บทที่สิบเอ็ด

3431 คำ
เสียงพังข้าวของดังสนั่นห้องชุดสุดหรู สองมือที่ปริแตกกำแน่นเข้าหากัน อยากจะกรีดร้องแต่ก็ไม่อาจทำได้ ภาพลักษณ์นางเอกผู้แสนดีมันค้ำคออยู่นี่ไง ใบหน้าหวานเข้มขึ้นตามแรงอารมณ์ พิชชาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อระบายความรู้สึกอัดอั้นที่กำลังฆ่าให้เธอทรมานไม่ต่างจากตายทั้งเป็น …ใช่ อยากเอาชนะพิมพ์พลอยมาตลอด เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทว่ารู้สึกเหมือนตนเองแพ้ยับเยินอีกครั้งไม่ต่างกับในอดีต หรือความจริงแล้วไม่มีสักนาทีที่เผลอชนะผู้หญิงคนนั้นเลยด้วยซ้ำ ยังคงเป็นได้แค่เงาในหัวใจเขาอยู่ดี นัยน์ตาหวานสั่นระริกยังจำก้าวแรกที่เข้าไปยังบ้านพลากรได้เป็นอย่างดี ‘วาดดาว’ มารดาเธอคบชู้กับเพลิงพล หล่อนไต่เต้าจากผู้หญิงซื้อกินชั่วคราวจนกลายเป็นเมียน้อยไฮโซด้วยเสน่ห์แพรวพราวทั้งหมดที่มี ‘นี่บ้านใหม่ของเราเหรอคะแม่’ หันไปถามมารดาในขณะลากกระเป๋าเข้าไปในคฤหาสน์แสนสวย ดวงตากลมโตส่องสกาวปลาบปลื้มไปหมด อะไรซึ่งเคยฝันบัดนี้เหมือนทุกอย่างอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม ‘ใช่! ต่อไปนี้ทั้งหมดจะกลายเป็นของเรา’ ท่านตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนคนไม่เคยมีคลี่ยิ้มดีใจ ยามนึกถึงความสุขที่เธอจะได้รับจากทรัพย์สินมหาสารของสามีใหม่แม่ ทว่าเหมือนทุกอย่างเลือนหายไปในชั่วพริบตา เมื่อรู้ความจริงที่ว่าแม่ของเธอเป็นได้เพียง ‘เมียน้อย’ เท่านั้น สองแม่ลูกย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังเล็กใกล้เรือนคนใช้อย่างจำใจ ยอมทำตัวเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายเพียงเพราะอยากได้ของคนอื่นมาครอบครอง แม้ไม่เคยถูกประคบประหงมหรือตามใจแต่ก็ไม่วายถูกเหยียดหยามอยู่ดี นางเอกสาวจำสายตาดูถูกที่ซุกซ่อนไว้ของพวกคนเหล่านั้นได้ แม้ต่อหน้าประจบเอาใจเพราะเพลิงพลหลงใหลกลิ่นใหม่อย่างวาดดาว แต่ลับหลังทุกคนยังเคารพคุณผู้หญิงของบ้านเสมอมา ไพรินจึงถือเป็นที่หนึ่งเหนือมารดา เพราะแบบนี้ไงการมีทุกอย่างมันไม่ง่ายดายสักนิดเดียวสำหรับลูกเมียน้อย ต้องตะเกียกตะกายพยายามทำทุกทางเพื่อให้เทียบเท่าคุณหนูของบ้าน รู้แหละว่าเป็นได้แค่ของปลอมแต่ความเจ็บปวดของเด็กคนนั้นคือความสุขของเธอ! คิดแบบนี้มาตลอด ถูกเหยียบย่ำไม่เหลือแม้กระทั่งศักดิ์ศรีเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอเกลียดชังพิมพ์พลอย เด็กสาวไม่ชอบใจที่บิดาสนใจมารดาเธอมากกว่า จนพานดูถูกวาดดาวและพิชชาตามนิสัยลูกคนรวย เธอทนเก็บความคับแค้นใจพยายามตีสนิทกับเพลิงพล จนรู้ว่ามีความปรารถนาบางอย่างของท่านซ่อนอยู่ และมันเป็นเหมือนทางลัดซึ่งจะทำให้คนที่ขาดโอกาสมาตลอดทั้งชีวิตมีทุกอย่างเทียบเท่าคนที่เกลียดได้ …ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ชายที่ชื่อ ‘นาวิน’ ‘อ้าว วินมานั่งรอน้องพิมพ์เหรอ’ เสียงใสถามในขณะที่ทรุดตัวลงยังม้านั่งตัวเดียวกัน เหมือนนี่เป็นภาพที่เห็นจนชินตา เพราะหลังเลิกเรียนเด็กหนุ่มมักจะมาเฝ้ารอน้องน้อยเป็นประจำ นาวินให้ความสำคัญกับพิมพ์พลอยเหนือสิ่งอื่นใดบนโลกใบนี้ เด็กหนุ่มพร้อมเสียสละทุกอย่างเพียงแค่เธอเอ่ยปากร้องขอ ‘ใช่ เราไม่เจอน้องหลายวัน’ นาวินพยักหน้ารับคำ ไม่ได้มองคนข้างกายสักนิด ‘เหรอ เราว่าวินคงมาเสียเที่ยวนะ เพราะน้องพิมพ์ออกไปเที่ยวกับเพื่อนรู้สึกเหมือนจะชื่อชินมั้ง’ พิชชาจงใจย้ำชื่อของเตชิน รู้ดีอยู่แก่ใจว่านาวินไม่ชอบถ้าพิมพ์พลอยทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นโดยเฉพาะผู้ชาย เขามักเป็นห่วงเด็กนั่นเสมอแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย ‘ไม่เห็นน้องบอกเรา’ คนตัวโตขมวดคิ้วสงสัย ในขณะที่หันไปสบตาพิชชา หากเด็กสาวกลับเลือกก้มหน้ามองต่ำราวกับจงใจปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ ‘นั่นเธอโดนอะไร’ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารอยจางๆ ข้างมุมปาก มันเกิดจากการโดนทำร้าย แม้ปรากฏให้เห็นเพียงเล็กน้อยแต่ก็สร้างความคลางแคลงใจได้เป็นอย่างดี ‘ปะ…เปล่าหรอก’ เบิกตากว้างก่อนส่ายหน้าตกใจ ใบหน้าสวยซีดเซียวขึ้นมาจนคนขี้สงสารรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย ‘ไม่จริง รอยนั่นมันโดนทำร้ายชัดๆ’ เสียงเข้มเถียงขึ้นมา ‘บอกเรามา’ ‘หรือเธอโดนเพื่อนรังแก’ ‘ไม่ใช่หรอก’ ‘แล้ว…’ ‘น้องพิมพ์ไม่พอใจที่เราจะได้ไปญี่ปุ่นด้วยเลยอาละวาดฉีกตั๋วเราทิ้ง ส่วนลุงเพลิงก็ตีเราหาว่าเราทำตัวสนิทสนมกับครอบครัววิน’ ‘จริงเหรอ!’ อุทานถามเพราะตกใจ อดพิพากษาพิมพ์พลอยในใจไม่ได้ว่าทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนี้ คิดอย่างโง่เขลาโดยไม่เฉลียวใจเลยว่าทุกอย่างมันคือกับดัก ชายหนุ่มเอื้อมสัมผัสยังมุมปากบาง พิชชาได้ทีจึงจับหลังมือเขาตอบเพื่อเป็นการขอบคุณ ใจเผลอคิดการใหญ่เกินตัว ถ้าหากได้ผู้ชายคนนี้มาอยู่ข้างกาย พิมพ์พลอยคงวิ่งเต้นไม่พอใจน่าดู …รู้ว่ายิ่งท้าทายยิ่งอยากได้และอยากลอง ‘เธอคงเจ็บมาก’ ‘อืม…ไม่เท่าไหร่หรอกเราชินแล้ว’ ยิ้มหวานตอบในขณะที่นาวินดึงมือออกห่าง ‘ต่อไปนี้มีอะไรให้บอกเรานะ ยังไงก็เป็นเพื่อนกัน’ สิ้นสุดประโยคพูดคุย หลังจากนั้นไม่นานพิชชาก็เริ่มสนิทสนมกับนาวินอย่างงายดาย จนบางครั้งเขาเผลอหลงลืมพิมพ์พลอยไป ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอถูกใจมากที่สุด ยิ่งใกล้กันมากเท่าไร เด็กสาวไม่ต่างจากไฟที่คอยสุมให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่แตกหักจนพังยับเยิน ถามว่าดูออกไหมว่านาวินยังหลงเหลือเยื่อใยให้กับพิมพ์พลอยอยู่ ตอบได้เลยว่ารู้มาโดยตลอด ปากบอกว่าจะดูแลปกป้องเธอแต่ในใจมันย้อนแย้ง เพราะเขาคิดถึงคนอื่นก่อนเธอตลอดเวลา! …ช่างสิไม่สน แค่ทำให้พิมพ์พลอยเจ็บปวดก็ถือว่าชนะแล้ว ต้องขอบใจ ‘เพลิงพล’ ที่สร้างแผนการเลวร้ายนี้ขึ้นเฉือนหัวใจลูกสาวตนเอง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจต่อสายหาคนที่คิดว่าจะช่วยเธอได้ในเวลานี้ [ฮัลโหลค่าคุณน้อง] เสียงสดใสของปลายสายทำให้พิชชาแบะปากระอา รู้ดีว่าหล่อนไม่ค่อยอยากพูดจากับเธอเท่าไร แค่เสแสร้งไปก็เท่านั้นก็ยังมีผลประโยชน์ให้กันอยู่ ไม่ประจบสอพลอสิแปลก [ค่ะพี่เอมมี่ พอดีพีชมีเรื่องจะให้ช่วย] ตัดสินใจบอกความต้องการให้ปลายสายรับรู้อย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะสุดท้ายเอมมี่ก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่ดี ผู้จัดการคนนี้ไม่มีปากเสียง ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ตลอด ซุปตาร์ดังอย่างพิชชาล้วนแล้วแต่ได้ทุกสิ่งที่ต้องการเสมอ จึงติดนิสัยเอาแต่ใจจนเคยตัว [มีอะไรรึเปล่าคะน้องพีช] [วันนี้พีชรู้ว่าจะมีงานตอนเย็น ถ้าอยากขอให้พี่เอมมี่ช่วยอะไรหน่อยได้มั้ยคะ] ยังไม่เล่าแผนการทั้งหมดก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ เหมือนพอจะคาดเดาบางอย่างได้ …คงเหนื่อยกับเธอมากสินะ อดทนหน่อยก็เล่นสูบเลือดสูบเนื้อกันไปตั้งมากมาย [ค่ะ พี่ขัดใจคุณน้องไม่ได้อยู่แล้วนี่คะ] [รู้ก็ดีค่ะ พีชอยากให้พี่เอมมี่ช่วยขังพิมพ์ไว้ในห้องเก็บของหน่อยได้มั้ยคะ แกล้งบอกว่าจะให้ไปช่วยหาครามหรือยังไงก็ได้ พีชรู้พี่มีวิธีจัดการ] [เพื่ออะไรคะ พี่อยากรู้เหตุผล] เอมมี่ย้อนถามเพราะไม่เข้าใจว่านางเอกสาวกำลังเล่นสนุกอะไรอยู่ พิมพ์พลอยนั่นก็น้องสาวเธอนะ ทำไมต้องอยากทำลายกันถึงขนาดนี้ด้วย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พิชชาคิดร้ายกับเจ้าหล่อน [พีชอยากอยู่กับวินค่ะ] ย้ำทุกอย่างชัดถ้อยชัดคำ [พีชจะนอนกับวินคืนนี้!] ความอายไม่ได้ทำให้ได้ชายหนุ่มมาครอบครอง แสร้งเป็นคนดีไปก็เปล่าประโยชน์ทางออกแบบนี้แหละรวดเร็วที่สุด งานนี้นักข่าวเยอะจะตาย ถ้ามีคนเห็นเธอเข้าไปในห้องสวีทพร้อมนาวิน จากข่าวเต้าจะได้กลายเป็นข่าวจริงเสียที [ต๊ายย…น้องพีชพี่ว่า…] [จะทำตามที่พีชบอกหรือจะให้พีชกลับกรุงเทพฯ ไปเลยแล้วเสียงานคะ] ตัดสินใจขู่จนเอมมี่เงียบไปสักพักใหญ่ราวกับขอเวลาเพื่อคิดทบทวน [ก็ได้ค่ะแต่แค่ครั้งเดียวนะคะ] [ค่ะ!] วางสายทันทีเมื่อมีโอกาส คนเจ้าแผนการยิ้มหวานพลางคิดถึงอนาคตล่วงหน้า ยังไงคืนนี้เธอก็จะทำให้นาวินกลายมาเป็นของตนเองจนได้ …จะไม่ยอมให้พิมพ์พลอยอยู่เหนือกว่าอีกต่อไปแล้ว ตื่นมาพรุ่งนี้หญิงสาวจะได้รู้สักทีว่าใครกันแน่ที่มีสิทธิ์อยู่บนเตียงเดียวกับผู้ชายที่หล่อนเรียกว่า ‘สามี’ “แน่ใจเหรอ ว่าจะใส่ชุดนี้” สายตาเข้มไม่ต่างอะไรกับมีดแหลมคมไล่มองชุดที่เธอสวมใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า พิมพ์พลอยเมินเฉยไม่สนใจ เลือกใส่เครื่องประดับที่ตั้งใจเตรียมมาต่อไป วันนี้ร่างบางเลือกหยิบชุดกำมะหยี่แบบปาดไหล่สีแดงเลือดหมูเพื่อให้เข้ากับธีมงานเลี้ยงซึ่งจัดขึ้นเพื่อต้อนรับเหล่าทีมงาน “นี่!” จะเย็นชาไปถึงไหนท่าทีไม่แยแสของพิมพ์พลอย ส่งผลให้นาวินรู้สึกแสบร้อนกลางอกคล้ายหน้าแตก ผู้หญิงอย่างเธอมีดีอะไรนักหนา …กล้าดียังไงพยศใส่เขาอีกแล้ว สั่งสอนไปไม่รู้จักหลาบจำ ยิ่งคนตัวเล็กเฉยเมยมากเท่าไร กลายเป็นนาวินเองที่ร้อนรนไม่ต่างจากไฟ คนโดนเมียเมินได้แต่กัดฟันกรอดหน้าดำหน้าแดงอยู่ตรงหน้ากระจก หมับ! มือใหญ่ปราดเข้าไปกระชากแขนเรียว อยากระบายความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมดให้เธอได้รับรู้ “ไม่มีบทเรียน” ร่างสูงขู่ในขณะที่คนตัวเล็กพยายามบิดข้อมือออก “อะไร จะหาเรื่องอะไรพิมพ์นักหนา” พิมพ์พลอยซึ่งถูกดึงไปประชิดตัวได้แต่เงยหน้าพลางย้อนถาม ไม่มีอะไรต้องเกรงกลัวอีกต่อไป …ทั้งหัวใจรวมถึงร่างกายแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี “ไปเปลี่ยนชุด” “ไม่มีเหตุผล” แค่ยิ้มในลำคอราวกับคำสั่งที่ว่าเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ ท่าทีของแม่คนเก่งน่าหมั่นไส้จนเขาเองยังรู้สึกโมโห “ไป-เปลี่ยน-ชุด” เลือกย้ำความต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้ ทั้งที่ไม่ใช่คนชอบพูดอะไรซ้ำซาก “จะบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่าไม่เปลี่ยน” “อย่าทำให้หมดความอดทน” คนใจร้ายมองผ่านเหมือนไม่ใส่ใจในคำพูดคำจา ชายหนุ่มร้ายกาจตัดสินใจอุ้มร่างบางพาดบ่า พลางเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าทันที พิมพ์พลอยไร้ทางสู้ทำได้เพียงดิ้นหนีราวกับปลาขาดน้ำ ทว่าคนที่มีพละกำลังมากกว่าไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน แข็งแรงอะไรขนาดนั้นพ่อคุณ! ชายหนุ่มเดินดุ่มๆ มุ่งหน้าไปยังเป้าหมายที่ปรารถนาอย่างเดียว ไม่แยแสว่าภรรยาจะไม่พอใจในการกระทำแสนอุกอาจนี้เพียงใด “หยุดนะ!” มือบางเจ้าพยศปัดมั่วซั่วทุบตีสะเปะสะปะไปหมด แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด เล็บยาวเริ่มขีดข่วนตามแผ่นหลังผ่านเนื้อผ้าแต่ดูเหมือนไร้ประโยชน์สิ้นดี “เป็นเมียภาษาอะไรหัดดื้อกับผัว” เสียงพึมพำจากเขาทำให้เธอหน้าร้อนผ่าว ได้แต่แกล้งเก็บอาการเพื่อไม่ให้นาวินรู้ว่า …อายกับสถานะนี้เหลือเกิน “พิมพ์เป็นเมียคนที่เท่าไหร่ของคุณ” แกล้งย้อนถามอย่างถือดีทันทีที่เท้าแตะพื้น ดิ้นขลุกขลักผละห่างจากเขาราวกับเป็นของร้อน “หึ อยากเป็นเมียคนเดียวรึเปล่าล่ะ” ลากเสียงเข้มย้อนอย่างมีเล่ห์นัย สิ้นสุดประโยคนั่นก็ได้ทีดันคนตัวเล็กชิดตู้ไม้ด้วยพละกำลังซึ่งมีเหนือกว่า “ถ้าอยากก็อย่าดื้อ!” น้ำเสียงเรียบกล่าวดังสนั่นเหมือนต้องการปั่นประสาท พิมพ์พลอยได้แต่กัดปากแน่นนึกหมั่นไส้ชายหนุ่มเจ้าบงการ นาวินละสายตาจากร่างเล็กก่อนเปิดมันเพื่อรื้อเสื้อผ้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา “เอาแต่ชุดบ้าอะไรมาเนี่ย!” คนตัวโตบ่นขณะเดียวกันมือหนาก็ค้นไปค้นมาเพราะรู้สึกขัดใจทันทีที่เห็น เว้านู่นเปิดนี่จะขยันโชว์ไปถึงไหน กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่าไม่โสด มีสามียืนหัวโด่อยู่ตรงนี้! “เอาชุดนี้” เดรสสายเดี่ยวสีหวานถูกยื่นให้ยังมือเธอ “ทำไมพิมพ์ต้องทำตามคำสั่งคุณด้วย” ในใจร้องค้านว่าอย่าไปยอมเขาเด็ดขาด ยิ่งเธอโอนอ่อนผ่อนตามชายหนุ่มจะยิ่งได้ใจ “อย่าเรื่องมากเธอน่าจะรู้ว่าขัดใจฉันมันดูไม่ฉลาดเท่าไหร่” ช่างน้ำหนักคำพูดเขาชั่วครู่ จึงตัดสินใจทำตามที่นาวินบอก เวลานี้การทำตัวมีปัญหาไม่เชื่อฟังคนตรงหน้าคือการหาเรื่องทะเลาะโดยใช่เหตุ เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นดีกว่าเยอะ แม้อยากจะดื้อดึงทำตามใจตนเองไม่ฟังคำสั่งเขามากแค่ไหน …แต่คิดไปคิดมาถ้าหากไม่ฟัง นาวินคงไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอจากห้องนี้ไปง่ายๆ คนตัวเล็กจึงได้เพียงแค่ถอนหายใจและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำตามคำบัญชา การกระทำของเธอเรียกรอยยิ้มจากเสือยิ้มยาก …หึ คิดว่าจะดื้อกว่านี้หน่อยจะได้หาเรื่องลงโทษ ปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับเหล่าเพื่อนฝูงและทีมงานถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราท่ามกลางแสงจันทร์และดวงดาวนับร้อยบนฟากฟ้าซึ่งขยันส่องแสงสว่างแข่งกันไปมา สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านร่างบางที่ยืนจิบไวน์แดงอยู่กับเหล่ารุ่นน้องในบริษัทที่คุ้นเคย หลังจากที่ทะเลาะกันไปมาเพราะความไร้สาระของนาวิน เริ่มดึงสติตัวเองขึ้นได้คนเกลียดความยุ่งยาก ตัดสินใจทำตามคำสั่งเขาโดยไม่มีเงื่อนไข …ซึ่งฟังดูแล้วมันไร้สาระสำหรับเธอ ไม่รู้ว่าเขาติดนิสัยเรื่องมากมาจากไหน เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ ได้แต่ถอนหายใจก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไปอย่างน้อยก็อีกเกือบหกเดือน เปลี่ยนใจกลับลำไม่ทันเสียแล้ว บัดนี้ร่างบางอยู่ในชุดคามิเดรสผูกไขว้หลังไปมาซึ่งทั้งหมดมาจากความพึงพอใจของผู้เป็นสามี เดรสสีชมพูใช้ผ้าชั้นดีระบายกลีบกระโปรงห่างจากกันนิดหน่อยให้พอน่ารัก มันส่งเสริมความเซ็กซี่ด้วยการโชว์แผ่นหลังเนียนนวลผ่านปมเชือกสีเดียวกัน พิมพ์พลอยเลือกใช้โทนสีเมกอัปบางเบาตามฉบับเอวีเดย์ลุค ปัดแก้มสีชมพูระเรื่อราวกับมีเลือดฝาด ทว่าเรียวปากนั้นถูกแต่งแต้มด้วยลิปกลอสวาบวับให้ดูสุขภาพดี ทุกอย่างที่รวมกันเป็นเธอสามารถดึงดูดผู้คนมากหน้าหลายตาเข้าหา หญิงสาวมีเซ็กซ์แอพพีลซึ่งเหลือล้นจนใครต่อใครต่างจ้องอิจฉา “น้องพิมพ์!” เสียงวี้ดว้ายของเอมมี่ดังมาจากข้างหลัง เรียกสายตาของคนที่ยืนเหม่อรับลมชมวิวให้หันไปสนใจโดยอัตโนมัติ “คะ?” เธอเลิกคิ้วถามราวกับว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า “มานี่หน่อยสิคะ พี่พูดตรงนี้คงไม่สะดวก” หล่อนทำท่ามีพิรุธแปลกๆ สายตานั่นเผลอเหลือบมองยังรอบข้างไปมา พลางดึงข้อมือของเธอให้เดินไปตามทิศทางที่ตนเองต้องการ “จะไปไหนเหรอคะ” พิมพ์พลอยรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน ต้องรับมือกับเหตุการณ์อะไรให้หนักใจหรือเปล่า หน้าตาเอมมี่มันฉายแววกังวลปิดไม่มิดเลยทีเดียว ถ้าหากให้เธอเดาคงเป็นเรื่องของวาริธร ซุปตาร์หนุ่มเหมือนชะงักไปชั่วครู่ เพราะผู้หญิงซึ่งเขากำลังแกล้งจีบนั่นอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นคนมีสามี …จะให้พิมพ์พลอยไม่เข้าข้างตัวเองได้อย่างไร ว่าเขาให้ความสนใจ ดาราหนุ่มเป็นคาสโนว่าแค่ไหนทุกคนรู้ดี มือไวจนปลาไหลเรียกพ่อ “พอดีครามอยากเจอน้องพิมพ์น่ะค่ะ” “แต่พิมพ์ว่าไม่ดีมั้งคะ” ลำบากใจเพราะรู้ว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร การเอาตัวเข้าไปใกล้วาริธรโอนอ่อนทำตามความต้องการของเขาเรื่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดีของคนที่แต่งงานแล้วอย่างเธอ อยากให้เกียรตินาวินบ้างถึงแม้เขาจะชอบมองข้ามมันก็ตาม “นะคะ” เอมมี่ยังคงไม่ยอมแพ้ หล่อนจับมือพิมพ์พลอยราวกับขอร้อง “ครามดื้อแค่ไหนน้องพิมพ์ก็รู้นี่ค่ะ…ถ้าน้องพิมพ์ไม่ยอมไปเจอคงไม่มาร่วมงานแน่ๆ” “แต่พิมพ์ไม่สะดวกใจจริงๆ อีกอย่างไปเจอสองต่อสอง เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดนะคะ” ถอนหายใจเพราะไม่อาจเก็บอารมณ์อ่อนไหวได้อีกต่อไป นัยน์ตาหวานสื่อให้คู่สนทนารับรู้ว่าเธอหมายความตามที่พูด “น้องพิมพ์ไม่สงสารพี่เหรอคะ ไปเจอครามแป๊บเดียวเอง” “คือพิมพ์…” “อย่างน้อยไปช่วยพูดให้ครามยอมแต่งตัวลงมาที่งานก็ได้ นะคะพี่ขอแค่นี้” ใบหน้าติดเศร้าสร้อยนัยน์ตาเริ่มแดงก่ำปรากฏขึ้น กลายเป็นว่าตอนนี้พิมพ์พลอยเริ่มใจอ่อนอีกครั้ง น้ำเสียงเว้าวอนรวมถึงท่าทางเดือดร้อนของเอมมี่เธอไม่อาจเมินเฉยได้ …อย่างน้อยก็คนร่วมงานกัน “แค่ครั้งเดียวนะคะ” “ค่ะ” เอมมี่ยิ้มทั้งที่ขมขื่นไปทั้งใจ ไม่ได้อยากทำแบบนี้แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ ด้วยเพราะผลประโยชน์มันค้ำคออยู่จึงพาคนตัวเล็กมุ่งหน้าตรงไปที่นัดหมายของพิชชา “ห้องนี้เหรอคะ” พิมพ์พลอยถามเพราะในใจแอบรู้สึกผิดสังเกต ห้องกว้างติดกับสถานที่จัดปาร์ตี้ไม่ได้ดูใกล้เคียงกับห้องแต่งตัวดารา …ทั้งเงียบและวังเวง “ค่ะ น้องพิมพ์เดินตรงเข้าไปเลยนะคะ ครามน่าจะนั่งรออยู่ที่โซฟา” “อ้าว แล้วพี่เอมมี่ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอ” ราวกับถูดมัดมือชกเมื่อเอมมี่ดันตัวเธอตรงไป “ไม่ค่ะ ครามดื้อบอกอยากคุยกับน้องพิมพ์คนเดียวนะคะ พี่รบกวนนิดนึงนะ” เลือกโกหกคำโตออกไปในนี้มีวาริธรที่ไหนล่ะ ลูกรักเธอนอนหลับสบายเพราะอารมณ์เสียเกินกว่าจะมาร่วมงาน ตั้งแต่สามีของพิมพ์พลอยปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว “แต่พิมพ์…” “แป๊บเดี๋ยวนะคะ” กะว่าจะรอจนกว่าพิชชาพานาวินเข้าห้องสำเร็จแล้วค่อยรีบมาเปิดประตูให้ “ก็ได้ค่ะ” พยักหน้าฝืนเดินตรงไป จนกลิ่นอับชื้นแตะจมูกไม่อาจทำใจมุ่งหน้าทำตามคำขอร้อง หวาดกลัวไปหมดมันอ้างว้างเหลือเกิน เอี๊ยด ~ เสียงเคลื่อนของประตูดังขึ้นราวกับมันปิดลงช้าๆ ก่อนไฟทั้งหมดที่ส่องสว่างจะพร่าดับไป รู้ได้ในทันทีว่ามีอันตรายอยู่รอบกายและนี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ …วาริธรไม่ได้อยู่ที่นี่! ร่างเล็กวิ่งสุดชีวิตเพื่อมุ่งตรงไปยังประตู ต้องรีบไปขอความช่วยเหลือโดยฉับไว ในใจหวังเพียงว่าคงมีใครสักคนได้ยินเสียงร้องเรียกของเธอ ขอร้องแค่ใครสักคนเท่านั้น โลกอย่าใจร้ายเล่นกับใจเธอแบบนี้เลย ปัง! ปัง! มือบางทุบประตูบานใหญ่ น้ำหูน้ำตาไหลเพราะความกลัวกำลังเคลื่อนเข้าสู่หัวใจดวงน้อย ระแวงเหลือเกินความรู้สึกนี้กลับมาแล้ว เหมือนภาพอดีตฉายทับเข้ามาเลย…ความมืดมนเสียงร้องขอเว้าวอนจนแหบพร่า “ฮะ…ฮึก” ร่างเล็กสั่นระริกไม่อาจควบควมอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป เธอร้องตะโกนน้ำตาไหลพราก “คะ…ใครก็ได้...ช่วยหน่อยมีคนอยู่ในนี้” พยายามควานหาเสียงทั้งที่มันสะดุดขาดออกจากกันเป็นห้วงๆ ไม่มีสติที่จะทำอะไรแม้แต่น้อยความทรงจำเลวร้ายแล่นเข้าสู่สมองอีกครั้ง …ครั้งที่เธอเคยติดอยู่ในความมืดมิดจน ไม่อาจดิ้นรนทำอะไรได้สักอย่าง ภาวนาขอให้วินาทีแสนชั่วร้ายนี้จบลง ก่อนสติทุกอย่างจะค่อยดับวูบลงไปอย่างช้าๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม