หลังจากสงครามรักในอ่างซึ่งกินเวลานานนับชั่วโมงจบลง นาวินรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บัดนี้นั่งจิบไวน์อยู่ยังโซฟาซึ่งตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่น
[ว่าไงไอ้เสือ] เสียงกวนบาทาดังเล็ดลอดจากเครื่องมือสื่อสารหลังจากที่เพื่อนตัวดีกดรับสาย ‘เทวา’ เริ่มป่วนเขาตั้งแต่เช้าตรู่สินะ
[มีเรื่องให้ช่วย]
[ฮะ!...คนอย่างมึงมีอะไรให้กูช่วย] หัวเราะในลำคอ เจ้าพ่ออย่างมันนั่นแหละซึ่งจะช่วยหาคำตอบในสิ่งที่เขาสงสัยได้ดีที่สุด
[อยากให้สืบเรื่องคน] เลือกจะบอกความต้องการตรงอย่างไปตรงมาไม่อ้อมคอม
[หืม ใครกระตุกหนวดเสือ] เป็นที่ล่วงรู้กันว่านาวินเวลาโมโหน่ากลัวแค่ไหน รอยยิ้มหวานฉาบบนหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรสามารถแปรเปลี่ยนได้เพียงชั่วพริบตา
[เมียกู]
[คุณพิมพ์] ย้อนถามเสียงสูง
[เออ! กูจะให้มึงช่วยสืบประวัติเมียกู] รำคาญจะเซ้าซี้อะไรให้มากความ ให้ทำอะไรก็ทำสิวะ ทีมันเดือดร้อนขอความช่วยเหลือ หรือแม้แต่กระทั่งเรื่องส่วนตัวเขายังไม่เห็นใส่ใจ
…จัดการให้เรียบร้อยก็ถือว่าทุกอย่างจบ
[ทำไม เมียมึงนอกใจเหรอวะ]
[ไอ้สัส!...อยากกินตีนกูสินะ] กระชากเสียงตอบด้วยความขุ่นเคือง
[กูล้อเล่น แล้วมึงเป็นอะไรเมียไม่รักเหรอต้องสืบประวัติอะไรขนาดนั้นวะ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือไง] คำถามนี้กระแทกใจเข้าอย่างจัง เมื่อก่อนน่ะใช่เคยรู้เรื่องเธอดียิ่งกว่าใคร
…โดยเฉพาะเรื่องหัวใจ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นาวินรู้สึกเหมือนรอบล้อมพิมพ์พลอยนั่นเต็มไปด้วยกำแพงซึ่งสูงเฉียดฟ้า ไม่มีทางที่เขาจะปีนป่ายข้ามมันไปได้ ต่อให้ร่างกายจะนอนเคียงข้างกันอยู่ทุกคืน หญิงสาวทำหน้าที่ภรรยาได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง แต่แววตาสดใสของเธอมันบอกว่า
…พิมพ์พลอยไม่มองรักแรกอย่างเขาเหมือนดั่งในอดีต แค่คิดก็รู้สึกแสบร้อนทุรนทุรายไปหมด สงสัยอาการหวงของใหม่คงจะกำเริบ
…ใช่! นาวินเป็นคน ‘หวงของ’ โดยเฉพาะอะไรที่เป็นของเขา ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะปล่อยเธอไปให้ใคร ถ้ายังไม่เบื่อต่อให้ต้องเอาโซ่มาล่ามไว้ก็พร้อมทำ
[ไม่ต้องถามมาก หานักสืบให้กู เอาทุกเรื่องเลยนะโว้ย ย้อนหลังไปตั้งแต่ช่วงก่อนกูไปเมกา] ตะกอนความรู้สึกมันบอกว่าแม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็ปล่อยผ่านไม่ได้เด็ดขาด
[ฮะ มึงบ้าปะวะ] เทวาก่นด่าปะปนไปด้วยความตกใจ หรือวันนี้เพื่อนสนิทจะกินยาลืมเขย่าขวด
[มึงหามาเหอะ กูทุ่มไม่อั้น]
ติ๊ด!
ตัดความรำคาญใจด้วยการวางสายใส่ รู้ดีว่าเพื่อนไม่ได้เมินเฉยในคำพูดเขา อำนาจเงินสามารถทำเรื่องยากให้กลายเป็นง่ายได้ในชั่วพริบตา และนาวินพร้อมที่จะจ่ายมันเพื่อแลกมาในสิ่งที่ต้องการ
…อีกไม่นานทุกเรื่องของพิมพ์พลอยต้องมาอยู่ในกำมือเขา ลางสังหรณ์บอกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เผลอมองข้ามไป ร่างสูงต้องหาคำตอบให้ได้ว่าความลับที่เธอซุกซ่อนไว้มันคืออะไรกันแน่
Read – 3 hours
[พีชรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วนะคะ พีชคุยกับพี่มี่ให้แล้วอยากให้วินมาฟังคำอธิบาย ถ้าวินสะดวกยังไงมาเจอพีชที่ถ่ายโฆษณานะ พีชจะรอ]
ร้อนรนกดส่งข้อความทั้งที่ใจสั่นไหว นอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน โชคดีเพราะสบโอกาสลากตัวเอมมี่มาได้ เมื่อพิชชารู้ว่านาวินพยายามติดต่อหล่อน นางเอกซุปตาร์หวาดกลัวขึ้นมาทันใด รู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนเจ้าอารมณ์แค่ไหน เขาพร้อมระบายความโกรธเกลียดใส่คนที่หมายหัวไว้อย่างไม่ปรานี
และวันนี้ ‘เอมมี่’ คือเป้าหมายของผู้ชายคนนั้น
หญิงมากแผนการตัดสินใจบอกให้ผู้จัดการกลับกรุงเทพฯ ไป แล้วขออาสาเคลียร์เรื่องราวแสนวุ่นวายครั้งนี้เอง คราแรกเอมมี่ไม่ยอมหล่อนยืนกรานจะอธิบายความจริงเสียให้ได้ ทว่าเพราะความฉลาดซึ่งมีมากกว่าพิชชาจึงขู่ว่าคิดว่าเขาจะยอมฟังจะยอมเชื่อหรือไง เอมมี่รู้จักนาวินกี่วันส่วนเธอรู้จักเขามากี่ปี
แค่นี้ก็ตัดสินใจไม่ยากเย็นว่าชายหนุ่มจะเชื่อใคร
‘พี่มี่คิดว่าจะรอดเหรอ เค้าจะเชื่อพี่หรือเชื่อพีช เลือกเอาถ้าอยากเดือดร้อนเชิญเดินไปบอกความจริง!’ น้ำเสียงแข็งกร้าวถากถางพร้อมส่งสายตาเหยียดหยาม เอมมี่หน้าซีดเซียวไปหมดเพราะความหวาดระแวง
‘วินเขาไม่ใจดีกับคนที่กล้าทำร้ายเมียเขาหรอกนะคะ ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อยู่เงียบๆ อย่าสาระแนพูดอะไรอีก’ และแล้วมันก็ได้ผล เอมมี่เลือกลืมความจริงทุกอย่างปล่อยให้พิชชาเป็นคนหยุดยั้งปัญหา ซึ่งมันอาจเกิดขึ้นภายในไม่ช้า
คนช่างหาเรื่องสอดส่องมองหาเป้าหมาย เมื่อวานไม่สำเร็จแต่วันนี้ต้องปลุกอีหน้าด้านให้มันรู้จักเจียมตัวสักทีว่า
…ใครกันแน่คือตัวจริง!
“คิดว่าตัวเองสำคัญกับวินมากเหรอ” เสียงหวานพูดกระแทกหูคนฟังทันที พิชชาในชุดบิกินี่สีน้ำดำสวมเสื้อคลุมสีเงินเพื่อปกปิดเรือนร่างขาวผ่อง หล่อนตั้งใจเยื้องกายเข้ามานั่งตรงหน้า ในขณะที่พิมพ์พลอยพยายามระงับอารมณ์สูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ
…ไม่อยากมีเรื่องงั้นหรือ นิ่งเฉยแกล้งเป็นผู้ดีสินะ ทั้งที่เมื่อก่อนหญิงสาวไม่ต่างจากนางร้าย ไม่พอใจเอะอะโวยวายทำลายข้าวของเหมือนกัน
“ไม่ตอบ” พิมพ์พลอยไม่คิดแก้ตัว เพราะไม่ได้รู้สึกอย่างที่หล่อนกล่าวหา
“ลืมไปเธอมันเก่งแต่หนีความจริง”
“หมายความว่ายังไงคะ” ไม่อยากใส่ใจเท่าไร ทว่าคำพูดคำจารวมถึงสายตาดูถูกมันทำให้ปล่อยผ่านไม่ได้ พิมพ์พลอยเคยยอมพิชชาตลอด
ไม่ว่าจะเป็นทั้งถูกใส่ร้าย โดนคนที่รักเกลียดชังเท่านี้ยังไม่สาแก่ใจต้องขนาดไหนถึงจะพอและยอมวางมือไป ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรอีกใช่สามีเธอหรือเปล่า รู้ดีว่าอยากได้ตัวนาวินคืนแต่รอหน่อยไม่ได้เลยหรือไง
“หมายความอย่างที่พูด”
“พิมพ์ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีความสำคัญอะไร ถ้าเข้าใจผิดกรุณาเข้าใจใหม่ด้วย สำหรับผู้ชายของคุณ พิมพ์มูฟออนจากเขาไปตั้งนานแล้ว” จะเรียกว่าพี่ยังกระดากปาก เลือกตอบโต้กลับไปอย่างเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน มันเหมาะสมกับคนแบบนี้ที่สุดแล้ว
ให้นิ่งเงียบอย่างที่เคยทำก็ย่อมได้ แต่ถ้ามารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวมากไปจนทำให้รู้สึกอึดอัดก็ขอยืนกรานพร้อมสู้กลับทันที
“นี่กำลังจะบอกว่าเป็นฝ่ายวินมากกว่าที่ไม่มูฟออนจากเธองั้นเหรอ” สายตาเหยียดหยาม เสียงลอดไรฟันไม่ได้ทำให้พิมพ์พลอยสะทกสะท้านเท่าไร พูดดีก็แล้ว ทะเลาะก็แล้ว นิ่งเฉยก็แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้นางเอกดังคิดได้เลยสักนิด
ต้องทำยังไงอีก ใช้ทุกวิธีแล้วยังไม่สามารถตัดความวุ่นวายใจเหล่านี้ได้อยู่ดี เลือกเบือนหน้าไปอีกทาง เตรียมลุกหนีไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ต้องสนทนากับผู้หญิงคนนี้ต่อ
…อยู่ไปก็ทะเลาะกันเปล่าๆ ไม่คิดลดค่าตัวเองเพียงเพราะผู้ชายแค่คนเดียว
“เดี๋ยว!” พิชชาไม่นิ่งเฉยวางมาดได้อีกต่อไป พิมพ์พลอยมีเหตุผลราวกับเป็นคนละคน ไม่เหลือภาพเด็กสาวที่ปล่อยให้หล่อนปั่นประสาทจนสนุกมือ
“ปล่อย” ปากว่าพลางหันมองไปรอบกาย นี่นางเอกสาวไม่อายทีมงานนับสิบชีวิตบ้างหรือไง อยากทำอะไรก็ทำตามภาษาคนเอาแต่ใจ รู้แหละว่าคนอื่นไม่ได้สนใจอะไรพวกเธอขนาดนั้น เพราะมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับการเซตฉากอยู่ แต่อย่างน้อยขอแค่ความเป็นมืออาชีพไม่ได้หรือ
…พิมพ์พลอยไม่อยากให้งานวันนี้มันพัง
“อยากให้คนอื่นรู้ใช่มั้ยว่าที่จริงแล้วเป็นคนยังไง” เลิกคิ้วย้อนถามทั้งที่รู้สึกเจ็บจากแรงบีบคั้นบริเวณต้นแขน พิชชาจิกเล็บยาวลงไปยังเนื้อขาวราวกับไม่คิดสงสาร หล่อนระบายความเคียดแค้นลงไปในนั้นทั้งหมด
“ไม่อายรึไง”
“มั่นใจอะไรในตัวเองมาก งั้นต้องกล้าพิสูจน์รึเปล่าว่าสุดท้ายวินจะเลือกใคร”
“ไม่มีความจำเป็นที่พิมพ์ต้องทำอย่างนั้น” เม้มปากแน่นขืนตัวออกห่างสุดฤทธิ์
“แต่ฉันอยาก” นัยน์ตาหวานเอ่ยเสียงราบเรียบ “และเธอต้องทำตาม!” ดึงร่างบางเดินตามไปสุดแรง พิมพ์พลอยหายใจติดขัดฉับพลัน เมื่อถูกคนซึ่งเหมือนมีกำลังมากกว่าลากไปใกล้ริมสระน้ำโดยไม่สนใจทีมงานบางส่วนที่ขยันลอบมองไปมาราวกับสนอกสนใจ
“นี่คุณจะทำอะไร”
“ก็ทำอย่างนี้ไง!” ยิ้มร้ายจากพิชชาส่งผลให้พิมพ์พลอยตัวเย็นเฉียบ เบิกตากว้างเพราะความตกใจ ชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นก่อนทั้งสองร่างจะด่ำดิ่งลึกลงไปยังใต้น้ำ
“แค่ก! แค่ก!” เสียงหวานสะอึกสะอื้นพยายามดันตัวขึ้นมาราวกับใกล้ขาดอากาศหายใจ เรียวเท้าขยับไปมาพันกันไปหมดยามความกลัวแล่นเข้าสู่หัวใจ นี่จะเธอตายไหม ทำไมเหมือนใกล้หมดลมหายใจเสียอย่างนั้น สำลักน้ำไม่รู้กี่อึกต่อกี่อึก เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าหายใจไม่ออก
…ใครก็ได้ช่วยที วิงวอนขอให้สวรรค์เมตตาทั้งที่รู้ว่าอ่อนล้าเต็มที นัยน์ตาหวานหลับลงสนิทก่อนร่างบางจะดิ่งลงไปสัมผัสพื้นกระเบื้องของสระ
“ช่วยด้วย! น้องพีชจมน้ำ” เสียงร้องตะโกนลั่นของทีมงานดังขึ้นสนั่นทำให้ร่างสูงซึ่งกำลังเดินเข้ามาตามนัดเปลี่ยนฝีเท้าเป็นวิ่งฉับพลัน
นาวินกระโดดลงสู่พื้นน้ำพร้อมกับพระเอกซุปตาร์อย่าง ‘วาริธร’ ที่อยู่แถวนั้นพอดี ชายหนุ่มกระโดดลงไปยังสระกว้างพลางกวาดสายตามองหาร่างของ ‘พิชชา’ ทันที ไม่ได้ยินแม้กระทั่งน้ำเสียงของผู้หญิงอีกคนซึ่งร้องขอความช่วยเหลือเช่นกัน แหวกว่ายผ่านสายน้ำซึ่งเย็นเฉียบด่ำดิ่งลงไปยังใกล้ก้นขอบสระเพื่อนำร่างบางกลับคืนมา
“พีช!” แผ่นหลังขาวผ่องแนบพื้นหินอ่อน หญิงสาวสำลักน้ำอย่างรุนแรงใบหน้าหวานแดงก่ำไปหมด นาวินไม่สบายใจจึงเขย่าร่างเล็กอีกทีเพื่อปลุกเร้า
“วะ…วิน…ฮะ…ฮึก” หล่อนเริ่มสะอึกสะอื้นโผกอดร่างหนาของผู้ช่วยชีวิตใบหน้าสวยเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาซึ่งขยันร่วงหล่นลงมาราวกับสั่งได้
…บทนางเอกเจ้าน้ำตาไม่ได้ยากสำหรับหล่อน พิชชาแสดงมาจนเคยชิน
“แค่ก! แค่ก!” ทว่าเสียงหวานแสนคุ้นหูนั่นกลับดังแทรกเข้ามา ได้ยินเพียงแค่นี้ทำให้สติของเขาขาดออกจากกันเป็นห้วงๆ ใบหน้าคมคายซีดเผือดคล้ายตกใจเมื่อรับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือภรรยา
…และตอนนี้พิมพ์พลอยตกอยู่ในอ้อมกอดของชายอื่น ผู้ชายคนนั้นปกป้องดูแลเธอได้มากกว่า ร่างสูงสั่นระริกไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหน อยากด่าทอตนเองทุกลมหายใจ นี่เขาโง่งมถึงขนาดไม่รับรู้เลยว่าเธอนั้นตกอยู่ในอันตราย คิดแล้วได้ก็ปวดแปลบปนหนักอึ้งในหัวใจ
คนโง่งมไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่าทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นจากอะไร ใจแกร่งปวดร้าวประหลาดเมื่อมองเห็นเธอเงยหน้าหันไประบายยิ้มหวานคล้ายกับบอกว่าไม่เป็นไร
ซ้ำยังไม่ปรากฏร่องรอยน้ำตาออกมาแม้แต่หยดเดียว พิมพ์พลอยกัดฟันพยายามฝืนตัวลุกขึ้นตามแรงประคองจากวาริธร โดยหญิงสาวไม่หันมองมาทางเขาสักวินาทีเดียว
“วะ…วิน” เสียงเรียกเปรียบดั่งระฆังหยุดทุกความคิดในสมองที่ทั้งวกวนและสับสน
“คะ…ครับ”
“ช่วยอุ้มพีชไปส่งที่ห้องหน่อยได้มั้ยคะ” ถึงแม้จะร้อนใจอยู่บ้างแต่ด้วยหน้าที่ของสุภาพบุรุษฝืนให้เขาตัดสินใจช้อนร่างบางขึ้นแนบอกพร้อมทำตามคำร้องขออย่างไม่มีเงื่อนไข ทีมงานต่างเดินเข้ามาพร้อมกับให้ความช่วยเหลือเต็มที่
“น้องพีชพักก่อนนะคะ วันนี้เราอาจจะยกกองถ้าหนูไม่ไหว”
“อะ…เอ่อพีชเกรงใจค่ะ” ส่ายหน้าปฏิเสธ “ขอพีชพักสักแป๊บนึงเดี๋ยวน่าจะดีขึ้น” พิชชาปั้นหน้ายิ้มละมุนในขณะที่อยู่ในอ้อมกอด
“ผมขอตัวพาพีชไปพักก่อนนะครับ” นาวินพูดแทรกขึ้นมาเพราะรู้สึกได้ว่าร่างบางเริ่มสั่นระริก อาจจะเกิดจากความหนาวหรืออะไรชายหนุ่มไม่มั่นใจ
ใบหน้าสวยคมขยับซุกลงมายังบ่ากว้างราวกับซึมซับความอบอุ่น ท่าทีอ่อนละมุนอันน่าสงสารด้วยภาพลักษณ์นางเอกสามารถเรียกร้องความเห็นใจจากคนรอบข้าง
“ค่ะ” ทีมงานรับคำก่อนมองตามสองหนุ่มสาวที่เดินออกห่างไปเรื่อยๆ
“เฮ้อ…นั่นสามีน้องพิมพ์ไม่ใช่เหรอแก ทำไมถึงมาดูแลน้องพีชได้”
“แกก็รู้ว่าสองคนนี้เขาน่าจะรักกันมาก่อนคงมีซัมติงแหละ ส่วนน้องพิมพ์ก็นั่นไงแต่งงานเพราะหน้าที่”
“คงงั้น ก็เห็นควงกันตั้งหลายปี” ต่อให้ไม่มีคำตอบแต่ทุกคนก็พอจะมองออกว่าใครกันแน่ที่ได้รับความสนใจจากนาวินในฐานะ ‘คนพิเศษ’ เสียงนินทาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สนใจเลยว่าร่างเล็กของหญิงสาวที่อยู่ในบทสนทนานั่งอยู่ไม่ไกลกัน
“อย่าไปใส่ใจแค่พวกปากมาก!” วาริธรรู้ว่านัยน์ตาหวานแอบสั่นไหวเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจึงโพล่งขึ้นมาตามภาษาคนใจร้อน
“ขอบคุณนะคะ” รับน้ำเปล่าจากเขาพลางยิ้มอ่อนโยนให้
“ถ้าไม่ไหวขึ้นไปพักก่อนก็ได้เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ตะ…แต่คุณ”
“ไม่ถ่ายต่อหรอกเชื่อผม นางเอกเล่นขึ้นห้องไปขนาดนั้น” ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้หน้ากากแสนสดใสพยายามคิดถึงใจผู้อื่นนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน แม้ฝืนยิ้มแต่รู้ดีว่าใจจริงก็แอบอิจฉาอยู่
ภาพนาวินกระโดดพุ่งตัวลงไปช่วยพิชชาอย่างไม่ลังเลยังอยู่สลักลึกฝังอยู่ในความทรงจำ มันคงเป็นอย่างที่ทุกคนพูดกันแม้จะเข้มแข็งแค่ไหน พยายามสั่งใจให้เมินเฉยเพียงใดแต่การกระทำที่ทำราวกับพิชชาคือคนพิเศษ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา มันคล้ายกับเอามีดกรีดลงไปในบาดแผลที่เคยจางหายแล้วอีกครั้ง
สิ่งนี้กำลังย้ำเตือนพิมพ์พลอยว่าสุดท้ายแล้ว ถ้าหากเขาต้องเลือกใครสักคนผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ภรรยา’ ของเขาอย่าง ‘เธอ’ คงเป็นได้แค่ตัวเลือกสุดท้ายที่ชายหนุ่มนึกถึงอยู่ดี…
ในห้องกว้างของนางเอกสาวมีเพียงร่างสูงซึ่งนั่งรอหล่อนอยู่บนโซฟา มือกำแน่นจนจิกเกร็งไม่อาจควบคุมมันให้อยู่สุขได้เลย ความเป็นห่วงภรรยาแล่นเข้าสู่หัวใจ คราแรกตั้งใจขอตัวทันทีที่ส่งพิชชาเสร็จ แต่หล่อนกลับอ้างว่าอยากคุยเรื่องเมื่อวาน
พิชชาบอกเขาด้วยสีหน้าหนักอกหนักใจคล้ายรับรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว และนาวินอยากทำให้มันจบ เพราะอย่างน้อยคนผิดควรจะได้ชดใช้เสียที
“รอนานรึเปล่าคะวิน” เสียงหวานถามในขณะเคลื่อนกายออกมาทั้งที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย ร่างสุดเซ็กซี่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำซ้ำผมยาวสลายยังเปียกชุ่มอย่างจงใจ
“พีชกลัววินรีบกลัวจะเสียเวลาอยากคุยให้จบ เผื่อวินจะได้ไปดูแลน้องพิมพ์ต่อ” นั่งลงยังข้างกายเสียงเล็กเปล่งขึ้นมาคล้ายกังวลใจ
“ผมว่าพีชน่าจะไปแต่งตัวให้เสร็จก่อนนะครับ” นาวินกล่าวเตือนเพราะสนิทกันในระดับหนึ่ง คงไม่เหมาะสมถ้าหากว่าใครเห็นเขาและหล่อนอยู่ด้วยกันในสภาพแบบนี้ อย่างน้อยชายหนุ่มก็มีภรรยาแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะพีชไม่ถือ หรือวินอายคะ” คลี่ยิ้มหวานตอบกลับ
“เปล่าครับ”
“พีชรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะคะ” สบตาคนข้างกายเหมือนกังวลใจขยับกายเข้าใกล้ก่อนเอื้อมไปกุมมือหนา
“พีชขอโทษนะคะทั้งหมดเป็นความผิดพีชเอง”
“หมายความว่ายังไง” อุทานเสียงเข้มก่อนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“พี่เอมมี่เขาเป็นห่วงพีช เพราะพีชไปบ่นกับเขาว่าวินไม่เหมือนเดิม วินไม่สนใจพีชเหมือนเมื่อก่อน พีชขอโทษนะคะ พีชเครียดก็เลยระบายกับเขาทั้งหมด”
ปล่อยน้ำตาลงรินไหลออกมาแสดงกิริยาน่าสงสารแบบที่ชอบทำ กล้ามเนื้อหัวใจนาวินยวบยาบฉับพลันไม่รู้ว่าต้องรู้สึกเช่นไรดี อีกคนก็เพื่อนสนิทอีกคนก็ภรรยาแถมผู้หญิงคนนี้ยังเคยอยู่ข้างเขาในยามเจ็บปวด
“ผมขอโทษ แต่ผมไม่เห็นด้วยอยู่ดี ผู้จัดการพีชทำเกินไป”
“ไม่เป็นไรค่ะพีชเข้าใจ พีชจะไปขอโทษน้องเอง พีชผิดเองที่เผลอไปรักวิน” พิชชามองเสี้ยวหนาหล่อเหลาด้วยจริตออดอ้อน ซ้ำยังแกล้งเอียงอายหลบตาสีรัตติกาลทรงเสน่ห์
“พีช…”
“พีชขอโทษนะคะ” เสียงร้อนสะอึกสะอื้นจนชายหนุ่มแทบทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากกอดปลอบ ทว่าสำนึกดีกลับร้องค้านนี่มันไม่เหมาะสม ถ้าหากเกินเลยมากกว่านี้ไม่ต่างอะไรกับให้ความหวังสักนิด
พิชชารับรู้มาตลอดว่านาวินไม่เหมือนเดิม หรือแท้จริงแล้วชายหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่แรก ทว่าเวลานี้เขาไม่ใช่คนที่หล่อนจะสามารถโน้มน้าวให้เชื่อฟังอย่างง่ายดาย ร่างเล็กทำใจกล้าเอื้อมไปกอบกุมข้างแก้มสาก
หล่อนทำในสิ่งซึ่งคนตัวโตต้องเบิกตากว้าง คนที่สารภาพว่ารักเขาตัดสินใจประจูบบริเวณริมฝีปากหนาทันที เรียวลิ้นเล็กพยายามสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากหนาเหมือนรู้งาน มือบางเริ่มไล่ลงมายังกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำ พยายามแล้วพยายามเล่าเพื่อปลดปราการนั่นออกไป คนตัวเล็กยกกายขึ้นคร่อมตักแกร่งพลางลูบไล้แผ่นอกผ่านเนื้อผ้าซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้าม หากจูบเย้ายวนไม่ได้ทำให้นาวินรู้สึกอะไรอีกต่อไป ชายหนุ่มผลักร่างบางคล้ายเตือนสติกัน
“อย่าทำแบบนี้อีก”
“ทำไมคะ หรือวินไม่หวั่นไหวกับพีชแล้ว” ย้อนถามด้วยสายตาผิดหวัง มือเล็กเตรียมคลี่เสื้อคุมให้ออกห่างจากกาย ดูสิถ้าหากมีผู้หญิงไร้ซึ่งอาภรณ์อยู่ตรงหน้าเขาจะยังซื่อสัตย์กับพิมพ์พลอยมั้ย
“พีช…” พิชชาทำในสิ่งที่เรียกได้ว่าไร้ค่า หล่อนบ้าบิ่นถึงขนาดสลัด ปราการด้านสุดท้ายจนเปิดเผยร่างกายขาวโพลนให้มองเห็นอย่างเต็มตา
“ทำไมคะ ไม่อยากได้แล้วเหรอวิน” ดาราสาวเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนชะม้ายชายตามอง
“พอเถอะ อย่าทำตัวไม่มีค่าอีกเลย” เอ่ยบอกด้วยเสียงราบเรียบปนผิดหวัง มองหล่อนด้วยแววตาเฉยชา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงเคลิบเคลิ้มผ่อนตามหญิงสาวได้ไม่ยาก แต่เวลานี้ยามนึกไปถึงสีหน้าผิดหวังของภรรยา เพียงแค่พิมพ์พลอยแสดงความรู้สึกเจ็บปวดชายหนุ่มก็พร้อมเขี่ยทุกคนทิ้งเหลือไว้เพียงแค่ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจเท่านั้น
“วิน…”
“ผมขอตัว” ทิ้งไว้เพียงแค่ความว่างเปล่า เร่งปลายเท้าเดินออกจากห้องนี้อย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมองมา การกระทำของเขาในวันนี้เล่นเอาความเจ็บแค้นเข้าสู่ริ้วหัวใจ พิชชาจ้องมองแผ่นหลังแกร่งด้วยนัยน์ตาแดงเขม็งประกาศกร้าวไว้ในใจ สักวันต้องทำให้ผู้ชายคนนี้มาครวญครางอยู่ใต้ร่างให้จงได้!
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศเคลื่อนความเย็บเฉียบสู่ผิวบาง พิมพ์พลอยกระชับผ้าห่มจนแน่นหนา หลังจากเกิดเรื่องเมื่อเย็นไม่มีบทสนทนาอะไรเปล่งออกจากคู่สามีภรรยา รู้แหละว่าเขาพยายามหาจังหวะเพื่อพูดคุยด้วยแต่เวลานี้มองหน้านาวินไม่ลงจริงๆ เหมือนแผลที่ไม่หายดียังคงเปิดอยู่
…ไม่รู้ต้องใช้เวลาเท่าไร แต่ไม่ใช่ตอนนี้
ทว่าพยายามหลบหน้าชายหนุ่มไปก็เท่านั้น ในเมื่อนอนบนเตียงเดียวกันอยู่ดี ทำได้มากที่สุดก็แค่หันหน้าหนีคล้ายคนขี้ขลาด
“ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย” เหมือนต้องการทลายกำแพงแห่งความเย็นชา เมื่อเสียงทุ้มโพล่งขึ้นมาในขณะที่ขยับกายเข้ามาพร้อมสอดมือผ่านแผ่นหลังบาง
“ค่ะ” ไม่รู้ว่าโกรธอยู่หรือเปล่าแต่ก็ฝืนตอบไป
“อย่าดื้อเงียบ” พิมพ์พลอยจงใจหลบหนีสามีอย่างคล่องแคล่ว คนตัวเล็กปิดกั้นชายหนุ่มในทุกทิศทาง
“…”
“พิมพ์…พิมพ์พลอย!” ไม่ใช่คนอดทนอะไรได้นานจึงก่นเรียกเธอด้วยเสียงดังไม่มีวี่แววความอ่อนโยน
“คะ” ขานรับแต่ไม่ได้หันมาสบตา คนใจร้อนกัดฟันกรอด ท่องไว้ในใจว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ไม่วายเอื้อมมือไปสัมผัสไหล่บอบบางให้หันมาหากันอยู่ดี
ใบหน้านิ่งเรียบแล่นกระแสความเจ็บปวดเข้าสู่หัวใจ แม้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ยิ่งเธอเฉยชาทำเหมือนกับเข้มแข็งมากเท่าไรกลับกลายเป็นเขาเองที่รู้สึกอ่อนแอ
…ทำไมไร้น้ำยาถึงขนาดทำให้ภรรยาตัวเองตกอยู่ในอันตรายขนาดนี้วะ!
แอบสถบด่าความโง่เขลาเงียบๆ คนเดียว ถ้าพิมพ์พลอยเป็นอะไรขึ้นมานาวินคงรู้สึกเสียใจไปจนวันตาย
หมับ!
ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็คว้าร่างเล็กเข้ามากอดแน่นเสียแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาจึงโน้มลงไปจุมพิตยังกระหม่อมบางราวกับปลอบโยน
“…” ไม่มีแม้แต่จะต่อต้าน พิมพ์พลอยนิ่งให้เขาทำอย่างที่พึงพอใจ
“ขอโทษนะ…” เสียงทุ้มพร่ำกระซิบแผ่วเบายังข้างใบหู พลางกระชับอ้อมกอดรัดแน่นราวกับกลัวสูญเสียเธอไป
“ต่อไปจะไม่ทำให้กลัวแบบนี้อีกแล้ว” ใจทั้งสองดวงเต้นกระหน่ำ ในขณะที่พิมพ์พลอยซบยังอกแกร่ง ไร้คำใดๆ จากเรียวปากแต่ตะกอนความคิดถึงหวนไปยังอดีตอีกครั้ง
ครั้งที่เธอเคยเป็นเพียงน้องน้อยให้เขาปกป้อง อ้อมกอดของนาวินมีไว้เพื่อเด็กสาวเท่านั้น คิดแล้วได้แต่คลี่ยิ้มบางเบา ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าภายในความมืดมนจากแสงไฟนั้นทั้งคู่ดีใจมากแค่ไหน
…เหมือนได้กลับไปสัมผัสความอ่อนโยนที่โหยหามาเนิ่นนานอีกครั้งหนึ่ง แค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ทว่ากลับอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ