ติ๊ง! ติ๊ง!
[สาดหวานไม่หยุดนางเอกซุปตาร์ พ ควงหนุ่มหล่อเจ้าของหัวใจ นักธุรกิจ น สวีตไม่แคร์ข่าวฉาวแอบซุกเมีย!]
#ใต้ทะเลหวาน #ใต้สวีตไม่แคร์เมีย
เสียงแจ้งเตือนจากข้อความแบบแนบลิงก์ข่าวถูกส่งเข้ามากระแทกสายตาราวต้องการตอกย้ำรื้อฟื้น ไม่ต้องบอกว่ามันมาจากใครก็มีอยู่คนเดียวแหละที่ทำตัวไม่หวังดี
…พิชชาไง ไม่เห็นต้องเดาให้ยาก
คลี่ยิ้มหวานปั้นราวกับไม่สะทกสะท้านต่อไป ทั้งที่ในใจเจ็บปวดแทบแย่ วันนี้ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนแค่ไหนกว่าจะมาร่วมงานนี้ได้ พิมพ์พลอยเกลียดสายตาทุกคนที่มองเธอราวกับว่าสงสารหรือแอบสะใจอันนี้ไม่มั่นใจ ทีมพิชชามีอยู่ไม่น้อย หลายคนเชื่อว่าหล่อนศึกษาดูใจกับนาวินมายาวนาน ส่วนเธอเป็นเพียงแค่ความเหมาะสมที่สองครอบครัวเห็นชอบ
…ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในหัวใจเขา
แต่เป็นเพราะแคร์ความรู้สึกลูกค้า จนอยากทำหน้าที่มืออาชีพให้ดีที่สุด จึงเลือกเมินเฉยใส่กระแสข่าวระหว่างสามีตนเองและสาวอื่นซึ่งถูกตีแผ่ตั้งแต่ช่วงค่ำของเมื่อคืน
…เลือกวันได้เหมาะเจาะพอดีราวกับตั้งใจ ไม่แน่ใจว่ารู้หรือไม่ว่าวันนี้มีอีเว้นต์สำคัญที่ทั้งพิชชาและพิมพ์พลอยมาร่วมงาน
“แกโอเคใช่มั้ย” ณฟ้าปราดตามองมาทั้งที่ตัวเขาเองก็ยุ่งอยู่เหมือน วันนี้ชายหนุ่มมาคุมงานด้วยตนเองเพราะอ้างว่าอยากมาดูแลความเรียบร้อย ทว่าแท้จริงพิมพ์พลอยดูออก
…ลูกรัฐมนตรีคนนี้ห่วงความรู้สึกเธอต่างหาก เขาแคร์คนตัวเล็กยิ่งกว่าใคร เรียกได้ว่าพร้อมไฟต์ให้ถ้าใครมารังแก
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“ยังชิลได้ เก่งนะนับถือใจแก” กล่าวด้วยแววตาขี้เล่นเพื่อปลอบใจก่อนเอื้อมมือโยกศีรษะไปมาเพราะติดเป็นนิสัย
“แกก็รู้ฉันไม่ได้เก็บเอาขยะมาใส่ใจนานแล้ว” ฝืนยิ้มตอบ
“หึ…แต่นักข่าวรอแกเพียบ”
“รอฉันหรือรอนางเอกของงาน” มองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาราบเรียบ รู้ดีว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าต้องเผชิญกับอะไร
“เชื่อฉันเหอะ คนรอแกก็ไม่น้อย” ถอนหายใจหนักอึ้ง ขอแค่อย่าให้ใครมารุกล้ำกันก็เป็นพอ คนที่ควรได้รับความสนใจน่าจะเป็นพิชชามากกว่าไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเธอ
เสียงดนตรีปลุกความตื่นเต้นจากผู้คนรอบข้าง ก่อนนางเอกสาวซุปตาร์พรีเซ็นเตอร์หลักของงานจะเดินเปิดตัวออกมาพร้อมกับวาริธร ทั้งคู่เดินไปขนาบข้างรถคันหรูที่ถูกจัดไว้ยังกลางเวที
วิดีโอโฆษณากว่าสองนาทีจะเริ่มฉายขึ้น ภาพบรรยากาศที่ภูเก็ตซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำถูกสลับใช้อย่างสวยงามโดยไม่ลืมดึงความโดดเด่นของตัวสินค้าออกมาด้วย ความอลังการของการตัดต่อผสมผสานกับความงดงามของธรรมชาติเข้ากันอย่างลงตัว หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น จึงสามารถเรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวได้จากกองทัพนักข่าวรวมถึงผู้ร่วมงานได้เป็นอย่างดี
พิมพ์พลอยเลือกเดินเข้าไปยังหน้าเวทีเพื่อสอบถามความเรียบร้อยหลังจากที่โชว์ทุกอย่างจบลง
“เป็นยังไงบ้างคะ คุณเทวา”
“ดีครับ…ผมชอบมาก ทีมงานคุณพิมพ์ทำงานเป็นมืออาชีพมาก ทุกอย่างลงตัวตามที่บรีฟมาหมดทั้งพรีเซ็นเตอร์ทั้งงานทั้งโฆษณา”
“ขอบคุณนะคะ เขินแย่เลย” ยกยิ้มสวยหลังจากที่ได้รับคำชม “งั้นพิมพ์ขอตัวก่อนนะคะ”
“ไปถ่ายภาพกันก่อนมั้ยครับ” คำชวนของเจ้าของงานทำเอาร่างบางคิดหนัก ถ้าหากปฏิเสธไปจะดูไม่ดีมั้ยแอบกังวลใจอยู่เหมือนกัน
“คือพิมพ์ไม่…” เม้มปากคล้ายอึดอัด
“นะครับสักนิด เดี๋ยวผมชวนคุณฟ้ามาด้วย” ชายหนุ่มคะยั้นคะยอ ดวงตาคมเข้มที่มองมาราวกับกดดันนั้นยิ่งทำให้เธอเกรงใจ
“แต่พิมพ์เป็นแค่พนักงานคนนึงดูไม่ดีมั้งคะ” เลือกหยิบยกข้ออ้างนี้มาทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย จะเป็นพนักงานได้ยังไงในเมื่อตนเองเป็นเจ้าของบริษัทไม่ต่างกับณฟ้า
“อย่าปฏิเสธเลยนะครับ แค่ถ่ายรูปถือว่าเป็นการโปรโมตบริษัทคุณด้วย อีกอย่างคุณฟ้าอยู่ด้วยไม่มีใครว่าคุณพิมได้หรอกครับ”
“ก็ได้ค่ะ” หมดหนทางชิ่งหนีจึงเลือกเดินตามเทวาไป เพียงเข้าใกล้แบล็กด็อป สายตามากมายเหมือนหันมามองราวกับพุ่งเป้ามายังเธอ ณฟ้าลากเพื่อนสนิทไปยืนเคียงข้าง รู้กันในทันทีตั้งแต่มองตาวินาทีแรก ความประหม่าของคนตัวเล็กเขาสัมผัสได้ทุกอย่าง
แชะ! แชะ!
เสียงกล้องรวมถึงแสงแฟลชต่างรัวเข้ามาหาตัวด้วยความรวดเร็ว คนไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ยกยิ้มหวานเป็นมิตรข่มความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจ การปั้นหน้าเรียบเฉยราวกับเจ้าหญิงน้ำแข็งคือสิ่งที่พิมพ์พลอยถนัดมากที่สุด
ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเตรียมตัวก้าวออกจากวงล้อมนั้น
แชะ!
ทว่าแสงแฟลชกลับสาดส่องเข้ามาอีกครั้ง จนมือบางยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าหวาน
“ขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ!...จริงมั้ยคะ ตามข่าวมั้ย!” เมื่อมีคนแรกกล้าหลายคนจึงกล่าวแทรกขึ้นมาฉับพลัน
“นั่นสิค่ะ! ไฮโซ น คือสามีคุณพิมพ์มั้ยคะ”
“แล้วที่แย่งเขามาจริงมั้ยคะ” คนถามต่างๆ ถาโถมเข้ามาราวกับไม่คิดเห็นใจคนกลัวกล้อง ณฟ้าดึงมือเล็กกุมแน่นเตรียมพาร่างบางออกจากสถานการณ์เลวร้ายให้เร็วที่สุด การจู่โจมแบบอุกอาจไม่ใช่วิสัยที่ควรทำใส่ใคร
“เดี๋ยวสิคะ! คุณพิมพ์เป็นมือที่สามใช่มั้ยคะ! ตั้งใจแย่งแฟนน้องพีชใช่มั้ยเอ่ย”
“นี่คุณ! จะพูดอะไรให้เกียรติเพื่อนผมด้วยครับ” ทนไม่ไหวอีกต่อไป ยิ่งเห็นใบหน้าเพื่อนซีดเซียวไปหมด ใจจึงแกว่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ตอบคำถามด้วยค่ะ! สรุปยังไงคะ!” ยิ่งพยายามหลีกหนีมากเท่าไรเหมือนคนเหล่านั้นกลับยิ่งไม่เกรงใจ
“ถอยครับ!”
“ตอบค่ะ!” คำถามมากมายรวมถึงความกดดันทุกอย่างต่างหลั่งไหลเข้ามาในขณะที่ณฟ้าพยายามดันตัวเธอออกไป
“อะไรวะ…หยิ่งฉิบหายก็แค่ผู้หญิงนิสัยเสียชอบแย่งของคนอื่น”
ใบหน้าหวานนิ่งสนิทจิกเล็บเข้าเนื้อจนปวดร้าวไปหมด ถ้อยคำประทุษร้ายดังออกมาจนเพื่อนสนิท เตรียมตัวปราดเข้าไปเอาเรื่องกับคนกล้าหยาบคายใส่เธอ ทว่ามือบางกลับจับชายหนุ่มไว้
“ว่าไงคะ อยากรู้อะไรถามมาได้เลยค่ะ” ไม่หลีกเลี่ยงอีกแล้ว เลือกหมุนตัวกลับไปเพื่อเผชิญหน้าความจริง
อยากให้ตอบนักก็จะตอบ…
ในเมื่อไม่ได้ทำความผิดไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องหลบหน้า คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่าการตกเป็นเหยื่อเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาอีกแล้ว
“ได้ยินมาว่าคุณพิมพ์แย่งคุณวินมาจากน้องพีชจริงรึเปล่าคะ”
“พิมพ์กับพี่วินรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนะคะ เราสองคนสนิทกันมานานมากเท่าที่รู้พี่วินไม่ได้มีใครนะคะ แล้วเรื่องงานแต่งของเราเกิดจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย เราโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วจะมีเรื่องแบบนั้นได้ยังไงจริงมั้ยคะ” ปั้นหน้ายิ้มโกหกอย่างแนบเนียน
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปล่อยระเบิดโยนขี้ให้อีกฝ่าย เลือกตอบแบบฉลาดเป็นกลางดีกว่า รู้ว่าพิชชาแฟนคลับเยอะแค่ไหน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเป็นเป้านิ่งให้ใครก็ไม่รู้มาโจมตี
“เหรอคะ แต่เห็นคุณวินกับคุณพีชมีความสัมพันธ์ชิดใกล้กันมาตลอดหลายปี จนทุกคนก็คิดว่าอีกไม่นานคงมีข่าวดี ถ้าไม่แย่งแล้วทำไมถึงได้แต่งงานกับคุณพิมพ์ได้” สายตาปะทะมองตรงมาราวเหยียดหยาม
คงเป็นฝ่ายพิชชาสินะหรืออยากส่งใครมาปั่นหัวกันอีกรู้ดีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดวันนี้เกิดขึ้นเพราะใคร
“พิมพ์ขอไม่เอ่ยพาดพิงถึงบุคคลที่สามนะคะ แต่อยากให้พี่ๆ ทำความเข้าใจเรื่องพิมพ์กับพี่วินใหม่ เราเองก็รู้จักกันมานานแล้วเหมือนกัน เพียงแค่พิมพ์ไม่ใช่คนในวงการ ไม่ใช่คนที่สื่อสนใจ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่รู้จักหรือสนิทสนมกันไม่ใช่เหรอคะ”
“งั้นจะบ่ายเบี่ยงตอบคำถามเรื่องประเด็นน้องพีชทำไมล่ะคะ” ใครสักคนในวงนั่นแทรกขึ้นมาพร้อมยิ้มเยาะเย้ย พิมพ์พลอยปลายตามองอีกฝ่ายหนึ่งครั้งพร้อมยิ้มหวานหน้ากล้องต่อไป
“พิมพ์ไม่เห็นประโยชน์ที่ต้องให้สัมภาษณ์ถึงใคร เพราะตัวพิมพ์เองไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พิมพ์คิดว่าการให้เกียรติอีกฝ่ายเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ น่าจะให้เขาออกมาพูดเองจะดีกว่ามั้งคะ เพราะไม่มีใครรู้ดีเท่าทั้งสองคนถูกมั้ย พิมพ์รู้แค่ว่าตอนนี้พิมพ์และพี่วินมีสถานะเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ”
พูดไม่ออกเหมือนกันไม่รู้จิตใจคนพวกนี้ทำด้วยอะไร พยายามไล่ต้อนกันให้จนมุมราวกับจะฆ่าให้ตายกลางสนามรบ
ไม่มีทางหรอกเคยถูกสอนมาว่าถ้าไม่อยากถูก ‘ปั่นหัว’ ก็ให้ใช้สติเป็นที่ตั้ง และวันนี้พิมพ์พลอยควบคุมมันได้ดี
“แล้วที่มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าน้องพิมพ์กับสามีกำลังจะหย่ามันคือเรื่องจริงมั้ยคะ”
“ไม่นะคะ ทุกวันนี้พิมพ์กับพี่วินยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย เรารักกันดี” เตรียมเลี่ยงออกจากวงนักข่าวเพราะรู้สึกว่าเวลานี้มันมากเกินพอแล้ว ไม่ใช่หน้าที่เธอที่ต้องมาตอบคำถามอะไรพวกนี้
…ควรเป็นอีกฝ่ายที่ขยันทำตัวเสียหายจนกลายเป็นข่าวไม่ใช่หรือ
“แล้วทำไมถึงมีแหล่งข่าวยืนยันออกมาว่าวันที่ถ่ายโฆษณาสามีน้องพิมพ์เลือกช่วยน้องพีชก่อนน้องพิมพ์ล่ะคะ” เหมือนไม่ยอมจบง่ายๆ ต้องการบี้กันให้ตายอยู่ตรงนี้เลยใช่มั้ย
“เอ่อ…แหล่งข่าวที่ว่าคือเขาเห็นกับตาใช่มั้ยคะ พิมพ์ไม่แน่ใจว่าพี่ๆ เอาข่าวพวกนี้มาจากไหน แต่ขอยืนยันว่ามันไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน แล้วอีกอย่าง ในความคิดของพิมพ์ถ้าหากมีใครสักคนเดือดร้อนมันก็ควรมีการช่วยเหลือโดยคอมมอนเซนส์ไม่ใช่เหรอคะ ไม่ใช่เอามาตั้งประเด็นหาข้อจับผิด”
“งั้นแสดงว่าน้องพิมพ์ยืนยันใช่มั้ยคะ ว่าไม่มีเรื่องราวของการแย่งผู้ชายเกิดขึ้น”
“จะมีหรือไม่มีก็อยู่ที่ปลายปากกาของพวกพี่นี่แหละค่ะ เพราะพิมพ์ตอบทุกคำถามในส่วนของพิมพ์ชัดเจนไปหมดแล้ว คิดว่าไม่น่ามีข้อสงสัยอะไรถึงขนาดต้องเอาไปพาดหัวข่าวแล้วเข้าใจกันแบบผิดๆ”
“แต่…”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะ พิมพ์ไม่ใช่คนในวงการบันเทิงไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรคิดว่าแค่นี้พวกพี่ๆ คงได้คำตอบไปครบหมดแล้ว”
“คุณพิมพ์คะ!” ส่งสายตาไปหาเพื่อนสนิทอย่างรู้งาน ณฟ้ากันเธอออกจากวงสัมภาษณ์ทันทีเมื่อได้โอกาส พิมพ์พลอยใช้แรงทั้งหมดแทรกตัวออกจากกองทัพนักข่าว แม้จะมีบางคนตะโกนไล่มาบ้างเป็นระยะ แต่คิดว่าได้ตอบคำถามและปกป้องศักดิ์ศรีตนเองไปหมดแล้ว
รู้แหละว่าพวกเขาหิวข่าวขนาดไหน ทว่าเวลานี้ขอความเป็น ‘มนุษย์’ ให้เธอบ้าง การกระทำอุกอาจเมื่อสักครู่ทำให้คนตัวเล็กปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อยล้า คำพูดและสายตาดูถูกนั้นทิ่มแทงหัวใจคนถูกโดนตัดสิน หากไม่เคยผ่านความเจ็บปวดมาก่อน คงตื่นตระหนกไม่น้อย
…ฝืนยิ้มหน้ากล้องอย่างน่าสมเพชทั้งที่ในใจเกลียดแทบตาย ทำไมต้องเอาตัวเองมาอยู่ในจุดนี้ด้วย ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เหตุการณ์ในวันนี้มันตอกย้ำให้เธอคิดถึงเด็กน้อยคนนั้นในอดีต ‘สาวน้อย’ ที่ยอมทำทุกอย่างเพียงเพราะความใสซื่อไร้เดียงสา แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเพียง ‘เหยื่อ’ โง่เง่าคนหนึ่ง
…ไม่มีค่าอะไรเลยสักนิด
ปึก!
พาสปอร์ตรวมถึงตั๋วเครื่องบินถูกโยนลงตรงหน้าด้วยความสะใจ
‘ฉันจะไปเรียนต่อที่อเมริกากับวิน หวังว่าเธอคงจะยินดีกับเราทั้งคู่’ คำตอบทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่าสุดท้ายชายหนุ่มเลือกใคร จะเลือกหลอกตัวเองไปจนถึงเมื่อไร ต้องเสียใจขนาดไหนถึงจะยอมรับความจริงได้เสียที
‘…’ พิชชาเคลื่อนตัวนั่งตรงข้าม ในขณะที่ใบหน้าหวานของคนที่หล่อนเกลียดที่สุดเมินหน้าหนีไปทางอื่น
‘ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ’
‘ค่ะ’ รู้ว่าถูกระรานถึงพื้นที่ส่วนตัว พยายามฝืนใจเข้มแข็งมากที่สุด สิ่งเดียวที่เคยฮีลใจเหมือนเมื่อก่อนนั่นหายไป
‘เย็นชาจัง ดีใจด้วยนะออกจากโรงพยาบาลได้สักที’ คิ้วเข้มเลิกขึ้นก่อนส่งรอยยิ้มเสแสร้งมาให้
‘ค่ะ’ ตอบเสียงเย็นราบเรียบไป ตัดสินใจแล้วว่าขอหนีความจริงไปให้ห่างไกลที่สุด ไม่อาจทนมองหน้าเขาคนนั้นได้อีกแล้ว รับรู้เรื่องราวมามากเกินพอทุกอย่างเหมือนระเบิดเวลาซึ่งใกล้ปะทุเพื่อทำลายความรู้สึกของพิมพ์พลอย
‘อืม…เธอดีขึ้นก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดที่ตัดสินใจไปเรียนต่อตามคำขอของวิน’ นัยน์ตาหรี่มองราวกับว่าแกล้งเดาใจคนตรงหน้า
ปกติแล้วพิมพ์พลอยไม่ใจเย็นขนาดนี้ หลังจากเกิดเรื่องวันนั้นเด็กสาวเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
‘มีอะไรจะฝากถึงวินมั้ย’
‘ไม่มีค่ะ’
‘ไม่คิดก่อนตอบหน่อยเหรอ ฉันช่วยพูดให้เขากับเธอได้นะ’ เคยขอร้องให้หันกลับมาฟังกันอีกครั้ง ชายหนุ่มกลับไม่เคยเหลียวแล
ต่อให้คิดถึงหรืออยากกลับมาเป็นเหมือนเดิมแค่ไหน ความรู้สึกของทั้งสองก็กลายเป็นเส้นขนานอยู่ดี
‘…’
‘งั้นขอตัวก่อนนะ’ พิชชาลุกหนีไปหลายนาทีแล้ว ทิ้งไว้เพียงแค่คนตัวเล็กที่นั่งนิ่งอยู่บริเวณเก้าอี้ไม้ การเลิกรักเขาไม่ใช่เรื่องง่าย สุดท้ายตัดสินใจทำตามความต้องการของบิดาหนีความจริงทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง
เจ็บปวดเหลือเกิน…ทำไมความรักมันทำให้คนคนหนึ่งทรมานได้ถึงขนาดนี้ ไม่มีเสียงร้องไห้ออกมาสักแอะ มีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลรินลงยังข้างแก้ม วันนี้พิมพ์พลอยเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกที่เรียกว่า ‘เจ็บจนจุก’ นั้นเป็นเช่นไร
เมื่อหลับตานึกถึงใบหน้าของเจ้าของหัวใจ แววตาผิดหวังรวมทั้งท่าทีรังเกียจของเขามีอณุภาพทำลายล้างยิ่งกว่าอาวุธใดๆ พิมพ์พลอยซุกมือลงปิดใบหน้าหวานพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ความรู้สึกนี้มันเหมือนคนที่เคยเป็นความรักและโลกทั้งใบกำลังจางหายไป นั่นหลั่งไหลจนกลายเป็นเพียงแค่ความปวดร้าว
หัวใจของเธอกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ
‘ฮะ…ฮือ…พี่วิน’ รู้ว่าเรียกไปเขาก็ไม่มีวันหันไปกลับมาฟังกันอยู่ดี ร่างบางตัวสั่นเทาเสียงเล็กเปล่งออกมาจนแทบจับใจความไม่ได้
ทุกอย่างมันคือความจริง ภาพในอดีตยิ่งตอกย้ำเธอว่า สุดท้ายแล้วตนเองก็เคยเป็นเพียงแค่ ‘เหยื่อรัก’ คนหนึ่งยิ่งเข้าใกล้เขามากเท่าไร ชายหนุ่มกลับยิ่งถอยห่างออกไป เหมือนสนุกที่ได้ปลุกปั่นและสะใจกับความผิดหวังของคนอื่น
…ไม่อาจไขว่คว้าอะไรได้อีก อย่าเอาหัวใจตัวเองไปใกล้ความเจ็บปวดอีกเลย ลืมมันไปเสียเถอะเหตุการณ์เลวร้ายพวกนั้น
“อะไรนะคะ!” เสียงหวานแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นตวาดผ่านปลายสายโทรศัพท์พิชชากำมันแน่น กัดฟันกรอดด้วยความโมโห รอดไปเหมือนทุกทีไม่ได้แสดงท่าทางร้อนรนเช่นเดียวกับเมื่อก่อน
“คือน้องพิมพ์บอกว่ายังไม่หย่าเร็วๆนี้ แล้วเรื่องวันก่อนคือไม่มีมูลความจริง”
“สรุปมันยังไงกันแน่คะน้องพีช…ข้อมูลที่หนูให้มา” อีกฝ่ายถามเสียงผ่อนลมคล้ายกับไม่เชื่อในคำพูดของเธอ การตอบคำถามเพียงครั้งเดียวของผู้หญิงคนนั้นมันมีน้ำหนักมากนักหรือไงกัน
“พี่จะหาว่าพีชโกหกเหรอคะ” แกล้งทำเสียงสั่นคลอเล่นบทนางเอกเจ้าน้ำตาต่อไป
“คือพี่…”
“พีชแค่เล่าความจริง ตามที่พวกพี่สืบรู้จากแหล่งข่าว” เรียกคะแนนสงสารเต็มทีราวกับปวดร้าวเท่าทวีคูณ
“…”
“พีชไม่คิดเลยว่าพิมพ์จะกล้าโกหกพวกพี่ไปแบบนี้”
“โถคุณน้อง” อีกฝ่ายแทรกขึ้นมาราวกับต้องการปลอบใจ
“…”
“ไม่เป็นไรนะหนู ยังไงสักวันความจริงก็ต้องเปิดเผยใครมาก่อนมาหลังมันรู้ดีอยู่แก่ใจ” คำพูดอีกฝ่ายเหมือนหนามทิ่มลงมายังกลางใจ กลืนน้ำลายลงคอเพราะคอแห้งเฉียบพลัน
“ค่ะ พีชจะรอวันนั้น วันที่ทุกอย่างกลับมาถูกต้องเสียที”
“จ้ะ พี่ล่ะสงสารหนูจริงๆ ต้องมาเจอกับผู้หญิงร้ายกาจ” เพียงแค่คิดว่าต่อไปพิมพ์พลอยจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มสะใจ รอวันที่ผู้หญิงคนนั้นล้มลงไร้เรี่ยวแรงต่อหน้าเธอ
พิชชาทุ่มเทไปเท่าไหร่ สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างให้ไอ้ชาติชั่วบางคนไป อย่างน้อยต้องได้อะไรตอบแทนมาบ้าง…
เพราะฉะนั้นความเจ็บปวดของผู้หญิงที่ชื่อ ‘พิมพ์พลอย’ คือสิ่งที่ปรารถนามากที่สุด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พีชชินแล้วพิมพ์ก็เป็นแบบนี้มาตลอด”
“หนูหมายความว่ายังไงจ๊ะลูก” แกล้งหย่อยหมาก พลิกเกมให้อีกฝ่ายอยากรู้
“พิมพ์ พีชและวินเรารู้จักกันมาตั้งนานแล้วค่ะ แต่วินเลือกพีชเรื่องทุกอย่างมันเลยเป็นอย่างที่พี่เห็น”
“โถมันน่าเอาไปแฉ”
“อย่านะคะ พีชไม่อยากให้ข่าวแบบนี้ออกมาอีกพีชสงสารวินที่ต้องมีปัญหากับฝ่ายนู้นเวลาที่ปกป้องพีช พอดีคุณแม่ของวินหลงพิมพ์มากค่ะ” ห้ามขึ้นมาทันที
“เขาเลยชอบเอาเรื่องไม่หย่ามาขู่มาบีบบังคับวิน ถือว่าพีชขอนะคะ” ไม่มีความจริงอยู่คำพูดแม้แต่นิดเดียว เรื่องราวทั้งหมดถูกปรุงแต่งขึ้นมาตามความพึงพอใจของผู้เล่า
“จ้ะๆ พี่ขอให้หนูรอดพ้นจากผู้หญิงเลวๆ แบบนั้นไวๆ นะลูก” เอ่ยขอบคุณอีกครั้งก่อนตัดทันที ถอนหายใจอย่างน้อยก็สำเร็จไปหนึ่งก้าวการเป่าหูให้หลายคนเกลียดผู้หญิงคนนั้นคือหนึ่งในความสุขของเธอ
ถามว่าทำไมถึงเกลียด…
‘ก็เพราะพิมพ์คือ…’ ได้แต่ยิ้มกว้างหลบซ่อนความคิดชั่วร้ายทุกอย่างไว้ในใจ