บทที่สิบ

2316 คำ
แรงผลักจากคนตัวโตทำให้ร่างเล็กที่เหมือนไร้ทางสู้นั่นรู้สึกเจ็บปวด ความปวดร้าวกระทบเข้ายังแผ่นหลังบอบบางจนตัวเกร็ง นาวินดันเธอเข้าประชิดกำแพงทันทีเมื่อประตูห้องนั้นปิดดังสนั่น “ปะ…ปล่อย” พยายามเปล่งเสียงร้องห้ามแต่ดูเหมือนไร้ความหมาย เมื่อคนพาลแต่หาเรื่องนั้นพยายามคุกคามพลางจ้องมองเธอเขม็งเหมือนกับว่า… ยังไงวันนี้ต้องชดใช้ความผิด! …ผิดที่ริอ่านทำให้เขาอารมณ์เสียแต่เช้า ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ยอมเป็นที่ระบายซะดีๆ …ใช่ผู้หญิงนอกหัวใจอย่างเธอคงเป็นได้เท่านี้ “เคยเตือนไว้ว่ายังไง” เสียงเข้มว่าขณะที่รุกไล่กักขังพิมพ์พลอยในอ้อมกอด สัมผัสบีบรัดจาบจ้วงรุนแรงเคลื่อนความเจ็บปวดเข้าสู่ผิวขาวจนปรากฏรอยช้ำ “บอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันไม่ชอบเป็นคนโง่” รู้สึกเหมือนตัวเล็กลงทันใดเมื่อชายหนุ่มนั้นโน้มตัวลงมากระซิบยังข้างใบหูเล็กเหมือนกับที่เขาชอบทำ ริมฝีปากหนาลากผ่านลงมายังซอกคอพรมจูบทั่วแอ่งชีพจร “ปะ…ปล่อยก่อนพิมพ์มาทำงาน” “งั้นเหรอ” หายใจติดขัดอีกครั้งเมื่อนาวินขบเม้มแผ่วเบาทันทีที่พูดจบ “เป็นเด็กดีของฉันมันยากมากหรือไง” “ก็บอกว่ามาทำงาน” มือเล็กพยายามผลักร่างกายใหญ่โตออกห่าง พลางเน้นย้ำจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ “ทำงานสินะ…แล้วเธอรู้อะไรมั้ย” “…” เขาเว้นระยะราวกับจะแกล้งทรมาน “ฉันเป็นคนหวงของ…อะไรที่เป็นของฉันต้องไม่มีรอยของคนอื่น!” สิ้นสุดคำบอกกล่าวเล่นเอาคนตัวเล็กหน้าซีดเผือด ไรฟันคมเม้มแรงขึ้นตามอารมณ์โกรธเคืองของผู้พูด นาวินซุกไซ้ฝากรอยรักไว้ยังตำแหน่งนอกกายสาวไม่ว่าจะเป็นซอกคอหรือไหล่มน “อย่าทำรอย” คนตัวเล็กหอบสะท้านยามผู้เป็นสามีทำทีราวกับรีบร้อน ชายหนุ่มกระชากเดรสแม็กซี่สีขาวอมชมพูออกจนผิวบางรู้สึกเจ็บปวด …แม้เธอร้องห้ามแต่เขาก็ไม่คิดจะฟัง ใช่! นาวินอยากให้ไอ้ผู้ชายหน้าโง่นั่นมันรู้ว่าพิมพ์พลอยมีเจ้าของแล้ว และเขาคือ ‘สามี’ ของผู้หญิงคนนี้ ถ้าไม่อยากชะตาขาดก็อย่าดื้อรั้นมาวอแวเมียคนอื่น “ฉันชอบนะ…” นัยน์ตาคมสีรัตติกาลนั้นเข้มขึ้นเพื่อยืนยันคำตอบ “ชอบที่บนตัวเธอมีแต่ร่องรอยของฉัน!” พิมพ์พลอยเบิกตากว้างยังไม่ทันร้องห้าม ความเสียวซ่านก็เกิดขึ้นมาแบบเฉียบพลัน ชายหนุ่มเลื่อนมือใหญ่มาบีบเคล้นยังหน้าอกเต่งตึงซึ่งโผล่พ้นชั้นในลูกไม้สีหวาน “อะ…อื้อ” เสียงครางกระเส่าดังขึ้นในขณะที่เขาเริ่มเคล้าคลึงเม็ดทับทิมสีนวลทางเนื้อผ้า นาวินพลิกกายให้ร่างบางหันหลังเผชิญหน้ายังกำแพง มือใหญ่กำข้อมือเล็กแน่น ส่วนริมฝีปากร้อนก็ลากผ่านแผ่นหลังเพื่อปลดตะขอชั้นใน ฟันคมนั้นดึงมันออกราวกับเชี่ยวชาญ พิมพ์พลอยเผลอกัดปากตนเองอย่างสุดแรง พวงแก้มใสนั้นแดงระเรื่อ เมื่อชายหนุ่มจูบซับยังผิวกายเปลือยเปล่า “ชอบมั้ยครับ…คนดี” เสียงทุ้มกระซิบพร้อมพรมจุมพิตบริเวณใบหูอีกครั้ง ขณะเดียวกันนิ้วเรียวของเขาก็เหมือนรู้หน้าที่ มันขยันหยอกล้อกับเม็ดทับทิมจนคนตัวเล็กรู้สึกวาบหวาม “อะ…อ๊ะ” สัมผัสรัญจวนแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ชายหนุ่มทำเหมือนต้องการให้เธอขาดใจตายจากความเร่าร้อน เพราะมือหนาอีกข้างลากต่ำผ่านช่องท้องน้อยลงไปยังกลีบกุหลาบงาม “อย่าเกร็ง” นิ้วเรียวแทรกลึกลงไปยังกลีบดอก ราวกับต้องการจะลงโทษ เสียงแหบพร่าสั่งขึ้นมา ในขณะที่เขาเร่งเร้าขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ความเสียวซ่านแล่นเข้าสู่ร่างกายอย่างไม่มีเงื่อนไข ยามนิ้วร้ายแปรเปลี่ยนเป็นรัวกระหน่ำ “อะ...อ๊ะ” ริมฝีปากอวบอิ่มเผลอเม้มตามอารมณ์ส่วนลึก มือเล็กจิกเข้าหากันแน่นเพราะไม่สามารถระบายความรู้สึกเดือดพล่านที่เขาเป็นผู้ปลุกปั่นได้เลย ใบหน้าหวานซึมไปด้วยเหงื่อที่เปียกชุ่มอยู่ตามร่างกาย นาวินใช้ทั้งสองมือปรนเปรอจนพิมพ์พลอยไม่อาจควบคุมสติได้อีกต่อไป …เธอทรมานเหลือเกิน จังหวะเข้าออกทำให้คนตัวเล็กครางต่ำในลำคอ น้ำหวานไหลเยิ้มเปรอะเปื้อนนิ้วยาวไปหมด “ฮะ…ฮึก!” นาวินไม่ปล่อยให้พิมพ์พลอยรอนาน ในจังหวะที่เธอใกล้แตะขอบสวรรค์ กายแกร่งดันเข้าหาจนมิดลำ คนตัวเล็กจึงหน้าเหยเกพร้อมความเจ็บปวด เพียงเสี้ยววินาทีที่ชายหนุ่มเร่งจังหวะกระแทกเข้าออกเนิบนาบ แล้วค่อยแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงจนร่างบางสั่นเกร็ง “อะ…อ่า” เสียงทุ้มครางก่อนสะโพกหนาจะรัวใส่กลีบกุหลาบงามไม่ยั้ง ร่างบางบิดเร้ากายไปมา เพราะรู้สึกทรมานทว่ากลับเสียวกระสันจนแทบขาดใจ ความปวดร้าวอันหอมหวานครั้งนี้ถูกนำพาโดยชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหลัง นาวินไม่ปรานีเธอแม้แต่น้อย ชายหนุ่มขยับกายใส่ราวกับบ้าคลั่ง “ฮะ…ฮึก” เสียงหอบหายใจปนเสียงครางต่ำของเธอนั้นปลุกสัญชาตญาณความเป็นเสือร้ายในตัวเขา นาวินพลิกกายสาวให้หันกลับมาอีกครั้ง ก่อนอุ้มกระเตงคนตัวเล็กไปยังโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งอยู่ห่างกันไม่ไกล “พะ…พี่วิน” สรรพนามที่แสนเว้าวอนถูกเปล่งออกมา นิ้วเขาสัมผัสริมฝีปากบางชั่วครู่ก่อนบีบคางมน เพื่อให้เธอเผยอปากรับเรียวลิ้นสากอย่างเต็มใจ จุมพิตเร่าร้อนเริ่มต้นขึ้นในขณะที่ชายหนุ่มนั้นตวัดลิ้นหยอกล้อไปมาในโพรงปากหวาน ซ้ำร่างบางหยัดกายเข้าหาบดเบียดทุกสัดส่วนจนแนบชิดกัน …วินาทีนี้มีเพียงนาวินเท่านั้น ที่จะช่วยให้เธอปลดปล่อยและผ่อนคลาย มือเล็กโอบรอบคอหนาก่อนเลื่อนไปจิกยังไหล่กว้างเพื่อให้เขารับรู้ว่าเธอเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกัน ความเสียวซ่านจากสัมผัสวาบหวามนั้น มันทำให้เธอไม่เป็นตัวเอง “อะ…อื้อ” จุมพิตร้อนแรงยังคงดำเนินต่อไปในขณะที่ชายหนุ่มยกเรียวขายาวให้อ้าออก พลางกระแทกกายแกร่งเข้าหาเธออีกครั้ง เอวสอบเคลื่อนตัวเร่งจังหวะหนักหน่วงจนคนตัวเล็กสั่นสะท้าน เมื่อกายแกร่งนั้นกระแทกเข้ามาจนเธอรู้สึกทรมาน “อะ…อ๊า” ใบหน้าคมคายจ้องมองคนตัวเล็กอย่างเต็มตา ภาพตรงหญิงสาวร้องครางเสียงต่ำพลางกัดปากสีชมพูนั้นทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปหยอกล้อกับอกใหญ่เกินตัวตวัดลิ้นพร้อมดูดดื่มจนเม็ดทับทิมเริ่มบวมเป่ง พิมพ์พลอยหอบหายใจถี่ๆ ในจังหวะที่เขากดสะโพกเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า มือบางขยุ้มเรือนผมสีน้ำตาลสุดแรงพร้อมแอ่นกายเพื่อให้เขาฝากฝังรอยรัก “อะ…อ่า!” “อะ…อ๊ะ!” เสียงกรีดร้องปะปนกับเสียงคำรามดังประสานกันไม่รู้รอบที่เท่าไร ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเพราะแตะขอบสวรรค์ไม่รู้กี่ตั้งครั้ง …รู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็ปล่อยสายธารขาวขุ่น เปรอะเปื้อนในกายสาวจนหมดสิ้น ไม่แน่ใจว่าผ่านไปนานเท่าไรกว่าทั้งคู่จะปลดปล่อยความต้องการเสร็จสิ้นนั้น ล่วงเลยไปกว่าสองชั่วโมง ชายหนุ่มกินเธอที่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างตะกละตะกลาม ทว่าดูเหมือนเขายังไม่สาแก่ใจเพราะร่างสูงนั้นลากหญิงสาวมาต่อยังเตียงนุ่มพร้อมเริ่มสานต่อสัมพันธ์สวาทอีกครั้งหนึ่ง พิมพ์พลอยมองร่างเปลือยเปล่าของตนเองในห้องน้ำ หลังจากที่ผละออกห่างจากนาวินได้เพราะชายหนุ่มอยู่ในห้วงนิทรา คนตัวเล็กกวาดสายตามองตั้งแต่ซอกคอขาวซึ่งมีร่องรอยของการขบเม้มจนเป็นสีกุหลาบ ไล่ลงมายังหน้าอกเต่งตึงเกินตัว ชายหนุ่มจงใจฝากรอยแดงไว้มากมายทั่วร่างกายเธอ ดวงตากลมโตหลับตาลงพลางคิดถึงอดีต เหตุการณ์ก่อนเธอจะตัดสินใจรับปากบิดากระโจนเข้าบ่วงวิวาห์ที่ไม่เคยต้องการ ‘ฉันสั่งให้แกแต่ง! แกต้องแต่ง!’ เสียงตวาดกึกก้องยังห้องนั่งเล่นในเช้าวันเสาร์ วันนี้คนตัวเล็กแค่เข้ามาเยี่ยมมารดาเหมือนอย่างทุกครั้งเท่านั้น …เธอตัดสินใจย้ายออกจากบ้านพลากรตั้งนานแล้ว เมื่อตั้งตัวได้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องว่าง่ายให้บิดาชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้อีก ทว่าด้วยจิตสำนึกของลูกที่ดีพิมพ์พลอยไม่อยากเนรคุณจึงส่งเงินให้พวกท่านบ้างตามกำลังที่มี …แต่ดูเหมือนว่ามันยังไม่พอ …ท่านไม่เคยพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ‘ไม่ค่ะ พิมพ์ไม่มีความจำเป็นต้องฟังคำสั่งคุณพ่ออีก’ ‘คิดว่าปีกกล้าขาแข็งหาเงินได้ด้วยตัวเอง แล้วเก่งมากนักหรือไงนังลูกโง่!’ สายตาเหยียดหยามของเพลิงพลบุตรสาวยังจำมันได้ดี ไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไร เพราะท่านก็ปฏิบัติกับเธอและมารดาแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่มีความเกรงใจ มีแต่กิริยาหยาบคายที่เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ ‘วาดดาว’ และ ‘พิชชา’ ก้าวเข้ามาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เรียกได้ว่าทั้งเธอรวมถึงมารดากลายเป็นเพียงแค่ฝุ่นผงที่ท่านมองข้าม จะหยิบใช้งานต่อเมื่อมีประโยชน์เท่านั้น …และวันนี้ก็มาถึง วันที่ท่านใช้คำว่า ‘พ่อ’ บังคับกดขี่ข่มเหงเธออีกครั้ง ‘พิมพ์ทำงานแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องฟังคุณพ่ออีก’ ใบหน้างดงามเชิดขึ้นอย่างถือดี ‘เหรอ…ไม่ต้องฟังฉันงั้นเหรอ’ ไม่เคยมีสักครั้งที่ท่านจะไม่ลงไม้ลงมือถ้าไม่ได้ดังใจ เพียะ! คนที่เธอเรียกว่าพ่อพร้อมจะทำลายทุกอย่างตั้งแต่เล็กจนโตเมื่อบุตรสาวไม่ฟังคำสั่ง ใบหน้าหวานจึงสะบัดตามแรงอารมณ์เกรี้ยวโกรธของเพลิงพล ฝ่ามือหนาตบลงมาสุดแรงจนหน้าชา ไม่สนใจว่าคนที่ท่านกระทำอยู่นั่นคือบุตรสาวในสายเลือด ‘คุณ!’ ไพรินวิ่งเข้ามาจากหลังครัวเมื่อเห็นว่าลูกรักทรุดตัวนั่งอยู่ยังพื้นพรม มือบางสั่นระริกพร้อมจะเข้าไปทำร้ายสามี ทว่าคนที่มีแรงมากกว่ากลับสะบัดหล่อนออกจากการเกาะกุมอย่างหยาบคาย ‘แม่!’ พิมพ์พลอยร้องเสียงหลงรีบเข้าไปหาท่านสุดชีวิต หน้าผากของมารดาฟาดลงไปยังขอบโต๊ะจนมีเลือดไหลออกมาฉับพลัน ‘พ่อทำแบบนี้ทำไมคะ ตอนแรกไม่อยากให้พิมพ์แต่งงานกับเขาไม่ใช่เหรอ ลงทุนวางแผนต่างๆ เพื่อให้เราห่างกัน’ ยอมทนไม่ไหวอีกต่อไป ที่ผ่านมาหลับตาหูหลับตาให้ท่านกดข่มเหงเพราะรักและเคารพมารดา แต่ตอนนี้ผู้ชายที่เธอเรียกว่าพ่อกลับลงไม้ลงมือทำร้ายคนที่เธอรักมากที่สุด ‘เพราะพี่พีชขัดคำสั่งพ่อใช่มั้ย! พ่อเลยอยากจะส่งพิมพ์ไปให้แต่งงานกับบ้านนั้นแทน’ พิมพ์พลอยย้อนถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่ในใจ ‘ใช่! นังนั่นมันเห็นแก่ตัวลืมว่าฉันเคยช่วยมัน’ เพลิงพลตอบอย่างแค้นเคือง ‘แล้วพิมพ์เกี่ยวอะไรด้วย! พิมพ์ไม่อยากแต่งไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนบ้านนั้นอีก’ ‘ไม่ได้! แกเป็นลูกฉัน ฉันสั่งอะไรแกต้องทำ หรืออยากให้แม่แกมีสภาพแบบนี้อีก’ สายตาเย็นชามองไปยังสองแม่ลูก พิมพ์พลอยได้แต่กอดมารดาที่สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมแขน ‘อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแม่แกกับแกคิดจะไปจากฉัน’ คนตัวเล็กหน้าถอดสีประหม่าจนพูดไม่ออก ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่านั่นคือความจริง ‘พะ…พ่อ’ ‘คิดว่าฉันโง่นักหรือไง อยากไปก็ไปสิแต่ก่อนไปลูกสาวอย่างแกต้องทำประโยชน์อะไรให้ฉันบ้าง’ เหนื่อยล้าเหลือเกิน เมื่อไรเธอจะหลุดพ้นจากความทรมานตรงหน้าไปเสียที ‘หมายความว่ายังไงคะ’ ‘อย่างที่ฉันบอก…ถ้าแกยอมแต่งงานทำตามคำสั่งเอาเงินสามีแกมาให้ฉัน หลังจากนั้นฉันจะไม่ยุ่งวุ่นวายอะไรกับพวกแกสองแม่ลูกอีก’ คนเห็นแก่ตัวหัวเราะเสียงเย็น แววตาที่กำลังมองทั้งคู่อยู่นั่นไร้ความอาลัยอาวร ‘แน่ใจมั้ยคะที่พูด’ กลืนน้ำลายลงคอพลางย้อนถาม รู้ว่าสิ่งที่ท่านต้องการให้ตนเองทำมันช่างฝืนใจ …ถ้าเลือกได้ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายที่ชื่อนาวินอีก ‘ถ้าแกรับปาก ฉันจะเซ็นใบหย่าให้แม่แก’ รู้ว่าสิ่งที่ลูกสาวต้องการคืออะไร ไม่แปลกที่ชายชราจะใช้เหยื่อล่อที่เธอปรารถนามาตลอด อิสระของไพรินสำคัญกับพิมพ์พลอยแค่ไหนเพลิงพลรู้ดี ‘ถ้าคุณพ่อรับปาก พิมพ์จะแต่งค่ะ หลังจากนั้นได้เงินเมื่อไหร่หวังว่าเราคงไม่ต้องมาวุ่นวายกันอีก’ ‘ได้! คิดว่าฉันอยากยุ่งกับพวกแกสองแม่ลูกมากหรือไง อวดดี’ ท่านหัวเราะพลางส่งสายตาดูถูกก่อนเดินจากไป ไม่มีอีกแล้วคุณพ่อที่เคยอบอุ่นอ่อนโยนของบุตรสาวตัวน้อย บัดนี้มีเพียงแต่ชายชราผู้ใจร้ายเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองเท่านั้น เพราะอะไรกันทำไมท่านถึงเปลี่ยนไป… พิมพ์พลอยกระชับมารดาเข้าหาตัวอีกครั้ง เธอประคองไพรินให้นั่งลงบนโซฟา ‘ฮะ…ฮือ…แม่ขอโทษลูก’ เสียงร้องไห้ของท่านบาดหัวใจคนฟังจนไม่เหลือชิ้นดี ‘ไม่เป็นไรค่ะแม่…เราจะผ่านมันไปด้วยกัน’ พิมพ์พลอยปลอบมารดา นี่คงเป็นหนทางสุดท้ายที่จะช่วยท่านให้หลุดพ้นจากนรกที่เธอเคยเรียกมันว่า ‘บ้าน’ สักที!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม