฉบับนางเอก “เอ๋…เกือบลืมทักทาย พี่จำไม่ได้เลยว่าพิมพ์ทำงานอยู่บริษัทนี้” นางมารร้ายเปลี่ยนเป้าหมาย แกล้งหันมาถามเธอราวกับรู้สึกผิด หล่อนปั้นหน้าโศกเศร้าสุดฤทธิ์ …จะไม่รู้ได้ไง ตามสืบความเคลื่อนไหวกันตลอดเวลา “ขอโทษจริงๆ นะจ๊ะ พิมพ์ย้ายออกจากบ้านตั้งนานแล้ว พี่ก็ยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลาสนใจเรื่องของพิมพ์เท่าไหร่” ถ้ามีรางวัลตุ๊กตาทองก็คงต้องมอบให้ พิชชาเป็นแบบนี้เสมอ หล่อนแสดงละครได้ดีเยี่ยมจนใครแทบจับไม่ได้ว่าแววตาอ่อนโยนเหล่านั้นซุกซ่อนอะไรไว้บ้าง “ค่ะไม่เป็นไร พิมพ์ก็ไม่ค่อยได้ตามข่าวพี่พีชเหมือนกันเจอแต่คุณพ่อ ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรถึงพี่” พิมพ์พลอยยิ้มหวานสวนกลับ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคงตอบโต้แบบที่ตัวเองอยากทำ ใช้อารมณ์มากกว่าสมองราวกับเด็กน้อย …แต่ตอนนี้ตาสว่างแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ นิ่งเฉยดีกว่า เสแสร้งมาเสแสร้งกลับไม่โกง! “คุณพ่อ” วาริธรหันไปมองสองสาวสลับกันไปมาราวกับสับสน คราวก่อนที่เจอกันจำได้ว่าพิชชาเรียกพิมพ์พลอยว่าน้องสาว นึกว่าแค่สนิทกันเหมือนพี่น้องในวงการทั่วไป ยอมควักเงินสืบประวัติหญิงสาวมากมาย มันระบุว่าไม่มีพี่น้องนี่นา ผู้หญิงที่เขาสนใจเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลผู้ดีเก่าอย่างพลากร “พอดีคุณพ่อของพิมพ์กับคุณแม่ของพี่พีชมีความสัมพันธ์กันค่ะ” น้ำเสียงราบเรียบพูดขึ้นราวกับไม่แยแสที่บอก แท้จริงแล้วเมื่อก่อนมันเคยเป็นปมของเธอ “อ้อครับ งั้นผมกับคุณพิมพ์ขอตัวก่อนนะครับพี่” พอเข้าใจสถานการณ์ เพราะสัมผัสได้ถึงรังสีอมหิตที่แผ่ซ่าน วาริธรจึงตัดสินใจคว้ามือเล็กเพื่อช่วยให้เธอออกไปจากสงครามจิตวิทยาอันน่าอึดอัดเหล่านี้ “เดี๋ยวสิจ๊ะ คนสำคัญพี่มาพอดีเลยจะแนะนำให้ครามรู้จัก” ไม่ทันขยับเขยื้อนไปไหนซ้ำสองมือยังคงประสานกันแน่นอยู่อย่างนั้น กลับมีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาปรากฏกายกลางวงสนทนา ใบหน้าคมคายที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเรียบขรึมดังปกติ รอยยิ้มยังมุมปากเพียงเล็กน้อยมันบ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นมิตรขนาดนั้น พิมพ์พลอยอยากเบือนหน้าหนีสถานการณ์วุ่นวาย แม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่ความรู้สึกนั้นมันอยู่กับเธอแค่เพียงชั่วครู่ เพราะเขาไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเช่นเดียวกับคนข้างกาย ชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับภรรยาตัวน้อย …แม้อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่ใครอยากทำอะไรก็ทำไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาเกี่ยวข้องสนใจกัน ซ้ำพิชชาประกาศกร้าวแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ “นี่วินคนสำคัญที่พี่บอกคราม” ยกยิ้มหน้าระรื่น มือบางควงแขนนาวินอย่างหน้าไม่อาย แอบเห็นนางเอกดังแสยะยิ้ม เพียงแว้บหนึ่งก่อนแปรเปลี่ยนไร้เดียงสาเหมือนเคย “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” วาริธรยิ้มตอบกลับแต่รู้สึกเสียวสันหลังวาบยังไงไม่รู้ ดวงตาสีรัตติกาลของผู้มาใหม่มันสะท้อนจนเขารู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบหน้ากัน! พิมพ์พลอยยิ้มเย็นให้กับภาพน่ารำคาญใจ อยากจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดอยู่อย่างเดียวกำลังรักษามารยาทอยู่ …แววตาจะสั่นไหวจนผู้หญิงคนนั้นสัมผัสถึงไม่ได้เด็ดขาด “พักผ่อนอย่างมีความสุขนะครับ ผมขอตัวก่อน” รู้สึกบรรยากาศเริ่มไม่ชอบมาพากล ซุปตาร์หนุ่มจึงตัดสินใจผละออกจากวงสนทนา แต่ก็ไม่ลืมคว้าข้อมือของคนตัวเล็กเดินออกไปด้วยกัน หมับ! ทว่าก้าวไปได้แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เหมือนกับโลกหยุดหมุน มือหนาจากผู้ชายข้างหลังดึงแขนเรียวเล็กออกห่างจากการเกาะกุมเบื้องหน้าฉับพลัน ใบหน้าราบเรียบสบตาวาริธรซึ่งมาพร้อมกับคำถามว่า …มีปัญหาอะไร! “จะไปไหน สามีภรรยาก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ” เสียงทุ้มถามในขณะที่คว้าคนตัวเล็กให้มาอยู่ข้างกาย คำว่าสามีจากผู้ชายคนนี้ดึงความสนใจจาก วาริธรไปจนหมดสิ้น พิมพ์พลอยเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างไม่เชื่อว่าเขาจะกล้า รู้สึกอึดอัดที่ได้รับสายตาซึ่งมีแต่คำถามของวาริธร รวมทั้งแววตาไม่สบอารมณ์เคล้าโกรธเคืองของพิชชา …เธอลำบากใจเหลือเกิน “ครับ” ซุปตาร์หนุ่มเลิกคิ้วราวกับว่าไม่เข้าใจสิ่งที่ชายคนนี้ทำอยู่ “ผมว่าผมพูดชัดแล้วนะครับ ผมกับภรรยาขอตัวก่อนดีกว่า” วาจาราบเรียบแต่ไม่ได้ซุกซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ วาริธรหัวเราะในลำคอพลางดันกระพุ้งแก้มรู้สึกฉุนเฉียวเมื่อไม่ได้อย่างที่ต้องการ ทว่าคนตัวสูงนั้นเลือกหมางเมินราวกับไม่ใส่ใจ ความรู้สึกร้อนรนของวาริธร นาวินเคยผ่านมันมาหมดแล้ว มือหนาโอบไหล่บางก่อนกระชับเข้าหากาย เน้นย้ำว่าสิ่งที่แสดงออกไปไม่เกินจริงเลยสักนิด …ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียเขา! “แต่คุณพิมพ์ต้องดูแลผม” คนถูกเหยียบหน้าทำตัวแพ้แล้วพาล วาริธรไม่สนใจสถานะอะไรทั้งสิ้น เลือกเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาเมื่อสบโอกาส “นั่นสิคะวิน ไปตรงนู้นกับพีชดีกว่า พีชให้คนจองห้องไว้ให้คุณแล้วด้วย” พิชชามองนาวินด้วยความรู้สึกผิดหวังคละคลุ้งริษยา ทว่าบทพี่สาวที่แสนดีนั่นมันค้ำคออยู่ “แต่นี่ไม่ใช่เวลาทำงานนี่ครับ” นาวินยักไหล่ไม่ใส่ใจ “จริงมั้ยครับเด็กดี” กระซิบข้างหูด้วยสรรพนามที่ทำให้พิมพ์พลอยรู้สึกขนลุกซู่ โทนเสียงหวานมันยังคงดังก้องอยู่ทุกโสตประสาท ไหนจะแรงบีบเคล้นจากมือใหญ่ยังหัวไหล่มนจนทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด …พิมพ์พลอยสัมผัสได้ทันทีว่าชายหนุ่มนั้นกำลังโมโห …และเมื่อเขาโมโหเท่ากับว่าชายหนุ่มจะไม่ใจดีกับเธออีกต่อไป รู้ดีว่ากลับไปต้องเจอการปฏิบัติแบบไหน “ขอตัวก่อนนะครับ” ขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ ควรทำตัวว่าง่ายแล้วเดินตามผู้เป็นสามีไปดีกว่าถ้าไม่อยากมีปัญหาในภายหลัง กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่เมื่อเผลอนึกถึงบทลงโทษเมื่อคืน สัมผัสอ่อนหวานนั่นแทรกซึมไปด้วยความเร่าร้อน และมันบ่งบอกได้ว่าเขาไม่ใช่คนใจเย็น นาวินพร้อมจะทำทุกอย่างตามความต้องการของตัวเองโดยไม่สนใจว่า ‘ภรรยา’ อย่างเธอเจ็บปวดปานจะขาดใจมากน้อยแค่ไหน …ความรู้สึกของเขาอยู่เหนือทุกสิ่งอยู่ดีไม่เว้นแม้กระทั่ง ‘หัวใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม