บทที่5-1

2402 คำ
สองสัปดาห์ต่อมา มื้อกลางวัน โต๊ะอาหารคฤหาสน์มีทรัพย์อนันต์ “นี่ อาดินทร์ ลื้อน่าจะหาเวลาพาอาโซ่อีไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์บ้างนา นี่ก็แต่งงานมาเป็นอาทิตย์แล้ว ลื้อก็เอาแต่ทำงานแล้วก็ทำงาน” อาม่ากันทราเอ่ยขึ้นขณะที่ทุกคนในครอบครัวมีทรัพย์อนันต์กำลังรับประทานอาหารเช้า โดยมีสมาชิกใหม่อย่างนิฏฐาร่วมโต๊ะด้วย อาม่ากันทรานั่งที่หัวโต๊ะ นฤดลกับกิ่งดาวนั่งฝั่งขวามือของอาม่ากันทรา ส่วนนฤบดินทร์กับนิฏฐานั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาหันไปหาคนสูงวัยกว่าที่นั่งทางหัวโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ แต่ทว่าในน้ำเสียงนั้นบ่งบอกความไม่พอใจเอาไว้อยู่หลายส่วน “อาม่าก็รู้นี่ครับ ว่าการแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร ผมไม่เห็นถึงความจำเป็นต้องทำอย่างที่อาม่าว่าเลยสักนิด” “อาดินทร์!” อาม่ากันทราเรียกชื่อหลานชายเสียงดังลั่น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอึดอัด แม้แต่นฤดลและกิ่งดาวเองก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่คนที่หน้าซีดเผือดจนไร้สีเลือดเห็นจะเป็นนิฏฐา แต่หญิงสาวก็พยายามคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้น “เอ่อ อาม่าคะ พรุ่งนี้โซ่ก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน เรื่องนั้น...ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” นิฏฐาพยายามฝืนพูดออกไป ทั้งที่ใจจริงนั้น หญิงสาวก็หวังว่าจะได้ไปฮันนีมูนเมื่อคู่แต่งงานอื่นๆ แต่คำพูดของนฤบดินทร์ทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร และตัวเธอเองก็ทราบถึงเหตุผลนั้นเป็นอย่างดี “ลื้อแน่ใจเหรออาโซ่ ว่าลื้อไม่ต้องการแบบนั้น” “ค่ะ” นิฏฐาพยักหน้าน้อยๆ เป็นการตอบรับคำของอาม่ากันทรา นอกจากนฤบดินทร์จะไม่ขอบใจที่เธอพยายามช่วยคลี่คลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้นแล้ว ซ้ำยังหันมาตวัดสายตาขุ่นๆ ให้เธออีกด้วย แต่มันก็ไม่แปลกอะไรหรอก สำหรับเขาน่ะ แค่เธอหายใจแรงยังผิดเลย พอนิฏฐารับคำแบบนั้น ทุกคนต่างก็ตักอาหารใส่ปาก แต่บรรยากาศโดยรวมก็ยังคงมีความตึงเครียดหลงเหลืออยู่หลายส่วน ก่อนจะเป็นนฤบดินทร์ที่รวบช้อนเข้าหากัน “ผมไปโรงสีก่อนนะครับ” ว่าจบก็ลุกขึ้นเต็มความสูงโดยไม่รอให้ใครเอ่ยอนุญาต อาม่ากันทราทำท่าจะรั้งคนเป็นหลานชายเอาไว้ แต่นิฏฐารีบปรามเอาไว้เสียก่อน “ไม่เป็นไรค่ะอาม่า อย่าเพิ่งกวนใจพี่ดินทร์เลยค่ะ” นิฏฐายิ้มจืดเจื่อน หญิงสาวทราบว่าอาม่ากันทราคงจะบอกให้นฤบดินทร์พาเธอไปที่โรงสีด้วยดังเช่นทุกวัน และชายหนุ่มก็ปฏิเสธมาตลอดเช่นกัน จนเธอไม่อยากทำให้เขาต้องขุ่นข้องหมองใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่ หลังจากมื้อเช้าผ่านพ้นไป นิฏฐาก็พาตัวเองขึ้นมาบนห้อง ห้องที่เธอกับนฤบดินทร์นอนร่วมกันอยู่ทุกค่ำคืนตั้งแต่แต่งงานกันมา และก็ใช่ มันเป็นเพียงแค่ห้องนอนที่ใช้นอนอย่างเดียวเพียงเท่านั้น เธอนอนในส่วนที่เป็นของเธอ เขาก็นอนในส่วนที่เป็นของเขา สถานะของเธอกับเขาในตอนนี้เป็นเพียงเพื่อนร่วมห้องกันเท่านั้น แต่ในฐานะภรรยาถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ในนาม เธอก็ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตั้งแต่เรื่องการเตรียมน้ำให้เขาอาบ เตรียมชุดสำหรับสวมใส่ หรือแม้แต่กระทั่งบีบยาสีฟันลงบนแปรงเธอก็เป็นคนจัดเตรียมให้ ดีหน่อยที่เขาไม่ได้ต่อว่าหรือปฏิเสธ นิฏฐาทอดถอนใจอย่างหนักหน่วงยามที่เธอนั่งอยู่ปลายเตียงนอน หญิงสาวยังมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้ชายหนุ่มเกิดความเอ็นดูในตัวเธอขึ้นมาบ้าง ถึงแม้จะอยู่ร่วมห้องกัน แต่บางครั้งเขาก็ทำราวกับว่าเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ แต่ก็นะ นี่เพิ่งแค่เริ่มต้น และนี่ก็เพิ่งจะผ่านงานแต่งมาได้แค่เพียงสองสัปดาห์ เธอยังพอมีเวลาที่จะเอาชนะใจเขาให้ได้นานพอสมควร คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด ก่อนใบหน้าเรียวจะเผยรอยยิ้มกว้าง ราวกับกำลังคิดอะไรดีๆ ออก มือบางเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งซึ่งเจ้าตัววางโทรศัพท์มือถือเอาไว้ หยิบขึ้นมาเลื่อนหน้าจออยู่ชั่วครู่ แล้วกดโทร.ออก ‘ว่าไงโซ่’ ปลายสายคือเพื่อนสนิทของหญิงสาวอย่างรักตกันท์ เมื่อเพื่อนตอบรับนิฏฐาจึงยิ้มกว้าง “รัก ตอนนี้แกว่างไหม” ‘อือ ว่าง ว่าแต่แกมีไร’ รักตกันท์ตอบพร้อมถามกลับ น้ำเสียงติดแปลกใจเล็กน้อย “ดีเลย ถ้าแกว่าง งั้นไปร้านหนังสือเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” ‘ไปร้านหนังสือ แกจะไปทำไม’ “รัก แกก็กล้าถาม ไปร้านหนังสือ ฉันก็ต้องไปซื้อหนังสือน่ะสิ” นิฏฐาแกล้งเย้าเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก ‘เออ ฉันโง่เอง’ รักตกันท์ต่อว่าตัวเองอย่างประชดประชัน จนนิฏฐาต้องรีบง้อเพราะเกรงว่าเพื่อนจะโกรธเข้าจริงๆ “โอ๋ๆ ฉันขอโทษ แกช่วยพาฉันไปร้านหนังสือหน่อยนะรัก เดี๋ยววันนี้ฉันเป็นเจ้ามื้อเลี้ยงมื้อเย็นแกเอง ชวนเอ็มมาด้วยก็ได้” ‘เออๆ เห็นแก่ที่แกจะเลี้ยงมื้อเย็นหรอกนะ เดี๋ยวฉันแวะไปรับเอ็มก่อน แล้วจะไปรับแกที่บ้าน ว่าแต่ตอนนี้แกอยู่ที่บ้านแกหรืออยู่ที่บ้านพี่ดินทร์ล่ะ’ “ฉันก็ต้องอยู่ที่บ้านสามีสิยะ แกก็ถามมาได้” นิฏฐาตอบเพื่อนเสียงรื่นเริง จนปลายสายอย่างรักตกันท์อดที่จะหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ ‘เสียงร่าเริงเชียวนะ ทำไม เมื่อคืนแกจับพี่ดินทร์รวบหัวรวบหางไปแล้วงั้นเหรอ’ นิฏฐาแก้มแดงปลั่งเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว ถึงแม้ว่าสิ่งที่รักตกันท์พูดออกมาจะไม่ใช่เรื่องจริงและสถานการณ์ระหว่างเธอกับนฤบดินทร์ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำที่อีกฝ่ายกล่าวมาเลย แต่เธอก็อดที่จะเขินอายไม่ได้อยู่ดี “พูดบ้าอะไรของแก แค่นี้แหละ รีบๆ มารับเลย” ‘แหม พอแซวนิดแซวหน่อย รีบเปลี่ยนประเด็นเลยนะ’ “แค่นี้นะ ฉันจะวางสายแล้ว” ว่าจบก็กดวางสายโดยไม่รอให้รักตกันท์ตอบรับหรือปฏิเสธ หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองกระจก สะท้อนภาพใบหน้าที่กำลังแดงซ่านของตนอย่างเด่นชัด มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นกอบกุมใบหน้าเอาไว้ พลางสะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่กำลังก่อตัวขึ้นมาในสมองน้อยๆ ของเธอ เมื่อนึกย้อนไปถึงคำพูดของรักตกันท์ “เมื่อคืนแกจับพี่ดินทร์รวบหัวรวบหางไปแล้วงั้นเหรอ” บ้าบอที่สุดเลย ไม่ใช่รักตกันท์ที่บ้าบอ แต่เป็นเธอนี่แหละที่คิดตามที่อีกฝ่ายพูดซ้ำไปซ้ำมา นิฏฐาสะบัดศีรษะแรงๆ อีกครั้งเพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะดึงลิ้นชักตรงโต๊ะเครื่องแป้งออกแล้วหยิบกระดาษโพสต์-อิทขึ้นมา เขียนข้อความแล้วแปะกระดาษแผ่นดังกล่าวไว้ที่หน้ากระจกเพื่อบอกกล่าวคนร่วมห้อง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากรู้ว่าเธอจะไปไหนหรือทำอะไร แต่เธอก็ต้องบอกกล่าวเอาไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกเขาต่อว่าในภายหลังได้ นิฏฐา รักตกันท์และอนลัสเดินทางมาที่ร้านหนังสือซึ่งตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยทั้งหมดมารถของอนลัสเพราะรถของรักตกันท์เกิดอาการงอแงขึ้นมาเสียดื้อๆ สตาร์ทเท่าไรเครื่องยนต์ก็ไม่ติด จนอนลัสต้องเป็นฝ่ายไปรับรักตกันท์เสียเอง ก่อนทั้งคู่จะมารับนิฏฐาอีกที “นี่ฉันถามแกจริงๆ เลยนะ ที่แกลากให้ฉันรวมถึงเอ็มออกมาด้วยเพราะแกจะมาซื้อไอ้หนังสือนี่อะนะ” รักตกันท์ทำหน้าเมื่อยตอนที่มองหนังสือในมือของนิฏฐา จีบผู้ชายยังไงไม่ให้นก คือหนังสือที่นิฏฐาถือเอาไว้ในมือตอนนี้ อนลัสไม่ได้มาร่วมวงกับพวกเธอด้วยเพราะเจ้าตัวกำลังดูนิตยสารเกี่ยวกับเรื่องกีฬาตรงชั้นหนังสือฝั่งตรงกันข้าม “ก็ใช่ไง ฉันกำลังหาวิธีที่จะทำให้พี่ดินทร์หันมาสนใจฉันยังไงล่ะ แกก็รู้ ว่าชีวิตนี้ฉันเคยจีบใครมาก่อนซะที่ไหน ฉันก็เลยต้องพึ่งหนังสือพวกนี้แหละ” รักตกันท์ถอนหายใจแรงๆ กลอกตามองบนแล้วบอกกับเพื่อนด้วยเสียงที่ดังพอแค่ให้ได้ยินกันสองคน “แกจะเสียเวลามาซื้อหนังสือพวกนี้ไปทำไมโซ่ แกกับพี่ดินทร์ก็นอนห้องเดียวกัน และฉันก็เดาว่าคงต้องจะนอนเตียงเดียวกันด้วย ฉันว่าแกไม่ต้องมาเสียเวลาอ่านหนังสือพวกนี้หรอก แกก็จัดการรวบหัวรวบหางพี่ดินทร์ไปเลยก็สิ้นเรื่อง” “พูดบ้าอะไรของแก” นิฏฐาต่อว่าเพื่อนเสียงดังลั่น จนหลายคนที่อยู่ในร้านหนังสือหันมามองพวกเธอเป็นตาเดียว เจ้าตัวรีบก้มหัว ทำท่าขอโทษขอโพย ก่อนจะบอกเพื่อนเสียงอ้อมแอ้ม “พูดบ้าอะไรของแก แกจะให้ฉันไปปลุกปล้ำพี่ดินทร์ อย่างนั้นเหรอ แกจะบ้าไปแล้วรึไง” “ฉันบ้าตรงไหน ก็ในเมื่อแกกับพี่ดินทร์แต่งงานกันแล้ว จดทะเบียนสมรสกันแล้วด้วย ฉันไม่เข้าใจเลยมาแกจะมัวมาเสียเวลาอ่านหนังสือพวกนี้ทำไม” รักตกันท์เหลือบสายตามองหนังสือในมือของนิฏฐาอีกครั้ง “จีบผู้ชายยังไงไม่ให้นก” รักตกันท์เอ่ยชื่อหนังสือออกมาด้วยเสียงที่ดังพอสมควร “ฉันว่านะ ถ้าแกมัวแต่อ่านหนังสือนั่น ชีวิตนี้แกคงเจอแต่คำว่านกแล้วก็นกเท่านั้นแหละ” เมื่อรักตกันท์ตอกย้ำแบบนั้น นิฏฐาเริ่มทำหน้าเจื่อน เพราะเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นฤบดินทร์ก็ไม่ค่อยจะสนใจไยดีเธอสักเท่าไร ยิ่งได้ยินคำว่านกแล้วก็นก เจ้าตัวก็ยิ่งรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง “แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” “นี่ หนังสือที่แกควรจะต้องอ่าน” รักตกันท์ว่าพลางเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่บนชั้นลงมา “ร้อยแปดวิธีมัดใจสามีให้อยู่หมัด” แล้วก็จัดการยัดหนังสือเล่มดังกล่าวใส่มือนิฏฐา ด้วยมีหนังสืออยู่ในมือถึงสองเล่ม นิฏฐาจำต้องวางหนังสือจีบผู้ชายยังไงไม่ให้นกลงบนชั้น ก่อนจะเปิดเนื้อหาด้านในหนังสือที่รักตกันท์เพิ่งจะยัดเยียดให้ เพียงแค่เปิดหน้าแรกหญิงสาวก็แก้มแดงแปร๊ดราวลูกมะเขือเทศสุก เพราะเนื้อหาที่อยู่ด้านในทำให้คนอ่านอย่างเธอรู้สึกขัดเขินอยู่ไม่น้อย 1.สร้างบรรยากาศชวนสัมผัสก่อนเริ่มลีลารักมัดใจชายของคุณ จะดีกว่าไหมถ้าค่ำคืนของคุณทั้งสองคนจะถูกปลุกเร้าด้วยชุดเสื้อผ้าซีทรูสุดเซ็กซี่ของคุณที่จะเชิญชวนปลุกเร้าอารมณ์ของคนสำคัญของคุณให้แทบบ้า และมันย่อมดีกว่าที่จะรอเวลาที่สามีของคุณจะเป็นคนคุมเกมแต่เพียงฝ่ายเดียว แม้มันจะดูเหมือนเป็นเรื่องดีแต่ถ้าคุณปล่อยให้เขาเป็นคนคุมเกมเรื่องนี้ไปตลอด แต่คุณจะไม่มีโอกาสบอกความต้องการของคุณและต้องเป็นฝ่ายรอแต่เพียงอย่างเดียวตลอดไป เพียงแค่อ่านเนื้อหาข้อแรก นิฏฐาก็ไม่กล้าจะอ่านข้อที่อยู่ถัดไป เพราะข้อแรกก็เล่นเอาเธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่าง ขนอ่อนต่างพากันลุกเกรียวกราว ก็เนื้อหาชวนสยิวเสียขนาดนั้น ให้เธอทำตามคำแนะนำแบบนั้นไม่ไหวหรอก อีกอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนฤบดินทร์ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นเสียหน่อย แค่เข้าใกล้ตัวเขาก็ยากแล้ว จะให้เธอเป็นฝ่ายคุมเกมเนี่ยนะ บ้าบอ “ไม่เอาอะ” นิฏฐาว่าพลางยัดหนังสือใส่มือรักตกันท์ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับเอาไว้แต่โดยดี ซ้ำยังตวัดสายตาขุ่นๆ ให้เธออีกด้วย “ทำไมแกไม่ลองเอาเล่มนี้ไปศึกษาดูจะได้ไม่เสียเวลา แกจะมัวมาจีบพี่ดินทร์อยู่ทำไม แกแต่งงานกับเขาแล้วนะโซ่ คิดสิคิด” “แกก็รู้ว่าระหว่างฉันกับพี่ดินทร์น่ะเราไม่ได้แต่งงานเพราะความรัก แต่มีเหตุผลบางอย่างซึ่งก็แน่นอนว่าฉันบอกแกไม่ได้ แม้ว่าเราจะรู้จักกันมาก่อนก็จริง แต่พอแต่งงานกันแล้วเราทั้งสองคนก็เหมือนคนแปลกหน้าที่มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แบบว่า...ความสัมพันธ์ของเรามันก็ควรจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป แบบนั้นไม่ใช่หรอกเหรอ แล้วแกก็รู้ว่าพี่ดินทร์เค้า...ไม่ได้รักฉันนี่ มีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่...แกก็รู้ดีอยู่แล้ว ใช่ไหมล่ะ” คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักบอกอ้อมแอ้ม จนเพื่อนอย่างรักตกันท์ต้องถอนหายใจเบาๆ ทั้งรู้สึกเอือมระคนเห็นใจ “เอางี้ ฉันว่าแกควรซื้อมันไปทั้งสองเล่มนั่นแหละ อันดับแรกก็อ่านเล่มนั้นก่อน ไอ้วิธีจีบผู้ชายยังไงไม่ให้นกของแกน่ะ พอแกเลิกนก แกก็มาอ่านเล่มนี้ แกจะได้มัดใจพี่ดินทร์ของแกให้อยู่หมัด” “แต่ว่า...” นิฏฐาพยายามจะค้าน แต่รักตกันท์ตวัดสายตาดุๆ ส่งมาให้ จนนิฏฐาต้องรีบพยักหน้ารับ “ก็ได้ๆ” “ดีมาก เพื่อนรัก” รักตกันท์เผยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะตบไหล่เพื่อนเบาๆ เมื่อสองสาวชำระเงินค่าหนังสือเรียบร้อย อนลัสที่รอจังหวะอยู่ก่อนแล้วจึงตามมาสบทบ ก่อนทั้งหมดออกจากร้านหนังสือ ตั้งใจว่าจะไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารแถบชานเมืองซึ่งอยู่ห่างจากห้างสรรพสินค้าแห่งนี้พอสมควร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม