ตอนที่ 11 ผีในห้องมั้งที่เปิด

1125 คำ
วันต่อมา... มือเรียวที่เพิ่งผลักประตูห้องนอนของตัวเองให้เปิดออกถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นร่างสูงเพรียวของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีนอนคว่ำหน้าแข้งขาเหยียดยาวยึดครองพื้นที่บนเตียงนอนขนาดห้าฟุตของเธอโดยพลการ ตั้งหน้าตั้งตากดโทรศัพท์ในมือยิกๆไม่สนใจการมาถึงของเธอที่เป็นเจ้าของห้องตัวจริง “เข้ามาทำอะไรห้องพี่?” "เล่มเกม" ตอบโดยไม่ละสายตาออกจากหน้าจอมือถือ "แล้วทำไมไม่เล่นอยู่ที่ห้องตัวเอง พี่บอกหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เข้ามาห้องพี่เวลาที่พี่ไม่อยู่" "ก็มีแค่ห้องพี่พริ้มห้องเดียวปะที่แม่ไม่เข้ามา อยู่ที่ห้องตัวเองแม่ก็เจอดิ เดี๋ยวก็เข้าไปยืนบ่นนั้นบ่นนี้ครึ่งชั่วโมงก็ไม่จบ น่ารำคาญจะตาย อีกอย่างผมก็ส่งไลน์บอกพี่พริ้มแล้วนิว่าจะเข้ามารอที่ห้อง" พิมพ์อัปสรเลิกคิ้วขึ้นสูง ริมฝีปากเม้มแน่น พยายามนึกว่าอีกฝ่ายพูดกับเธอตอนไหน พิชยะพูดตอนไหนบอกตอนไหนว่าจะเข้ามาในห้องเธอ แล้วก็ถึงบางอ้อ... ก็น่าจะเป็นข้อความที่ส่งหาเธอเมื่อเย็นวาน แต่นั้นมันเรียกการขออนุญาตเหรอ? Pie Pichaya : พี่พริ้ม... Pie Pichaya : พรุ่งนี้พี่กลับบ้านปะ? PRIM Pimapsorn : กลับบ้านย่า PRIM Pimapsorn : แต่จะแวะเข้าไปเอาของที่บ้านก่อน Pie Pichaya : โอเค...งั้นรอที่ห้อง ที่บอกรอที่ห้อง หมายถึงห้องเธอ? เห้อ!... คนเพิ่งเก็ทถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่หลังห้อง ประตูตู้ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ทำให้พิมพ์อัปสรชะงักมือที่กำลังจะยกขึ้นเปิด ถึงจะไม่ได้กลับมานานแต่จำได้ว่าปิดสนิททุกครั้งก่อนออกจากห้อง เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเปิดมันทิ้งไว้ ขืนทำแบบนั้นทั้งหนูทั้งแมลงสาบได้ย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอสบายใจเฉิบ “พายเปิดตู้เสื้อผ้าพี่เหรอ?” หันไปถามคนที่นอนเล่นเกม “ไม่ได้เปิด ผีในห้องพี่ปะที่เปิด?” พิชยะตอบ เมื่อหันมาเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของพี่สาวก็จิ๊ปากเบาๆ “ไม่ได้เปิดจริงๆ จะเปิดทำไม? เปิดไปก็ใส่อะไรไม่ได้ เสื้อผ้าพี่พริ้มมีแต่มีตัวเล็กๆ ทั้งนั้นคงจิ๊กมาใส่ได้หรอก ตอนเข้ามาก็เห็นมันเปิดอยู่แล้ว ก็นึกว่าพี่พริ้มเปิดทิ้งไว้ให้ลมเข้า” ก็คิดได้เนอะ เปิดให้ลมเข้า? น่าจะเป็นหนูกับแมลงสาบมากกว่ามั้ยที่จะเข้า พิมพ์อัปสรมองคนอายุน้อยกว่าตาขวาง แล้วหันหน้ากลับเข้าหาตู้เสื้อผ้าที่เธอแทบไม่ได้ใช้งานมันเลย เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้มีไม่ถึงสิบชุด เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ก็เลยไม่มีความจำเป็นที่จะทิ้งอะไรไว้มาก มีชุดนอนสี่ชุด ชุดลำลองสี่ชุด และก็ชุดเดรสอีกสองชุด ซึ่งก็เพียงพอ เธอเชื่อที่น้องชายพูดว่าเขาไม่ใช่คนเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอ และก็เชื่อว่าไม่ใช่ผีในห้องแน่ๆ ที่เปิด มีคนเปิดตู้เสื้อผ้าของเธอ และคนๆนั้นก็เป็นคนหยิบเสื้อของเธอไป เสื้อที่เธอตั้งใจแวะเข้ามาเอา... มันหายไป! พิมพ์อัปสรถอนหายใจแรงด้วยความเหนื่อยหน่าย ปิดประตูตู้โดยไม่หยิบจับอะไรออกมา ไม่แม้แต่จะสำรวจว่าเสื้อผ้าตัวอื่นๆ หายไปด้วยหรือเปล่า เพราะเธอสนใจแค่เสื้อตัวนั้นตัวเดียว เสื้อผ้าตัวอื่นเธอไม่ต้องการ ที่บ้านสวนของย่ามีข้าวของเครื่องใช้ของเธอครบครัน และมีมากกว่าที่นี่หลายเท่า จึงไม่มีความจำเป็นที่เธอจะต้องเอาอะไรไปเพิ่ม ถ้าบอกว่าเวลาส่วนใหญ่ของเธออยู่ที่มหาวิทยาลัยกับคอนโด รองลงมาก็คือบ้านสวนของย่า ส่วนบ้านหลังนี้... ถ้าไม่มีความจำเป็นเธอก็ไม่คิดที่จะย่างกายเข้ามา “พี่พริ้มจะไปไหนอะ บ้านย่า?” “ทำไม? จะไปด้วย?” นี่คงเป็นจุดประสงค์จริงๆ ที่น้องชายเข้ามาในห้องของเธอ คงตั้งใจเข้ามารอ ก็คงกลัวว่าจะคลาดกันถ้าอยู่ที่ห้องตัวเอง “ไปดิ ก็บอกแล้วไงว่าจะรอ แต่พี่พริ้มรอเดี๋ยวนะขอห้านาทีใกล้จบเกมแหละ...แม่ง สัสเอย ภาระกูตลอด ไอ้มีนไอ้เหี้ย! แล้วมึงจะไปทางนั้นทำไมวะ หนีสิหนี ซ้ายๆ ไปทางซ้าย เวร! กูบอกซ้ายแล้วมึงเสือกไปขวาหาพ่อง!” ประโยคแรกน่าจะพูดกับเธอ ส่วนประโยคหลังที่พ่นคำหยาบรัวๆ ก็คงหมายถึงเพื่อนในเกม หางคิ้วของพิมพ์อัปสรเริ่มกระตุกรัวๆ หรี่ตามองดูร่างสูงเพรียวของน้องชายที่กำลังมุ่งมั่นกับเกมในมือถือด้วยสายตาแรง ทั้งเขม่นทั้งหมั่นไส้อยากจะหาอะไรมาฟาดหัวสักที ผู้ชายเวลาเล่นเกมต้องใส่อารมณ์ขนาดนี้เลยเหรอ? หรือเป็นเฉพาะน้องชายเธอ? เห้อ...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีข่าววัยรุ่นมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันในร้านเกมออนไลน์ออกมาให้เห็นทุกวัน ก็เพราะมันเป็นแบบนี้ไง “ไม่รอ...ถ้าจะไปก็ปิดเกมซะ” “แป๊บเดียวน่า สองนาทีก็ได้...” คนอายุน้อยกว่าต่อรอง “ไอ้มีนเร็วๆสิวะ แม่ง! เดี๋ยวก็ตายห่ากันหมด” “สองนาทีก็ไม่ได้ ถ้าจะไปก็ต้องไปตอนนี้เลย” “พี่พริ้มแม่งไม่เข้าใจผู้ชายเลย ถึงว่าไม่มีแฟน” พิมพ์อัปสรถลึงตาใส่น้องชายที่อายุห่างกันสามปี จากที่แค่คิดว่าอยากจะหาอะไรมาฟาดหัวสักทีกลายเป็นอยากจะฟาดมันขึ้นมาจริงๆ “ถ้าฉันมีแฟนแล้วต้องมานั่งรอมันเล่นเกม ฉันก็ไม่เอาย่ะ อยู่แบบนี้ก็สบาย จะไปไม่ไปถ้าจะไปก็ลุก มีเวลาว่างมากก็ไปอ่านหนังสือโน้น ปีหน้าก็ต้องสอบเข้ามหา’ลัยแล้วไม่ใช่หรือไง มัวแต่เล่นเกมอยู่แบบนี้คงจะได้เรียนหรอกนะวิศวะน่ะ” “อะๆ ปิดแล้ว แค่นี้ก็ต้องดุด้วย” คนอยากเรียนวิศวะเสียงอ่อย พิมพ์อัปสรมองค้อน ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องไม่ได้สนใจว่าคนด้านหลังจะตามมาหรือไม่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม