สองหนุ่มสาวกำลังจะแวะเข้าไปที่แผนกเสื้อผ้าผู้หญิง แต่ทั้งคู่ต้องชะงักเท้าเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของนฤบดินทร์ส่งเสียงกรีดร้อง
“แป๊บนึงน่ะครับช่อ”
เมื่อช่อทิพย์พยักหน้ารับ นฤบดินทร์จึงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน หน้าจอโชว์หมายเลขเบอร์โทรศัพท์บ้านตัวเอง ชายหนุ่มไม่รีรอที่จะกดรับสาย
“ครับ”
‘ดินทร์ รีบกลับบ้านเร็วลูก’
น้ำเสียงของมารดาทำให้นฤบดินทร์ใจคอไม่ดี แต่ชายหนุ่มก็ยังคองสติเอาไว้ได้
“เกิดอะไรขึ้นครับแม่”
คิ้วหนาของนฤบดินทร์ขมวดเข้าหากันจนคนมองอย่างช่อทิพย์รู้สึกแปลกใจ แต่เจ้าตัวก็ทำเพียงมองอย่างสังเกตการณ์
‘อาม่าลูก วันนี้ตอนที่อาม่ากำลังนั่งจิบน้ำชาช่วงบ่าย จู่ๆ ท่านก็เป็นลมหมดสติไปเลย ตอนนี้ป๊าของลูกกำลังตามหมอมาดูอาการอยู่ แม่ใจคอไม่ดีเลย ดินทร์รีบกลับมาได้ไหมลูก’
น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความวิตกกังวลของมารดาทำให้นฤบดินทร์รู้สึกใจคอไม่สู้ดีนัก ชายหนุ่มจึงรีบตอบกลับเพื่อให้มารดาเบาใจ
“ได้ครับแม่ ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”
ช่อทิพย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มถึงกับบิดปากอย่างขัดใจ ให้มันได้อย่างนี้ทุกทีสิน่า หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ตอนที่คนตัวสูงข้างกายหันมาหาเธอด้วยใบหน้าเจื่อนๆ
“เอ่อ ผมต้องกลับ...”
“ช่อได้ยินแล้วค่ะ”
นฤบดินทร์ยิ้มแหย ก่อนจะบอกอีกฝ่าย
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งช่อที่รถนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่อว่าจะเดินซื้อของอีกหน่อย เดี๋ยวช่อค่อยกลับค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ผมไปก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวผมโทร.หา”
“ค่ะ”
เมื่อช่อทิพย์รับคำ นฤบดินทร์จึงรีบสาวเท้ายาวๆ ออกไปจากตรงนั้น ช่อทิพย์มองตามแผ่นหลังกว้างอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะเปิดกระเป๋าสะพายใบเก๋ ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา เลื่อนหน้าจอเพียงไม่นานแล้วกดโทร.ออก
“กุลิสร์เหรอคะ ตอนนี้คุณว่างไหม”
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะตอบในสิ่งที่เธอต้องการ เจ้าตัวถึงได้ยิ้มออกมาได้
“ได้ค่ะ เจอกันที่เดิมนะคะ”
“อาม่าเป็นยังไงบ้างครับหมอ”
นฤบดินทร์ขึ้นมาที่ห้องนอนของอาม่ากันทราทันที หลังจากที่เด็กในบ้านบอกว่าท่านถูกพาขึ้นมาบนห้อง โดยมีหมอกำลังตรวจอาการอย่างใกล้ชิด เมื่อหมอขยับตัวถอยออกมา นฤบดินทร์จึงไปนั่งข้างๆ อาม่ากันทราที่นอนสีหน้าอิดโรยอยู่บนเตียงแทน ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งของอาม่ากันทราขึ้นมากอบกุมเอาไว้
“จากที่หมอตรวจร่างกายของอาม่ากันทราตอนนี้ยังไม่อะไรที่น่ากังวล เดี๋ยวหมอจัดยาบำรุงแล้วให้นอนพักก็น่าจะดีขึ้นนะครับ ที่ท่านเป็นแบบนี้ก็เพราะความเครียดน่ะครับ แต่หมออยากให้ระวังเอาไว้อย่าง ไม่ควรปล่อยให้ท่านเครียดจนเกินไป เพราะความเครียดจะส่งผลเสียต่อร่างกาย และที่สำคัญเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูงและจะส่งผลให้เป็นโรคหัวใจตามมา ถ้ายังไงก็อย่าปล่อยให้ท่านเครียดมากจนเกินไปนะครับ ไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวก่อน”
“ขอบคุณครับหมอ”
เป็นนฤดลที่เอ่ยขอบคุณ แพทย์คนดังกล่าวจึงพยักหน้ารับ
แพทย์วัยกลางคนบอกลาพร้อมคว้ากระเป๋าเครื่องมือขึ้นมาถือเอาไว้ โดยมีนุ่มเดินตามไปส่งอย่างรู้งาน ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือเพียงนฤดล กิ่งดาว นฤบดินทร์และอาม่ากันทราที่นอนอยู่บนเตียง
อาม่ากันทราค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองหน้าหลานชายที่ยังคงกอบกุมมือท่านเอาไว้
“อาดินทร์ อั๊วไม่สบายใจเลยจริงๆ นา อั๊วเป็นห่วงลื้อ อั๊วเกรงว่าลื้อจะเป็นอะไรไป แบบนั้นอั๊วต้องตายแน่ๆ เลยนา”
“อาม่าก็เห็นนี่ครับว่าผมไม่เป็นอะไรเลย ผมยังอยู่ดี และผมก็อยู่ตรงหน้าอาม่าแล้วไงครับ”
“ตอนนี้ลื้อยังไม่เป็นอะไร แต่ต่อไปล่ะ ใครจะรู้”
นฤบดินทร์รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่อาม่ากันทราส่งมาให้ แต่ชายหนุ่มไม่ต้องการจะสะเดาะเคราะห์โดยการแต่งงานจริงๆ อีกอย่างนิฏฐาไม่ใช่คนที่เขารัก มันดูฝืนใจจนเกินไป
“อั๊วอยากให้ลื้อแต่งงานกับอาโซ่ ลื้อพอจะทำให้อั๊วได้ไหม”
“แต่อาม่าครับ...”
เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของนฤบดินทร์ อาม่ากันทราจึงถอนหายใจหนักๆ อย่างคนที่กำลังยอมแพ้
“ไม่เป็นไรอาดินทร์ ถ้าลื้อลำบากใจกับคำขอร้องของอั๊ว ถือเสียว่าอั๊วไม่ได้พูดก็แล้วกัน ยังไงซะ คนแก่อย่างอั๊วก็ต้องตายอยู่ดี ความเครียดอาจจะทำให้อั๊วจากพวกลื้อไปไวหน่อยก็เท่านั้นเอง แต่พวกลื้อไม่ต้องใส่ใจอั๊วหรอก พวกลื้อออกไปได้แล้ว อั๊วจะพักผ่อน” อาม่ากันทราโบกมือไล่ ก่อนจะหันไปพูดกับกิ่งดาวที่ยืนอยู่ข้างๆ นฤดล “อาดาวช่วยตามอานุ่มมาให้อั๊วด้วย”
พูดจบอาม่ากันทราก็พลิกตัวหันหลังให้ทุกคนทันที แต่ละคนมีสีหน้าลำบากใจไม่ต่างกันเลย โดยเฉพาะนฤบดินทร์ที่คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นปม ราวกับว่ากำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“อาม่าครับ”
“ลื้อไม่ต้องพูดอะไรหรอกอาดินทร์ อั๊วเข้าใจ พวกลื้อน่ะ แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้ว แค่ตามอานุ่มมาอยู่เป็นเพื่อนอั๊วก็พอ”
อาม่ากันทราพูดทั้งที่หันหลังให้นฤบดินทร์แบบนั้น ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนริมฝีปากหยักลึกจะขยับอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ผมจะทำตามที่อาม่าขอร้องครับ”