ภายในกระโจมฝูเหิงเดินมาหยุดข้างเตียงแล้วมองเจินเหยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงของเขา เขาเดินไปหยุดที่ปลายเท้าของนาง แล้วเลิกผ้าห่มออก เพื่อดูฝ่าเท้า
เจินเหยาหดขาทันที เมื่อโดนความเย็นที่ปลายเท้า ฝูเหิงยึดข้อเท้าของนางไว้ ก่อนที่จะหยิบเชิงเทียนมาส่องดู
เขาหยิบตลับยามาทาให้นางอีกครั้งก่อนจะห่มผ้ากลับให้นางตามเดิม คิ้วที่ขมวดแน่นของเจินเหยาคลายออกมาปราศจากการถูกรบกวนแล้ว
ฝูเหิงเดินมานั่งลงข้างตัวนางแล้วจ้องมองอย่างลึกซึ้ง นางช่างบอบบางไม่ต่างกับตอนเล็กสักนิด เช่นนี้เขาจะทรมานนางได้อย่างไร
เจินเหยารับรู้ถึงความอบอุ่นที่แผ่นหลังของนาง ก่อนที่นางจะเขยิบตัวเขาหาความอบอุ่นนั้น อากาศทางเหนือช่างเลวร้าย แม้ผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ นางก็ยังรู้สึกหนาวไม่หาย
ฝูเหิงตัวแข็งทื่อ เมื่อร่างนุ่มนิ่มของเจินเหยาเบียดอยู่ที่ตัวของเขา แม้จะเขยิบถอยหนีแล้ว แต่นางก็ยังเขยิบตามเขามา
“เจ้าจะกล่าวโทษข้าไม่ได้เล่า เจ้าเต้าหู้น้อย” เขาจิ้มไปที่แก้มของนางอย่างที่เขาชอบทำเมื่อตอนที่นางเป็นเด็ก
ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างเจินเหยา แล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด
“ท่านรองแม่ทัพ สาวใช้ของนางรออยู่หน้าค่ายขอรับ จะให้พาเข้ามาหรือไม่” ฝูเหิงกำลังสูดดมเส้นผมนางอย่างสุขใจแต่โดนขัดจังหวะเสียได้
“ไม่ต้อง ปล่อยให้นางรอไป แล้วก็ไม่ต้องรบกวนข้าอีก” เขาเอ่ยตอบเสียงเบา แต่พอที่คนด้านนอกจะได้ยิน
เพราะกลัวว่าจะรบกวนนางจนนางตื่นขึ้นมาเสียก่อน
เมื่อเห็นว่าเจินเหยานางขยับตัว ฝูเหิงก็ลูบแผ่นหลังของนาง เพื่อกล่อมให้นางหลับต่อ เนื้อตัวที่นุ่มนิ่ม เพียงแค่ลูบแผ่นหลังของนาง ใจของเขาก็สั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่
ฝูเหิงบรรจงหอมไปที่แก้มนวลของเจินเหยาอย่างแผ่วเบา แต่ไรหนวดที่ยังไม่ได้โกนของเขาก็ทำให้เจินเหยานางพลิกตัวหนีอย่างนึกรำคาญ
ฝูเหิงกอดเจินเหยาจากด้านหลังแน่น แล้วสูดดมซอกคอของนาง กลิ่นกายของนางช่างทำให้บุรุษหลงมัวเมาจนถอนตัวไม่ขึ้น
“อื้อออ” เจินเหยาส่งเสียงออกมาอย่างรำคาญที่ถูกก่อกวน
ฝูเหิงจำต้องกอดนางไว้ เพราะกลัวว่านางตื่นขึ้นมาในตอนนี้เขาจะไม่ได้มีโอกาสเช่นนี้อีก
เจินเหยานางไม่รู้ว่านอนไปนานเพียงใด แต่เมื่อตื่นขึ้นมา ด้านนอกก็สว่างเสียแล้ว นางเด้งตัวขึ้นจากที่นอน ก่อนจะลงจากเตียงทันที
“ซี๊ดด” เจินเหยานางสูดปาก เพราะความเจ็บปวดที่ฝ่าเท้า นางลืมเรื่องบาดแผลจนไม่ระวังตัว
“แม่นางตื่นแล้วใช่หรือไม่ขอรับ” เสียงทหารด้านนอกร้องถามเข้ามา เมื่อได้ยินเจินเหยานางตอบรับ เขาก็ยกอ่างน้ำ พร้อมทั้งอาหารเข้ามาให้นาง
“หากท่านกินเสร็จแล้ว รองแม่ทัพจะไปส่งขอรับ” เหมือนเขาจะรู้ว่าเจินเหยานางจะพูดเรื่องอะไร จึงรีบเอ่ยสิ่งที่ฝูเหิงสั่งเขาไว้เสียก่อน
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“มะ ไม่เป็นไรขอรับ เป็นหน้าที่ของข้าน้อย” ทหารที่ได้ยินเสียงหวานใสของเจินเหยา เขาก็เอ่ยตอบตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบขอตัวออกไป
เมื่ออยู่ด้านนอกเขายังลูบหน้าอกที่เต้นสะท้านเพื่อให้มันเต้นเบาลง จนสหายที่อยู่หน้ากระโจมอดถามไม่ได้ว่า “ด้านในเกิดอันใดขึ้น”
“ไม่มีอันใด” เขาจะกล้าพูดออกมาได้อย่างไร คนที่อยู่ด้านในเป็นถึงสตรีของท่านรองแม่ทัพ
ฝูเหิงที่กำลังเข้าร่วมวางแผนการรบก็แทบนั่งไม่ติด เพราะกลัวเจินเหยานางจะตื่นแล้วกลับออกไปโดยไม่ลาเขา
“อาเหิง เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร” ตงหยางเอ่ยถามน้องชาย
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกับท่าน” ฝูเหิงแทบจะไม่ได้ฟังแผนการรบที่พวกเขาได้หารือกันเลย
“ข้ายังไม่ได้พูดอันใด” ตงหยางปรายตามองน้องชายที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
"เช่นนั้นก็ทำตามที่ท่านกุนซือว่าก็แล้วกัน” ตงหยางรีบพูดตัดบท เพราะเขาก็ต้องไปดูคนที่อยู่ด้านในกระโจมเช่นกัน
ฝูเหิงกลับมาถึงกระโจมก็เห็นเจินเหยานางเพิ่งจะวางตะเกียบลง
“อิ่มแล้วหรือ” เขาเดินเข้าไปดูอาหารที่นางกินก็พบว่าแทบจะไม่พร่องลงไปเลยสักนิด
“เหตุใดถึงกินน้อยเช่นนี้” เขาจับตะเกียบขึ้นมาคีบแล้วยื่นไปที่ปากของนาง เหมือนที่เขาชอบทำตอนที่เขาซื้อขนมมาฝากนาง
“ข้ากินไม่ลง ท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่รู้เป็นเช่นไร” เจินเหยานึกถึงอาหารที่ค่ายผู้อพยพ เมื่อเห็นอาหารมากมายตรงหน้านางก็กินไม่ลงเสียแล้ว
“ข้าจะให้เสี่ยวถงไปรับท่านอาจารย์กับอาจารย์หญิงมาพักในค่าย ด้านหลังมีที่พักสำหรับขุนนางอยู่” เขาเอ่ยเพื่อให้นางหายกังวลใจ
เจินเหยาเงยหน้าขึ้นมองเขา ถึงว่านางไม่เห็นขุนนางที่อพยพมาพร้อมกันร่วมถึงคหบดีคนอื่น มีเพียงชาวบ้านเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพกับตระกูลของนาง
"ไม่ต้อง ข้าจะพาท่านพ่อท่านแม่ลี้ภัยไปเมืองอื่น” นางเอ่ยขึ้นมาอย่างมีโทสะ
เพียงแค่นางเดินเข้ามาในเขตนอกเมืองเขาก็คงรู้เรื่องนี้แล้ว ถึงได้จัดให้ครอบครัวของนางไปอยู่ที่บ้านดิน
“เพราะอันใด” ฝูเหิงเอ่ยถามอย่างสงสัย เขาอุตส่าห์หวังดีให้ครอบครัวนางเข้ามาพักในค่าย แต่นางกับบอกจะลี้ภัยไปที่เมืองอื่น
“ไม่รบกวนท่านรองแม่ทัพเจ้าค่ะ ข้าขอตัว” เจินเหยาปรายตามองเขาอย่างเย็นชา
“ดี เช่นนั้นก็พาตระกูลของเจ้าไปตายดาบหน้าเสีย” ฝูเหิงตวาดออกมาเสียงดัง
เจินเหยาลุกขึ้นแล้วเดินออกมาทันที นางถามทหารถึงที่อยู่ของพี่ชายก่อนจะเดินไปที่กระโจมของตงหยาง
เสียงทำลายข้าวของภายในกระโจมดังออกมาด้านนอก เจินเหยานางชะงักฝ่าเท้า แล้วเดินไปต่อโดยไม่หันกลับมามอง
“ข้ามาพบพี่ชายของข้า ช่วยเรียกเขาออกมาให้ข้าด้วย” นางบอกทหารที่อยู่หน้ากระโจม
เพราะเจินเหยานางไม่ได้ปิดบังใบหน้า ทหารที่พบเห็นนางได้แต่อ้าปากค้าง จ้องมองอย่างลืมตัว
เจินเหยายืนรอจนนางเริ่มจะทนไม่ไหว เพราะแผลที่เท้าก็ยังไม่ทุเลา เมื่อจะร้องขอให้ทหารหน้ากระโจมไปเรียกให้นางอีกครั้ง ตงหยางก็เดินออกมา
“อาเหยา เจ้ามีเรื่องอันใด”
“ข้ามาตามท่านพี่กลับเจ้าค่ะ”