บทที่ 1-2

1374 คำ
นฤบดินทร์รับสายพร้อมรอยยิ้ม เมื่อคนปลายสายคือแฟนสาวอย่างช่อทิพย์ ชื่อเล่นของเธอก็คือช่อ ช่อทิพย์เป็นผู้หญิงสวยเฉี่ยว แต่งตัวเปรี้ยวจนเข็ดฟัน รูปร่างบอบบางแต่สูงโปร่ง ผมของเธอดัดเป็นลอนใหญ่ที่มักจะปล่อยยาวสยายไปจนถึงกลางหลัง หญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับชายหนุ่ม เป็นลูกสาวเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งบ้านที่ใหญ่พอสมควร และทั้งคู่คบหาดูใจกันมาได้ประมาณเกือบปี ‘ดินทร์กินข้าวกลางวันหรือยังคะ’ “ยังเลยครับ ผมกำลังจะกลับไปกินข้าวที่บ้านอยู่พอดี” ‘ถ้าอย่างนั้นแวะมากินข้าวกับช่อไหมคะ ไปที่ร้านประจำของเราก็ได้ค่ะ’ นฤบดินทร์ขมวดคิ้วเข้าหากันนิดหน่อยเพราะกำลังคิดหนัก ไอ้อยากไปรับประทานมื้อกลางวันกับแฟนสาวเขาก็อยากไปอยู่หรอกนะ แต่ติดที่ว่ามันมีงานด่วนที่เขาทิ้งไปไม่ได้นี่น่ะสิ “คือพอดีผมมีงานด่วนน่ะครับช่อ กะว่ากินข้าวที่บ้านแป๊บเดียวก็จะกลับเข้าโรงสีเลย มันด่วนมากครับ คืนนี้ผมอาจจะต้องนอนค้างที่นั่นด้วยน่ะครับ” นฤบดินทร์อธิบายเพิ่มเติมเพื่อย้ำว่างานที่เขากล่าวถึงนั้นมันเร่งด่วนจริงๆ และหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจ “ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้ แต่ดินทร์อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ ช่อเป็นห่วง” เสียงหวานที่เอ่ยอย่างเข้าอกเข้าใจ ทำให้นฤบดินทร์คลี่ยิ้มออกมาได้ ช่อทิพย์เป็นผู้หญิงที่น่ารักเสมอ เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกเธอมาเป็นคนรัก “ขอบคุณน่ะครับช่อ ช่อก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง” “ค่ะ คิดถึงนะคะ” “คิดถึงเหมือนกันครับ” ชายหนุ่มกดวางสาย ใบหน้าคมคายยังคงมีรอยยิ้มประดับที่มุมปากกับความน่ารักของแฟนสาว แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่า ตัวตนที่แท้จริงของเธอ ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด คฤหาสน์มีทรัพย์อนันต์ ประตูอัลลอยด์ค่อยๆ เลื่อนเปิด นฤบดินทร์จึงเคลื่อนรถเข้ามาด้านใน เบื้องหน้าก่อนจะถึงบริเวณหน้ามุขของบ้านมีบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ที่มีพานน้ำพุขนาดสี่ชั้นตั้งอยู่ตรงกลางซึ่งเป็นไปตามหลักฮวงจุ้ย การตั้งน้ำพุหรือน้ำตกไว้หน้าบ้านเปรียบเสมือนการนำพาโชคลาภเข้ามาหาเจ้าของบ้านอยู่ตลอดเวลา มาอย่างไม่ขาดสาย ส่วนสองข้างทางก่อนจะถึงตัวบ้านก็ถูกประดับด้วยไม้มงคลชนิดต่างๆ ที่เยอะหน่อยก็เห็นจะเป็นต้นวาสนาที่เชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกต้นวาสนาจะทำให้มีความสุข ความสมหวังในชีวิต เป็นต้นไม้แห่งโชคลาภและการเสี่ยงทายด้วย โดยหลายคนเชื่อกันว่า หากต้นวาสนาบ้านไหนออกดอกสวยงาม จะทำให้มีโชคลาภ ปรารถนาสิ่งใดก็จะสมดังใจมุ่งหมาย และต้นโกสนซึ่งเป็นไม้พุ่มหลากสี นิยมเป็นปลูกกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะภายในพระราชวังและวัด เพื่อหวังให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข หากนำมาปลูกในบ้าน ก็จะทำให้ครอบครัวมีแต่ความสงบสุข ปราศจากความขัดแย้งใด ๆ นั่นเพราะคนสมัยก่อนเชื่อกันว่า คำว่า ‘โกสน’ มีเสียงใกล้เคียงกับคำว่า ‘กุศล’ ซึ่งหมายถึงการสร้างบุญ สร้างสิ่งที่ดีงามเป็นบุญเป็นกุศลนั่นเอง รถยนต์คันหรูจอดยังที่จอดประจำ ก่อนร่างสูงจะก้าวลงจากรถแล้วสาวเท้าเข้าไปตึกสีขาวหลังใหญ่ที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างทันสมัยและดูหรูหราไปในตัว นฤบดินทร์ตั้งใจจะมุ่งหน้าไปที่โต๊ะอาหาร แต่ระหว่างทางเดินต้องผ่านห้องโถง ตาคู่คมเหลือบสายตาไปเห็นประมุขของบ้านนั่งอยู่บนโซฟาสีครีมที่บุหนังอย่างดี ซึ่งบุคคลนั้นก็คือ ‘กันทรา’ ผู้เป็นอาม่าของชายหนุ่ม ใบหน้าคมคายระบายยิ้มอ่อนโยนตอนที่ค่อยๆ ย่องเข้ามาแล้วทิ้งตัวนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับอาม่ากันทราโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้รู้ตัวเพราะมัวแต่กดหน้าจอแท็บเล็ตอยู่ “อะแฮ่ม แอบคุยกับหนุ่มที่ไหนครับ ผมจะไปฟ้องอากงนะ” อาม่ากันทราสะดุ้งจนสุดตัว แท็บเล็ตแทบหลุดมือ แต่นฤบดินทร์ช่วยประคองเอาไว้ได้ทัน ชายหนุ่มหัวเราะชอบอกชอบใจ แต่อาม่ากันทราตวัดสายตามองหลายชายอย่างขุ่นเคือง “ลื้อเล่นอะไรอาดินทร์ เกิดอั๊วหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำยังไง” แม้จะถูกมองด้วยสายขุ่นเขีย วแต่นฤบดินทร์หาได้ใส่ใจ ชายหนุ่มเหย้าแหย่กลับอย่างอารมณ์ดี “อาม่าต้องอยู่กับผมไปอีกนานครับ ว่าแต่...อาม่าคุยกับใครครับ ให้ผมดูหน่อย เพราะถ้าเกิดแอบคุยกับหนุ่มๆ ละก็ ผมจะได้ไปฟ้องอากง” “เฮอะ ไปฟ้องเลย อากงของลื้อน่ะอยู่บนสวรรค์โน่น” อาม่ากันทราทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจะว่าต่อ “อากำชัย ลื้อมันเห็นแก่ตัว ทิ้งอั๊วให้อยู่กับหลานชายตัวแสบ ลื้อทำแบบนี้ได้ยังไง” ประโยคหลังอาม่ากันทราต่อว่าอากงของชายหนุ่มที่จากไปเมื่อห้าปีก่อนด้วยโรคชรา “ใจเย็นครับอาม่า ผมแค่ล้อเล่นเอง” ท่อนแขนแข็งแรงเอื้อมไปโอบเอวผู้เป็นอาม่าอย่างประจบ ก่อนจะซุกซบใบหน้าตรงช่วงเอวของคนสูงวัยกว่าแล้วถูไถไปมาจนอาม่ากันทราหัวเราะก๊ากเพราะรู้สึกจั๊กจี้ “อะ อาดินทร์ ปะ ปล่อยอั๊วเดี๋ยวนี้นะ ฮ่าๆ” อาม่ากันทราหัวเราะพร้อมๆ กับที่เอ่ยปากปรามหลานชายไปด้วย แต่นฤบดินทร์ไม่ยอมลดลาวาศอกให้คนสูงวัยกว่า แกล้งจนเจ้าตัวพอใจนั่นแหละถึงได้ผละออกมาเอง คนสูงวัยหายใจหอบถี่ ก่อนจะยื่นมือที่มีร่องรอยแห่งความเหี่ยวย่นไปบิดต้นแขนหลานชายเสียเต็มรัก เล่นเอาเจ้าตัวร้องจ๊าก เป็นจังหวะที่นฤดลและกิ่งดาวซึ่งเป็นบิดาและมารดาของชายหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาพอดี “อาดล อาดาว ลื้อมาก็ดีแล้ว ช่วยเอาลูกชายตัวแสบของลื้อไปไกลๆ อั๊วที” นฤดลและกิ่งดาวมองหน้ากันแล้วอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะสาวเท้ามานั่งที่โซฟาตัวที่ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของอาม่ากันทรา “แกล้งอะไรอาม่าอีกล่ะอาดินทร์” นฤดลหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบห้าปี ถึงแม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร แต่รูปร่างหน้าตาราวกับหนุ่มวัยสี่สิบต้นๆ นฤดลมีสายเลือดคนจีนไหลเวียนอยู่ในตัวร้อยเปอร์เซ็นต์ “โธ่ ป๊าครับ ผมก็แค่หยอกอาม่านิดๆ หน่อยๆ ก็เท่านั้นเอง” “นิดๆ หน่อยๆ อะไร ลูกลื้อน่ะ มันตั้งใจแกล้งให้อั๊วหัวเราะจนขาดอากาศหายใจตายไปเลยน่ะสิ” อาม่ากันทรายังคงส่งสายตาขุ่นๆ ให้หลานชาย ทำให้อีกสามคนที่เหลือพากันหัวเราะร่วน “ก็อาม่าน่ะสิครับแอบแชตกับหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้” “หนุ่มบ้าหนุ่มบออะไรของลื้อ” อาม่าว่าพลางกดปิดหน้าจอแท็บเล็ตแล้วกอดเอาไว้แนบอก ทำเหมือนกับว่ามีอะไรปกปิดเอาไว้ “ป๊ากับแม่ดูสิครับ อาม่าต้องแอบแชตกับหนุ่มๆ แน่เลย” นฤบดินทร์ยังคงกระเซ้าเหย้าแหย่อาม่ากันทราไม่ยอมเลิกรา คนสูงวัยกว่าเหนื่อยที่จะต่อล้อต่อเถียง ทำเพียงส่งสายตาเขียวขุ่นให้ แต่เขาไม่ยี่หระซ้ำยังไหวไหล่ใส่อาม่ากันทราอย่างกวนอารมณ์ จนคนเป็นแม่อย่างกิ่งดาวต้องรีบปราม มารดาของชายหนุ่มเป็นคนไทยแท้ที่แต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลคนจีน “เลิกแกล้งอาม่าสักทีเถอะลูก แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังล่ะ” “ยังเลยครับ ผมว่าจะมากินมื้อกลางวันพอดี อ้อ มื้อเย็นไม่ต้องรอผมนะครับ คืนนี้ผมคงต้องค้างที่โรงสี พอดีมีออเดอร์เร่งด่วนเข้ามาน่ะครับ” นฤบดินทร์บอกทุกคนให้รับทราบ ก่อนจะหันไปหยอกอาม่ากันทราอีกครั้ง “ผมไปก่อนนะครับอาม่า เดี๋ยวว่างๆ มาแกล้งใหม่”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม