‘ถ้าแกยังไม่หายโง่ ไม่เลิกทำตัวสิ้นคิดก็อยู่ในนี้ต่อไป!’ เสียงตวาดดังสนั่นจากผู้เป็นบิดาหลังจากลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายลูกสาวเสร็จ
พิมพ์พลอยสั่นระริกราวกับลูกนกบาดเจ็บ เนื้อตัวขาวเนียนนั้นเต็มไปด้วยรอยแดงบ่งบอกว่าผ่านการถูกลงไม้ลงมืออย่างสาหัส
‘ฮะ…ฮึก…ปะ…ปล่อยพิมพ์นะคะพ่อ” ร่างเล็กกอดขาอ้อนวอนเพื่อหวังว่าท่านจะเห็นใจ อย่างน้อยสายสัมพันธ์พ่อลูกไม่น่าใจร้ายต่อกันขนาดนั้นรึเปล่า
‘ฉันจะปล่อย! ก็ต่อเมื่อแกเลิกสร้างเรื่องแล้วยอมทำตามคำสั่ง’ เพลิงพลยังคงยืนยันคำเดิม ความต้องการของบิดาถือเป็นประกาศิตที่ทุกคนในบ้านต้องทำตาม ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอ
‘ฮะ…ฮึก…พะ…พิมพ์ทำไม่ได้’ ส่ายหน้าปฏิเสธไปก็เท่านั้น ท่านสะบัดตัวออกห่างมองลูกสาวคนเดียวอย่างขัดใจ
‘โง่!...ทำไมแกถึงโง่อย่างนี้’
‘พะ…พ่อคะ’
‘ถ้าทำไม่ได้ก็ปล่อยให้ฉันจัดการ…ส่วนแกอย่ามาขัดขวางแผนการของฉันก็พอ!’ ทิ้งพิมพ์พลอยไว้ตรงนั้น ถ้าถามว่าท่านโมโหถึงขั้นลงไม้ลงมือกับลูกสาวตนเองเมื่อไร ก็ตั้งแต่เธอเลือกที่จะฝ่าฝืนคำสั่งไม่ยอมใช้คำว่ารักเป็นเครื่องมือทำร้ายนาวิน
พิมพ์พลอยไม่อยากหมั้นกับเขา เพียงเพราะบิดาหวังเงินจากครอบครัวพงพิพัฒน์ และเมื่อพิชชายื่นมือเข้าไปช่วยเพลิงพล เธอยังทำตัวน่ารำคาญขัดขวางความสัมพันธ์จอมปลอมของสองคนนั้น รู้ดีพิชชาไม่ได้อยากช่วยอะไรบิดาเท่าไรแต่หล่อนเสนอตัวเพียงเพราะอยากเอาชนะ
…วันนี้ผู้หญิงคนนั้นก็ทำสำเร็จ
พิชชาฉีกหัวใจเธอเป็นชิ้นๆ เดินหน้าสานต่อความปรารถนาของตนเองหลอกลวงเสแสร้งแกล้งถูกทำร้ายเพื่อให้นาวินสงสาร
‘ฮะ…ฮึก’ คนตัวเล็กได้แต่ทรุดนั่งลงบริเวณใกล้ตู้ไม้เก่าๆ ซึ่งเต็มไปด้วยไรฝุ่น ความชื้นของห้องแคบนั้นทำให้เธอหายใจแทบไม่ออก
พรึ่บ!
ไฟดวงน้อยที่มีอยู่ริบหรี่ดับลงฉับพลัน บ่งบอกว่าท่านจะไม่ปรานีเธออีกถ้าไม่ทำตามก็อย่าเสนอหน้ามาขัดขวาง ความหมายของมันบอกแบบนั้น เพลิงพลเลือดเย็นกล้าทำร้ายแม้กระทั่งลูกสาวตนเองเพียงเพราะผลประโยชน์ ความกลัวแล่นพล่านเข้าสู่หัวใจ ร่างกายสั่นไปหมดจนไม่อาจควบคุมสติของตนเองได้อีก
ปัง! ปัง!
มือเล็กกระหน่ำทุบตีประตูแม้รู้ดีว่ามันจะไร้ความหมาย เพราะไม่มีใครในพลากรจะยื่นมือเข้ามาช่วยเธอได้ ไม่เว้นแม้แต่มารดา
‘ฮะ…ฮึก’ ไม่รู้ว่าต้องทนอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน ได้เพียงแค่ปล่อยน้ำตาให้รินไหลลงมา ทรุดหน้าลงกับหัวเข่าสะอื้นอยู่กับตัวเองก็เท่านั้น
ขอเถอะใครสักคนมาฉุดรั้งให้เธอผ่านความทรมานเหล่านี้ไปที วินาทีที่หลับตานั่นมีแต่ความกลัวก็ยังเผลอนึกถึงเขา
ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนใจดีของคนที่เคยบอกว่าจะปกป้องเธอ
แล้วเวลานี้เขาไปอยู่ที่ไหน ทำไมถึงผิดสัญญาทำไมถึงไม่มาปกป้องเธอเสียที
[พะ…พี่วิน] ใจเจ้ากรรมยังไม่ฟังแม้ร้องไห้เสียใจแค่ไหน ผู้ชายคนนี้เขาไม่มีทางหันกลับมาอีกแล้ว คำพูดรังเกียจกันยังอยู่ฝังอยู่ในใจ
…แต่ขอสักครั้งได้ไหม แค่เพียงความเมตตาหวังว่านาวินจะมีให้กัน
[พี่วินพิมพ์ขอโทษ…พิมพ์โดนคุณพ่อขังไว้ในห้องมาช่วยกันหน่อยได้มั้ยคะ]
[พิมพ์ไม่ตั้งใจ…มาช่วยพิมพ์สักครั้งนะ พิมพ์กลัว]
[พี่วินตอบกลับมาหน่อยสิคะ…]
[พี่วิน…]
รู้ว่าเพียรพยายามส่งข้อความหาแค่ไหนเขาคงไม่เปิดอ่าน ไม่เว้นแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ที่เคยบล็อกกันไปแล้วก็ตาม ทางสุดท้ายคงจะมีแค่อีเมลเท่านั้น พิมพ์พลอยลองหมดทุกอย่างแล้ว แต่ก็ปราศจากคำตอบจากคนที่เธอหวังให้มาช่วยกันอยู่ดี
…หมดหนทางแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน
ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาได้แต่นั่งอาลัยกอดโทรศัพท์เครื่องเล็กของตนเอง ไม่มีทางรอดนอกจากเพลิงพลจะสงสาร ใจของลูกต้องการให้พ่อคนหนึ่งปรานี
เพราะที่พึ่งสุดท้ายหันหลังให้เธอตลอดกาล ไม่ต้องถามหาเหตุผลอะไร การกระทำของชายหนุ่มนั่นคือคำตอบของทุกอย่างแล้ว นาวินเปลี่ยนคนที่ ‘รัก’ ให้กลายเป็นคนที่เขา ‘เกลียด’ ได้ไม่ยากเย็น
ต่างจากเธอที่ไม่เคยเกลียดเขาลงแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ดวงตากลมโตปิดลงหวังเพียงว่าจะลืมเลือนทุกสิ่งและผ่านความทรมานพ้นความทรมานครั้งนี้ไป
พิมพ์พลอยอยากให้มันเป็นเพียงความฝัน ไม่อาจตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญโลกแห่งความจริงอันโหดร้ายนี้ได้เลย
“อีกแก้วสิคะวิน” คลี่ยิ้มหวานพลางยื่นแก้วไวน์ให้ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เขาดูเฉยชาไม่สนใจสิ่งรอบข้าง นาวินดูเหม่อลอยชอบกล ดวงตาสีรัตติกาลไม่ได้แสดงออกว่าใส่ใจเธอเหมือนเคย คล้ายกับความสนใจของเขาจะอยู่ที่ใครสักคน
…และพิชชาพอดูออกว่ามันเป็นใคร!
เรือนร่างสุดเซ็กซี่ไม่อาจทนนิ่งเฉยทั้งที่ไฟริษยามันสุมทรวง เธอเอนกายไปซบอกแกร่งไม่ห่วงภาพลักษณ์นางเอกแสนหวานที่เคยสร้างไว้สักนิดเดียว
วินาทีนี้จะรามือไม่ได้อีกต่อไป!
“พีชปวดหัวจังเลยค่ะวิน” ส่งเสียงออดอ้อนพลางจ้องมองเขาราวกับเหนื่อยล้า
“ผมว่าพีชไปพักก่อนดีมั้ยครับ” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงราบเรียบเหมือนไม่ใส่ใจ ในขณะที่มือเล็กนั่นแกล้งลูบเลื่อนไล้ผ่านแหวกเสื้อเชิ้ตสีดำเหมือนที่ตนเองชอบทำ ต่างกันตรงที่ว่าครั้งนี้นาวินไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันอีกแล้ว
“วินไปส่งพีชได้มั้ยคะ”
“คือผม…” กำลังจะเอ่ยปฏิเสธ
“ดื่มน้อยจังมึง” ทว่าเทวากลับแทรกขึ้นมาแทนเพราะรู้จังหวะ สีหน้าลำบากใจของเพื่อนรักมันแปลความหมายได้ไม่ยากเย็น
“แต่ก่อนละไม่เมาไม่กลับ” บทสนทนาระหว่างสองคนส่งผลให้พิชชากลายเป็นคนอื่นทันที หล่อนกัดฟันกรอดโมโหเจ้าพ่อธุรกิจสีเทา
“เว่อร์กูแค่เบื่อๆ ขอบคุณครับพีช” นาวินตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา มือรับแก้วคริสตัลจากคนข้างกายแต่ตาคมก็ไม่วายสอดส่องรอบข้างเพราะเพียรหาใครบางคน
พิชชาจิกเล็บสีแดงยังโซฟาเพราะหงุดหงิด ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่านาวินนั้นวางหัวใจทั้งหมดอยู่ที่ใคร ตัวอยู่กับหล่อนตรงนี้แต่ข้างในมันไม่ใช่ พื้นที่ในนั้นไม่เคยเป็นของใครนอกจากพิมพ์พลอย
นัยน์ตาคมเข้มมันสะท้อนตั้งแต่วินาทีแรกที่ ‘คนคนนั้น’ เดินเข้ามาในงาน ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจสายตาเขามันหลอกกันไม่ได้
หึ…
มองได้ก็มองไป ยังไงคืนนี้เขาต้องกลับมาเป็นของหล่อนเหมือนเดิม พิชชาเชื่อว่ามันไม่ยากที่จะทำให้นาวินอ่อนระทวยใต้ร่างจนลืมเลือนพิมพ์พลอย
นังเด็กอนุบาลนั่นไม่ได้มีดีขนาดนั้นหรอก!
“วินดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะคะ ตามหาใครอยู่รึเปล่า” แกล้งถามแม้จะมองออก
“ไม่นี่ครับ” ปากปฏิเสธทั้งที่ในใจร้อนรนแทบตาย นาวินยังคงปากแข็งเสมอ เคยบอกว่าไม่มีพิมพ์พลอยอยู่ในสายตาอย่างไร แต่ความจริงแล้วมันสวนทางเพราะผู้หญิงคนนั้นอยู่ในหัวใจเขาเสมอมา
หลายปีที่ไปเรียนต่ออเมริกาด้วยกัน แม้เขาจะเสแสร้งแกล้งทำเหมือนว่าลบเลือนเธอออกไปจากความทรงจำ แต่พิชชารู้ดีลึกแล้วชายหนุ่มไม่เคยลืมเลือนพิมพ์พลอย ซึ่งเปรียบเหมือนรักแรกของเขาได้แม้แต่วินาทีเดียว
ทุกช่วงเวลาที่ใช้อยู่ด้วยกันเขาพะวงถึงแต่คนที่อยู่เมืองไทย วันเกิดวันสำคัญของผู้หญิงคนนั้น ชายหนุ่มมักจะใช้เวลาเหล่านั่นอยู่เดียวดายเพื่อฉลองให้กับเธอเพียงลำพัง ต่อให้อ้างว่ามีธุระหรือเดือดร้อนแค่ไหนเขาก็ไม่เคยเหลียวแล
ทุกวันสำคัญของพิมพ์พลอยจึงมีเพียงเงาของเขาอยู่ในนั้น
“ขอตัวสักครู่นะครับ” เมื่อเจอเป้าหมายแล้วก็ลุกขึ้นฉับพลัน
“วิน!” เทวาหัวเราะในลำคอเรียกสายตาไม่พึงพอใจจากนางเอกสาวอย่างไม่คิดปิดบัง
“ไม่ต้องตามมันไปหรอกครับ” กล่าวเตือนไม่อยากเห็นนางเอกหน้าแตก ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจจะตายไม่รู้ทำไมนาวินถึงตาถั่วนัก
“แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วยคะ” พิชชาย้อนถามไม่พอใจขึ้นทันที แม้ว่าเขาจะเปรียบเหมือนกับเจ้าของงานนี้ จริงอยู่ว่าหล่อนควรให้ความเคารพให้เกียรติในฐานะพรีเซ็นเตอร์
…แต่แล้วไงนางเอกซุปตาร์ไม่มีอะไรจะต้องแคร์อยู่แล้ว อยากจ้างก็จ้างไม่จ้างก็ไม่สนใจ
“ผมแค่เตือนด้วยความหวังดี ไอ้วินไม่ใช่คนโง่ คุณน่าจะพอดูออก” น้ำเสียงติดเย็นชาเล่นเอาเธอร้อนวูบไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ใบหน้างดงามข่มอารมณ์ให้คงเส้นคงวา แม้อยากเดินออกไปเพื่อตามนาวินแต่ติดตรงที่ว่าต้องรักษาภาพลักษณ์ที่แสนดี ไม่อยากจุกจิกจนชายหนุ่มรำคาญใจ จึงทำได้เพียงแค่นั่งนิ่งรอเขากลับมาทั้งที่ในใจเดือดดาลไม่ต่างกับกองไฟ
นาวินเดินเข้าไปประชิดตัวต้นเหตุ เขาเห็นหล่อนพาตัวพิมพ์พลอยออกไป เอมมี่มองกลับราวจะย้อนถามว่าชายหนุ่มต้องการอะไร ในใจลุ้นระทึกเหงื่อเปียกชื้นตามร่องมือไปหมด ก็คนมันทำความผิดนี่นา ย่อมกลัวอยู่แล้ว
แม้ลุคภายนอกจะดูสุภาพอ่อนโยนทว่าดูรอบตัวเขาสิ เพื่อนฝูงเป็นเหล่านักธุรกิจผู้มีอิทธิพลคับฟ้าทั้งนั้น ถ้ารู้ว่าหล่อนหลอกพาพิมพ์พลอยไปเผชิญอยู่ในอันตราย มีหรือนาวินจะไม่โมโห
เอมมี่อ่านใจเขาออก ผู้ชายคนนี้ทั้งรักทั้งหวงเมีย!
“พิมพ์ล่ะครับ” แม้จะเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยมิตรภาพหากแฝงไปด้วยความเย็นชา ดวงตาสีรัตติกาลเข้มขึ้นหนึ่งระดับเพราะต้องการบอกว่า
…พาเมียเขาไปไว้ที่ไหน!
“อะ…เอ่อ” หายใจไม่ทั่วท้องติดอ่างจนตอบอะไรไม่ถูก ได้แค่เม้มปากแน่นตั้งสตินิ่งสยบความเคลื่อนไหว
“ผมเห็นคุณออกไปกับภรรยาผม” เสียงถามเนิบดูนิ่งเรียบต่างจากใจที่เริ่มโมโห
“พี่ไม่แน่…” กำลังจะตอบกลับแต่สายตาเบนไปทางพิชชาพอดี ยิ่งคิดแล้วอยากก่นด่าตนเองที่เลือกผลประโยชน์มากกว่าสิ่งที่ถูกต้อง เอมมี่รู้พิมพ์พลอยจริงใจกับหล่อนมากแค่ไหน
แตกต่างจากอีกคนเพียงแค่หันหน้าไปหาราวกับร้องขอความช่วยเหลือ ดาราสาวแกล้งนิ่งเงียบ พิชชาหัวเราะสังสรรค์ต่อไปเหมือนไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
“ผม-ถาม” เขาเน้นชัดถ้อยชัดคำในทุกประโยค
“ก่อนตอบ อย่าลืมนะครับแถวนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่” ไม่ได้ตั้งใจจะขู่แค่อยากบอกถ้ายังดื้อดึงทำในสิ่งเลวร้ายต่อไป เขาพร้อมเอาจริงอย่างที่ปากว่า
“และผมจะไม่ปล่อยให้คนที่มาทำร้ายเมียลอยนวลเด็ดขาด”
ใบหน้าหล่อหลาแกล้งแสยะยิ้มหวานก่อนพูดสิ่งที่ทำให้ให้เอมมี่หน้าซีดเผือดหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทันที ความกลัวพุ่งเข้าสู่หัวใจฉับพลัน
ผู้ชายคนนี้ทั้งเย็นชาทั้งอันตราย ไม่ควรเอาตัวเข้าไปเสี่ยงแม้แต่น้อย
“มีอะไรกันรึเปล่าคะ” เหมือนระฆังช่วยชีวิตเมื่อพิชชาเดินตรงเข้ามาควงแขนนาวินพร้อมมองเขากลับราวกับจงใจจะสื่อว่าต้องการอะไร
“หน้าคุณดูเครียดจัง” ไม่แยแสต่อให้นาวินจะมีภรรยาแล้วก็ตาม มือบางเอื้อมไปลูบไล้บริเวณเรียวคางแหลม
“ที่ผมถาม” เมินตอบคำถาม เลือกสนใจในสิ่งที่ตนเองต้องการเท่านั้น
“คะ…คือ” คนโดนขัดใจไปต่อไม่ถูก พิชชาได้แต่กอดแขนชายหนุ่มแน่นภาวนาให้เอมมี่ไม่ปากมากพูดอะไรออกไป ดวงตากลมโตจ้องยังสาวสองเขม็งลุ้นในคำตอบเหลือเกิน
อย่ากดดันพี่เอมมี่สิคะ เธอกลัวคุณหมดแล้ว
“ครับ?” ไม่หลงเหลือสติฟังเสียงโน้มน้าวอีกต่อไป สนใจเพียงแค่คนตัวเล็กเท่านั้น เลือกไล่ต้อนศัตรูให้จนมุมแบบที่คนสุภาพอย่างเขาไม่คิดจะทำ
“ทางนี้ค่ะ” ทว่าดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด เพราะนอกจากจะไม่หุบปากแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวยังเลือกทำในสิ่งที่พิชชาคาดไม่ถึงที่สุด ด่าว่าโง่เขลายังน้อยไปก็แส่เฉลยทุกอย่างออกมาทำไม ในใจอยากกรีดร้องระบายทำลายทุกสิ่งแต่ติดตรงที่ว่าไม่ได้อยู่ในฐานะซึ่งพอจะทำได้
ได้แต่จ้องตาเขียวยังร่างของเอมมี่ซึ่งเดินนำนาวินออกไป นับหนึ่งถึงร้อยอยากได้ตัวเองใจเย็นลง เมื่อรู้ได้ในทันทีว่าแผนการทุกอย่างในวันนี้มันล้มเหลวไม่เหลือชิ้นดี
“เดี๋ยวผมมานะครับ”
“วินคะ!” ตะโกนออกไปก็เปล่าประโยชน์ ชายหนุ่มสลัดแขนเธอทิ้งด้วยท่าทีเร่งรีบราวกับกลัวภรรยาจะสูญหาย แค้นใจเหลือเกินไม่สามารถเอาชนะผู้หญิงสารเลวได้เลยสักครั้ง และวันนี้พิชชาแพ้อย่างย่อยยับ ผู้ชายที่ทุ่มเททำทุกอย่างให้เขาหันกลับมารักขยี้หัวใจทิ้งเหมือนไร้ค่า
การกระทำของเขามันพิสูจน์แล้วว่าต่อให้จะวางแผนเพียรพยายามยังไง คนไม่อยู่ในสายตาก็ยังคงเป็นคนไม่อยู่ในสายตาอยู่วันยังค่ำ!
เดินตรงไปยังห้องเล็ก บรรยากาศทุกอย่างมันน่าอึดอัดกลิ่นความเหม็นจากซอกเก็บของเก่าเตะจมูกทันที ความอับชื้นของมันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ไฟทุกดวงในนี้ดับมืดหมดคล้ายกับตั้งใจกลั่นแกล้งใคร
เอมมี่พาเขาเดินตรงไปยังช่องแคบๆ จนใกล้สุดปลายทาง นัยน์สีรัตติกาลขยายกว้างจำได้ตั้งแต่วินาทีแรกแม้เห็นเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น
รู้ทันทีว่าคนที่นอนอยู่ใกล้ประตูนั่นคือใคร!
“นี่มันอะไรกันครับ!” เหมือนหัวใจตกลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเปิดประตูออกมาเห็นร่างเล็กของภรรยานอนหมดสติอยู่บนพื้น รู้สึกใกล้หมดลมหายใจไม่รอช้าวิ่งตรงไปประชิดตัวเธอให้เร็วที่สุด
“ผมถาม!” ดวงตาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“บัดซบ!” สถบหยาบคายอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำกับคนไม่สนิท ร่างกายเปรอะเปื้อนด้วยเศษฝุ่นจากพื้นคอนกรีต หางตาเธอมีคราบน้ำตาบ่งบอกได้ว่าก่อนสติดับพร่าลงหญิงสาวหวาดผวามากแค่ไหน
…คงกลัวมากสินะน้องพิมพ์ สามีอย่างเขาใช้ไม่ได้จริงๆ แค่ปกป้องเธอยังไม่มีปัญญา
“อะ…เอ่อ”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร!”
นาวินตะโกนสุดเสียงพร้อมตวัดสายตามองยังต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เอมมี่รู้สึกผิดขึ้นมาทันที นี่หล่อนทำอะไรสิ้นคิดลงไป กล้าทรยศหญิงสาวผู้แสนดีขนาดนี้ได้ยังไงกัน
ใบหน้าหวานเปียกชื้นพร้อมซีดเผือดลงถนัดตา มือหนาลูบแผ่วเบาไล้ยังวงหน้างามเพื่อให้เธอรู้สึกตัว ยกมือบางขึ้นมาพิจารณาบาดแผลซึ่งน่าจะเกิดจากการทุบตีอะไรบางอย่าง พยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อหนีจากความโหดร้าย เมื่อคิดได้ดังนั้นใจแกร่งอ่อนยวบไปหมด ประคองคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอกทันที
“พิมพ์พลอย…” อ้อมกอดรัดแน่นราวกับกลัวเธอจะบุบสลาย หัวใจร้อนรนไปหมดเมื่อไม่ได้ยินแม้แต่เสียงตอบกลับจากภรรยา
“พิมพ์…”
“น้องพิมพ์” เปล่งเสียงเรียกสรรพนามที่ไม่เคยใช้มาตลอดหลายปีคิดได้ดังนั้นก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ร่างสูงอุ้มคนตัวเล็กพร้อมเดินออกไปทันที บัดนี้ไม่มีอีกแล้วใบหน้าราบเรียบแสนเย็นชา มีเพียงแค่ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ห่วงใยหญิงสาวผู้เป็นภรรยาอย่างสุดหัวใจ เขาไม่น่าปล่อยให้เธอคลาดสายตาเลย ที่พิมพ์พลอยตกอยู่ในสภาพนี้ได้แต่โทษว่าเป็นความผิดของตนเองทั้งสิ้น