ติ๊ด! ติ๊ด!
เสียงดังจากเครื่องมือสื่อสารข้างหัวเตียงรบกวนหญิงสาวผู้ซึ่งอยู่ในห้วงนิทราเป็นระยะ พิมพ์พลอยสะบัดศีรษะพลางขยับกายไปมาด้วยความเมื่อยล้า เปลือกตาหนักอึ้งพยายามลืมตาสู้แสงแดดจ้า
ติ๊ด! ติ๊ด!
รู้สึกร้าวระบมทันใดเมื่อตื่นขึ้นมา มือบางคว้าโทรศัพท์ปรากฏปลายสายคือเพื่อนสนิท
‘ณฟ้า’
[นี่มันกี่โมงแล้ว!] เสียงเข้มดังขึ้นในจังหวะเดียวกันที่กดรับสาย พิมพ์พลอยมองไปรอบกายก่อนถอนหายใจราวกับเบื่อหน่าย ผู้ชายคนนั้นจากไปแล้วหลังจากบทรักจบลง เขาออกไปทันราวมันไร้ความหมาย ไม่มีแม้แต่ถ้อยความหวานอ่อนโยนเฉกเช่นตอนอยู่ในห้วงเสน่หา
แยกเซ็กซ์กับหัวใจได้ชัดเจนอย่างที่ปากว่าจริงๆ
ทำให้ได้อย่างเขาสิพิมพ์พลอย อย่าหวั่นไหว!
แม้เลือกบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ส่วนลึกในหัวใจก็ยังคงปวดร้าวอยู่ดี เจ็บแปลบหน่วงหัวใจ เมื่อรู้ตัวว่าสูญเสียสิ่งมีค่าที่สุดให้เขาไปแล้ว น่าจะรู้ว่าชายหนุ่มไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่แล้ว ยังกล้าฝันว่าเขาจะแกล้งปฏิบัติด้วยดีด้วยอีก
ทว่าอย่างน้อยก็ให้เกียรติกันสักนิดไม่ได้เลยหรือ สงสัยเห็นว่าเป็นของใกล้ตัวที่เผลอกินนิดกินหน่อยแล้วค่อยผลักไสยังไงก็ได้
ต้องโทษตัวเองมากกว่าใจง่ายเอง แค่เขาจูบนิดจูบหน่อยก็อ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ อย่าทำเป็นเด็กน้อยนักสิอะไรที่เสียแล้วก็ให้มันเสียไป
…เรื่องเมื่อคืนก็แค่ความผิดพลาด
ในเมื่อเขามองมันแค่เซ็กซ์และความอยาก เธอก็จะมองมันเช่นนั้นเหมือนกัน
ได้แค่ตัว…ไม่มีหัวใจเกี่ยวข้อง
[ฮือ…โทรมาทำไมแต่เช้า] คนตัวเล็กถามทั้งที่ไม่ได้ดูนาฬิกา เธอกำผ้าห่มผืนหนาแน่นเพราะเนื้อตัวเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยแดง
[เช้าอะไร! นี่มันสิบเอ็ดโมงแล้วโว้ย]
[ฮะ! สิบเอ็ดโมง!]
[เออสิ! แกมีงานที่ภูเก็ตไปเลย! ไปขึ้นเครื่องให้ทัน] เบิกตากว้างที่สุดเมื่อคิดได้ ใช่วันนี้เธอต้องไปดูงานต่างจังหวัด
อยากจะบ้าตายเมื่อคืนไม่น่าดื่มหนัก จนเผลอทำอะไรไร้สติลงไปเลย เพียงนึกถึงมันใบหน้าหวานก็ร้อนผ่าว
…แม้ภาพที่ตัวเองควบขี่อยู่บนร่างสูงนั้นจะแวบเข้ามาในหัวเพียงชั่วครู่แล้วเลือนหายไป
ก็อายตัวเองอยู่ดี!
[เออ แค่นี้]
ตอบกลับแล้วตัดสายทันที คนตัวเล็กก้าวลงจากเตียงใหญ่ ทว่าแค่เพียงปลายเท้าแตะพื้นสีขาวความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่ร่างกาย
นาวินรังแกเธอหนักมือไปจริงๆ ร่างบางปวดร้าวไปหมดทั้งตัวไม่เว้นแม้กระทั่งส่วนนั้น เมื่อเข้ามาในห้องน้ำได้แต่มองดูกระจก ร่างกายเปลือยเปล่ามีแต่ร่องรอยรักซึ่งชายหนุ่มขยันฝากฝัง พิมพ์พลอยเวลานี้ดูไม่จืดเลยทีเดียว!
…เลิกคิดถึงอย่าวอแวผู้ชายคนนั้นให้มาก งานต้องมาก่อน
เจ้าหญิงน้ำแข็งตั้งสติไล่ทุกสิ่งที่ไร้สาระออกไป
‘เวลานี้ต้องไปถึงสนามบินให้เร็วที่สุด!’ กัดฟันกรอดบอกตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะจัดการธุระทุกสิ่งเพื่อเตรียมตัวไปยังที่หมายทันที
@ภูเก็ต
โรงแรมไฮเอ็นด์ระดับห้าดาวติดริมทะเลเป็นสถานที่ซึ่งลูกค้าขอมาเพื่อเปิดตัวรถหรูในเครือของเขา มันประกอบไปด้วยที่พักซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจราวกว่าสองพันไร่
โดยมีสนามแข่งรถขนาดใหญ่รวมถึงสวนกว้างเพื่อจัดปาร์ตี้ซึ่งเป็นหัวใจหลักในงานครั้งนี้ จึงไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าหากเจ้าพ่อธุรกิจสีเทาอย่าง ‘เทวา’ จะถูกใจ
พิมพ์พลอยถอนหายใจมองไปยังทีมงานที่ทยอยขนของออกจากรถตู้คันใหญ่ เรียกได้ว่าทุกคนในบริษัทนั้นพาตัวเองมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
‘เกือบไม่ทันเสียแล้ว’ คิดแล้วก็โล่งใจเรียกได้ว่าเฉียดฉิวใกล้ตกเครื่องกันเลยทีเดียว ก่นตำหนิตนเองแทบทุกนาทีที่เผลอปล่อยตัวจนเกือบเสียเวลา ไม่กล้าคิดว่าถ้าหากงานนี้ไม่มีทั้งเธอและณฟ้ามาดูแลมันจะพังยับเยินขนาดไหน
งานใหญ่ขนาดนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด!
หากเพื่อนสนิทโทรหาเธอช้ากว่านี้ไปนิดเดียว สงสัยคงได้ขายหน้าลูกน้อง จนต้องยอมควักเงินในกระเป๋าเพื่อออกค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางมาที่นี่เองก็บังอาจทำตัวไร้ความรับผิดชอบนี่นา
…เป็นหัวหน้างานเล่นไม่รักษาเวลา ลูกน้องที่ไหนมันจะเคารพ!
“ถ้าคุณไม่มาผมคงเสียใจแย่” วาจากวนประสาทรวมถึงนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ซึ่งขยันส่งมาตั้งแต่อยู่ที่สนามบิน จนพิมพ์พลอยหันไปมองค้อนเอือมระอาผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงชอบมาวอแวกันนัก
“ฉันต้องมาสิคะก็รับปากแล้ว” ไม่รู้หมอนี่จะวุ่นวายอะไรกับเธอนักหนา ปกติแล้วรู้ดีว่าวาริธรเรื่องมากและเว้นระยะห่างกับทีมงานพอสมควร จากที่เคยได้ยินมาซุปตาร์ระดับเขา ไม่น่าเดินทางมาด้วยเที่ยวบินประหยัดพร้อมกับบริษัทเธอได้เลย
ดังนั้นจึงไม่เผื่อใจไว้เลยสักนิดว่าจะเจอชายหนุ่มหล่อยิ้มหน้าแป้นเฝ้ารอกันยังสนามบิน เขาถึงขนาดออกคำสั่งว่า…
ถ้าหากคุณพิมพ์ยังไม่มาให้ทุกคนรอ จะอาสาเป็นป๋าออกค่าตั๋วทั้งหมดอีกครั้งให้เอง เล่นเอาเธออายจนไม่รู้จะเอาหน้าซุกไว้ที่ไหน
…จะมีใครสงสัยหรือเปล่าว่าหมอนี่พยายามจีบเธออยู่
“ผมกลัวคุณเบี้ยว” ยิ้มหยอกเย้ารวมถึงสายตาเจ้าชู้นั่นพิมพ์พลอยเกลียดที่สุด
“ฉันไม่เคยผิดสัญญาค่ะ รับปากคุณครามว่ายังไงก็ตามนั้น” เสียงแข็งขืนย้ำ
“ครับ...ดีมากเลย” เว้นระยะห่างคำพูดชัดถ้อยชัดคำรู้สึกเหมือนกำลังโดนขู่ ชายหนุ่มต้องรู้อยู่แล้วว่าชะตากรรมของบริษัททั้งหมดอยู่ในกำมือเขา จ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายสำหรับวาริธรมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับบริษัทเล็กๆ อย่างพวกเธอก็ไม่ง่าย มันมากมายมหาสารพอตัว
…เอาใจเขาไว้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“ถ้าคุณเบี้ยวผมคงต้องขอตัวกลับ” ว่าแล้วคนถือไพ่เหนือกว่าก็เริ่มอวดดีพร้อมยิ้มแยกเขี้ยวใส่
“นี่คุณ!”
“ว่าไงครับ” ใบหน้าหล่อเหลามองกลับมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่เพิ่งออกฤทธิ์ไป
“ฉันเคยทำอะไรให้คุณเหรอคะ” วาริธรไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง ใส่ใจแค่ใบหน้าบึ้งตึงแม้ดูเหมือนจำใจขนาดไหน แต่ก็ยังคงน่ารักอยู่ดีในสายตาเขา ไม่รู้ทำไมถึงชอบแกล้ง ชอบหยอก ชอบกวนใจพิมพ์พลอยนัก ใจมันรู้สึกสนุกทุกครั้งเมื่อได้อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้
“จำได้ว่า…ไม่มีนะ” หัวเราะในลำคอตอบไปเริ่มรู้สึกอารมณ์ดี
“แล้วทำไมคุณถึงขู่ฉัน” พิมพ์พลอยอ่อนใจ เลือกถามอย่างตรงไปตรงมาอยากจบปัญหาให้เร็วที่สุด
“ก็ไม่มีอะไรนี่” ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ
“ผมแค่อยากให้คุณสนใจ” แทนที่จะสำนึกคนเอาแต่ใจกลับคว้าข้อมือเล็กไปกุม
“เอาใจผมหน่อยนะครับ” นัยน์ตากลมเบิกกว้าง ตกใจจนต้องสะบัดมือออกห่างจากการเกาะกุม สัมผัสรุกเร้าจากสัญชาตญาณนักล่าทำให้ทุกสายตาต่างหันมาจับจ้องมายังทั้งคู่
“อย่าทำอย่างนี้อีก!” เขาไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางดูไม่ออกว่าเธอไม่สบายใจกับท่าทีแปลกประหลาดเหล่านี้ เกลียดกริยาถึงเนื้อถึงตัวที่เขาพยายามแสดงออกมาคล้ายกับสนใจ
“โหขึ้นเสียงใส่เสียใจแย่เลย” เสียงใสเปล่งชัดถ้อยชัดคำ แววตาเป็นประกายนั่นก็อีก มันจอมปลอมสิ้นดี
“อย่ามาเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน” กลายเป็นฝ่ายหญิงตอกกลับใส่เขาบ้าง อดทนกับวาริธรได้แม้เพียงชั่วครู่ก็ถือว่าเก่งแล้ว
“หมดแรงทำงาน”
“คุณนี่มัน!” แสดงท่าทีเหมือนจะมาซบลงยังเรียวไหล่บาง
“อ้าว! บังเอิญจัง” เสียงร้องทักจากคนที่พึ่งมาถึงทำให้ทั้งคู่เลื่อนสายตามองไปยังหล่อนทันที ‘พิชชา’ คลี่ยิ้มหวาน แต่พิมพ์พลอยรู้ดีว่ารอยยิ้มนั่นมันเคลือบด้วยยาพิษ ทำเหมือนดีใจเสียเต็มประดา ทว่าแท้จริงแล้วกำลังสอดส่องอะไรบางอย่างอยู่ต่างหาก
ผู้หญิงคนนี้กำลังจับผิดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพระเอกหนุ่ม!
“สวัสดีครับพี่พีช ผมนึกว่าพี่จะมาพรุ่งนี้ซะอีก” ที่จริงการถ่ายโฆษณาเพื่อเปิดตัวงานอีเวนต์เริ่มต้นในวันรุ่งขึ้น วันนี้จึงมีเพียงปาร์ตี้ต้อนรับเหล่าแขกคนสนิท รวมถึงทีมงานบางส่วนที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ซึ่งปกติแล้วพิชชาค่อนข้างจะระวังตัว เพราะภาพลักษณ์นางเอกแสนหวานที่ขยันสร้างไว้
…หล่อนไม่มีทางพลาดนอกจากจงใจอยากเป็นข่าว
“พอดีคนพิเศษของพี่สนิทกับเจ้าของงานจ้ะ ต้องให้เกียรติเขานิดนึง” ไม่รู้ว่าจงใจบอกเธอหรือเปล่า เพราะหล่อนหันมาสบตากันราวกับมีเล่ห์นัย
“หืม พี่พีชมีคนพิเศษ ใครเหรอครับสงสัยหนุ่มๆ คงอกหักกันเป็นแถว” วาริธรย้อนถามเสียงหลง พิชชาไม่ใช่คนชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัวขนาดที่ว่าจะเล่าขึ้นมาให้คนซึ่งไม่สนิทสนมฟัง ทุกความสัมพันธ์ของหล่อนจึงค่อนข้างถูกเก็บไว้เป็นความลับ
…จะมีเพียงภาพถ่ายบางส่วนเท่านั้นที่พวกนักข่าวมักจะได้ไป
…ภาพกับนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังที่นางเอกสาวออกปากเองว่าเป็นเพียงเพื่อนที่รู้ใจในกันและกัน
“ยังบอกไม่ได้จ้ะ พอดีแฟนพี่เขายังไม่เสร็จธุระของเขา” พิมพ์พลอยยิ้มหยันระบายลมหายใจ รู้ทันทีว่าคนพิเศษของหล่อนนั่นคือใคร
…สายตาเยาะเย้ยรวมถึงแววตาท้าทายนั่นกำลังบอกว่า ‘สามีเธอไง!’
“อ้อครับ แล้วเขามารึเปล่า”
“มาสิเขาหวงพี่มาก ไม่อยากให้พี่มาที่นี่คนเดียว” พิชชาตอบก่อนแกล้งยิ้มหวานตามฉบับนางเอก
“เอ๋…เกือบลืมทักทาย พี่จำไม่ได้เลยว่าพิมพ์ทำงานอยู่บริษัทนี้” นางมารร้ายเปลี่ยนเป้าหมาย แกล้งหันมาถามเธอราวกับรู้สึกผิด หล่อนปั้นหน้าโศกเศร้าสุดฤทธิ์
…จะไม่รู้ได้ไง ตามสืบความเคลื่อนไหวกันตลอดเวลา
“ขอโทษจริงๆ นะจ๊ะ พิมพ์ย้ายออกจากบ้านตั้งนานแล้ว พี่ก็ยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลาสนใจเรื่องของพิมพ์เท่าไหร่” ถ้ามีรางวัลตุ๊กตาทองก็คงต้องมอบให้ พิชชาเป็นแบบนี้เสมอ หล่อนแสดงละครได้ดีเยี่ยมจนใครแทบจับไม่ได้ว่าแววตาอ่อนโยนเหล่านั้นซุกซ่อนอะไรไว้บ้าง
“ค่ะไม่เป็นไร พิมพ์ก็ไม่ค่อยได้ตามข่าวพี่พีชเหมือนกันเจอแต่คุณพ่อ ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรถึงพี่” พิมพ์พลอยยิ้มหวานสวนกลับ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคงตอบโต้แบบที่ตัวเองอยากทำ ใช้อารมณ์มากกว่าสมองราวกับเด็กน้อย
…แต่ตอนนี้ตาสว่างแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ นิ่งเฉยดีกว่า เสแสร้งมาเสแสร้งกลับไม่โกง!
“คุณพ่อ” วาริธรหันไปมองสองสาวสลับกันไปมาราวกับสับสน คราวก่อนที่เจอกันจำได้ว่าพิชชาเรียกพิมพ์พลอยว่าน้องสาว นึกว่าแค่สนิทกันเหมือนพี่น้องในวงการทั่วไป ยอมควักเงินสืบประวัติหญิงสาวมากมาย มันระบุว่าไม่มีพี่น้องนี่นา ผู้หญิงที่เขาสนใจเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลผู้ดีเก่าอย่างพลากร
“พอดีคุณพ่อของพิมพ์กับคุณแม่ของพี่พีชมีความสัมพันธ์กันค่ะ”
น้ำเสียงราบเรียบพูดขึ้นราวกับไม่แยแสที่บอก แท้จริงแล้วเมื่อก่อนมันเคยเป็นปมของเธอ
“อ้อครับ งั้นผมกับคุณพิมพ์ขอตัวก่อนนะครับพี่”
พอเข้าใจสถานการณ์ เพราะสัมผัสได้ถึงรังสีอมหิตที่แผ่ซ่าน วาริธรจึงตัดสินใจคว้ามือเล็กเพื่อช่วยให้เธอออกไปจากสงครามจิตวิทยาอันน่าอึดอัดเหล่านี้
“เดี๋ยวสิจ๊ะ คนสำคัญพี่มาพอดีเลยจะแนะนำให้ครามรู้จัก”
ไม่ทันขยับเขยื้อนไปไหนซ้ำสองมือยังคงประสานกันแน่นอยู่อย่างนั้น กลับมีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาปรากฏกายกลางวงสนทนา ใบหน้าคมคายที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเรียบขรึมดังปกติ รอยยิ้มยังมุมปากเพียงเล็กน้อยมันบ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นมิตรขนาดนั้น
พิมพ์พลอยอยากเบือนหน้าหนีสถานการณ์วุ่นวาย แม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่ความรู้สึกนั้นมันอยู่กับเธอแค่เพียงชั่วครู่ เพราะเขาไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเช่นเดียวกับคนข้างกาย ชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับภรรยาตัวน้อย
…แม้อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่ใครอยากทำอะไรก็ทำไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาเกี่ยวข้องสนใจกัน ซ้ำพิชชาประกาศกร้าวแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
“นี่วินคนสำคัญที่พี่บอกคราม” ยกยิ้มหน้าระรื่น มือบางควงแขนนาวินอย่างหน้าไม่อาย แอบเห็นนางเอกดังแสยะยิ้ม เพียงแว้บหนึ่งก่อนแปรเปลี่ยนไร้เดียงสาเหมือนเคย
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” วาริธรยิ้มตอบกลับแต่รู้สึกเสียวสันหลังวาบยังไงไม่รู้ ดวงตาสีรัตติกาลของผู้มาใหม่มันสะท้อนจนเขารู้สึกว่า
ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบหน้ากัน!
พิมพ์พลอยยิ้มเย็นให้กับภาพน่ารำคาญใจ อยากจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดอยู่อย่างเดียวกำลังรักษามารยาทอยู่
…แววตาจะสั่นไหวจนผู้หญิงคนนั้นสัมผัสถึงไม่ได้เด็ดขาด
“พักผ่อนอย่างมีความสุขนะครับ ผมขอตัวก่อน” รู้สึกบรรยากาศเริ่มไม่ชอบมาพากล ซุปตาร์หนุ่มจึงตัดสินใจผละออกจากวงสนทนา แต่ก็ไม่ลืมคว้าข้อมือของคนตัวเล็กเดินออกไปด้วยกัน
หมับ!
ทว่าก้าวไปได้แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เหมือนกับโลกหยุดหมุน มือหนาจากผู้ชายข้างหลังดึงแขนเรียวเล็กออกห่างจากการเกาะกุมเบื้องหน้าฉับพลัน ใบหน้าราบเรียบสบตาวาริธรซึ่งมาพร้อมกับคำถามว่า
…มีปัญหาอะไร!
“จะไปไหน สามีภรรยาก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ” เสียงทุ้มถามในขณะที่คว้าคนตัวเล็กให้มาอยู่ข้างกาย คำว่าสามีจากผู้ชายคนนี้ดึงความสนใจจาก วาริธรไปจนหมดสิ้น
พิมพ์พลอยเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างไม่เชื่อว่าเขาจะกล้า รู้สึกอึดอัดที่ได้รับสายตาซึ่งมีแต่คำถามของวาริธร รวมทั้งแววตาไม่สบอารมณ์เคล้าโกรธเคืองของพิชชา
…เธอลำบากใจเหลือเกิน
“ครับ” ซุปตาร์หนุ่มเลิกคิ้วราวกับว่าไม่เข้าใจสิ่งที่ชายคนนี้ทำอยู่
“ผมว่าผมพูดชัดแล้วนะครับ ผมกับภรรยาขอตัวก่อนดีกว่า” วาจาราบเรียบแต่ไม่ได้ซุกซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ วาริธรหัวเราะในลำคอพลางดันกระพุ้งแก้มรู้สึกฉุนเฉียวเมื่อไม่ได้อย่างที่ต้องการ
ทว่าคนตัวสูงนั้นเลือกหมางเมินราวกับไม่ใส่ใจ ความรู้สึกร้อนรนของวาริธร นาวินเคยผ่านมันมาหมดแล้ว มือหนาโอบไหล่บางก่อนกระชับเข้าหากาย เน้นย้ำว่าสิ่งที่แสดงออกไปไม่เกินจริงเลยสักนิด
…ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียเขา!
“แต่คุณพิมพ์ต้องดูแลผม” คนถูกเหยียบหน้าทำตัวแพ้แล้วพาล วาริธรไม่สนใจสถานะอะไรทั้งสิ้น เลือกเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาเมื่อสบโอกาส
“นั่นสิคะวิน ไปตรงนู้นกับพีชดีกว่า พีชให้คนจองห้องไว้ให้คุณแล้วด้วย” พิชชามองนาวินด้วยความรู้สึกผิดหวังคละคลุ้งริษยา ทว่าบทพี่สาวที่แสนดีนั่นมันค้ำคออยู่
“แต่นี่ไม่ใช่เวลาทำงานนี่ครับ” นาวินยักไหล่ไม่ใส่ใจ
“จริงมั้ยครับเด็กดี” กระซิบข้างหูด้วยสรรพนามที่ทำให้พิมพ์พลอยรู้สึกขนลุกซู่ โทนเสียงหวานมันยังคงดังก้องอยู่ทุกโสตประสาท ไหนจะแรงบีบเคล้นจากมือใหญ่ยังหัวไหล่มนจนทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
…พิมพ์พลอยสัมผัสได้ทันทีว่าชายหนุ่มนั้นกำลังโมโห
…และเมื่อเขาโมโหเท่ากับว่าชายหนุ่มจะไม่ใจดีกับเธออีกต่อไป รู้ดีว่ากลับไปต้องเจอการปฏิบัติแบบไหน
“ขอตัวก่อนนะครับ” ขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ ควรทำตัวว่าง่ายแล้วเดินตามผู้เป็นสามีไปดีกว่าถ้าไม่อยากมีปัญหาในภายหลัง กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่เมื่อเผลอนึกถึงบทลงโทษเมื่อคืน
สัมผัสอ่อนหวานนั่นแทรกซึมไปด้วยความเร่าร้อน และมันบ่งบอกได้ว่าเขาไม่ใช่คนใจเย็น
นาวินพร้อมจะทำทุกอย่างตามความต้องการของตัวเองโดยไม่สนใจว่า ‘ภรรยา’ อย่างเธอเจ็บปวดปานจะขาดใจมากน้อยแค่ไหน
…ความรู้สึกของเขาอยู่เหนือทุกสิ่งอยู่ดีไม่เว้นแม้กระทั่ง ‘หัวใจ