ในเวลาต่อมาเด็กสาวนั่งรถแท็กซี่กลับมาที่บ้าน เธอลากสังขารพัง ๆ ของตัวเองเข้ามาในบ้านด้วยสภาพร่างกายอ่อนล้าเต็มทน ดวงตากลมบวมปูดเพราะร้องไห้หนักติดกันมาหลายชั่วโมง
เด็กสาวเดินเข้ามาในบ้าน โชคดีที่พ่อกับแม่ยังไม่กลับจากทำงานและพี่ชายของเธอก็ยังไม่กลับมาจากมหา‘ลัย เด็กสาวจึงไม่ต้องตอบคำถามกับคนในครอบครัวว่าทำไมเธอถึงได้กลับบ้านมาในสภาพสะบักสะบอมเพียงนี้
พรึ่บ
เด็กสาววางกระเป๋านักเรียนอย่างสะเปะสะปะ ก่อนทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนอนในสภาพร่างกายหมดแรง ปล่อยน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลออกมาราวกับทำนบแตก ประจานความอ่อนแอและน่าสมเพชของเธอออกมา
”ฮึก“ ความเสียใจ ความผิดหวัง ถาโถมเข้ามาโดยที่เด็กสาวยังไม่ทันได้ตั้งรับ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจู่ ๆ จะโดนบอกเลิกอย่างกะทันหันแบบนี้ เขาไม่ให้โอกาสเธอได้เตรียมใจหรือส่งสัญญาณให้เตรียมพร้อมรับมือกับความเจ็บปวดด้วยซ้ำ
ในตอนที่เขาชอบ เขาก็รุกเธออย่างหนัก ในตอนที่เขาหมดรักเขาก็บอกเลิกเธอดื้อ ๆ
แม้กระทั่งตอนนี้เด็กสาวยังมึนงงกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนคิดว่ามันคือความฝัน หากแต่ความเป็นจริงมันกลับไม่ใช่อย่างนั้น ความเป็นจริงก็คือเธอเพิ่งถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกมาและยังโดนเขาไล่ออกมาจากคอนโดของเขาด้วย
“ทำไมกัน ทำไมพี่ถึงทำกับหนูแบบนี้” เต็มไปด้วยคำถามมากมาย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำกับเธอได้ลงคอกัน ไม่นึกสงสารกันบ้างสักนิดเลยเหรอ
ไม่คิดใจดีกับคนที่ตัวเองเคยบอกว่ารักมากสักนิดเลยหรือไง
ไม่สิ เขาไม่ได้รักเธอ เขาไม่เคยรักเธอเลยด้วยซ้ำ เขาเพียงอยากได้เธอเท่านั้น สมใจแล้ว เบื่อแล้วก็เลยเขี่ยทิ้ง สำหรับเขามันไม่มีอะไรจริง ทุกอย่างมันก็แค่เรื่องหลอกลวงแค่ภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้เธอตกหลุมพราง
เด็กสาวคร่ำครวญออกมาด้วยความเสียใจ เมื่อนี่เป็นความรักครั้งแรก เขาเป็นแฟนคนแรก เป็นครั้งแรกของเธอ ความเสียใจนี้เด็กสาวไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้เลยว่ามันมากมายขนาดไหน เสียงร้องไห้ของเธอสะท้านไปถึงขั้วหัวใจแต่มันน่าเสียดายที่ไม่สามารถทำให้ผู้ชายใจร้ายคนนั้นรู้สึกสะทกสะท้านได้เลย
ถ้าให้ย้อนความสัมพันธ์ของเด็กสาวกับผู้ชายคนนั้นว่ามันเริ่มได้ยังไง เริ่มตั้งแต่ตอนไหนก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อแปดเดือนก่อน
วันนั้นเป็นวันเกิดของพี่ชายเธอ ซึ่งพี่ชายของเด็กสาวได้นัดเพื่อนมาปาร์ตี้วันเกิดเล็ก ๆ ที่บ้านด้วยกัน และวันนั้นก็เป็นวันแรกที่เด็กสาวได้เจอกับชายหนุ่มผู้มีนามว่า
คารอส หรือ ครอส หนุ่มนักศึกษาปีสี่ วัยยี่สิบสองปี ลูกครึ่งไทย-เมกา แวบแรกที่เด็กสาวเห็นชายหนุ่ม เธอก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ นัยน์ตาฟ้าครามคู่นั้นทำให้เธอหลงใหลมันได้อย่างง่ายดาย ราวกับมีคลื่นแม่เหล็กอันใหญ่ดึงดูดเขาและเธอให้จ้องมองกันไม่ละสายตายังไงอย่างนั้น
นับเป็นครั้งแรกที่หัวใจของจีน่า เด็กสาววัยสิบแปดปีเต้นแรงให้กับเพศตรงข้าม หนำซ้ำชายคนนั้นยังเป็นเพื่อนสนิทพี่ชายของเธออีก
วันนั้นระหว่างเราได้คุยกันแค่หนึ่งถึงสองประโยคเพียงเท่านั้น แต่มีจังหวะหนึ่งที่จีน่าเดินเข้ามาหยิบของให้พี่ชายในบ้านและชายหนุ่มที่ได้อ้างว่าจะมาเข้าห้องน้ำเดินตามหลังเธอมาติด ๆ
“พี่ขอไลน์เราหน่อยดิ ได้ไหม”
“คะ ค่ะ ได้ค่ะ” จีน่าตอบเสียงตะกุกตะกักยิ่งอยู่ใกล้เขา เธอก็ยิ่งรับรู้ถึงหัวใจของเธอที่เต้นระส่ำบ้าคลั่ง ใบหน้าขึ้นสีแดงด้วยความเขินอายขึ้นมา
หลังจากวันนั้นเธอกับเขา เราก็คุยกันผ่านไลน์มาตลอด มีนัดทานข้าว ดูหนังกันบ้างบางครั้ง จนกระทั่งผ่านไปสามเดือน เขาถึงได้เอ่ยปากขอเธอเป็นแฟน เด็กสาวที่ตอนนั้นรู้สึกว่าชอบเขามากจึงตอบตกลงคบกับเขาแต่โดยดี ความสัมพันธ์ของจีน่ากับคารอสมีไม่กี่คนนักที่รู้ว่าทั้งสองคนคบกัน คนที่รู้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิททั้งนั้น คารอสไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเราอย่างจริงจังโดยอ้างว่าไม่อยากให้คนภายนอกมองเธอไม่ดี ซึ่งจีน่าก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร สำหรับเธอแค่คนสนิทรับรู้ก็เพียงพอแล้ว
ความรักเริ่มแรกของจีน่ากับคารอสมันดีมากราวกับดอกไม้แรกแย้ม แม้แต่น้ำต้มผักก็ยังบอกว่าหวาน ตัวติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋ เป็นคู่รักหวานชื่นดูน่าอิจฉาที่สุด และที่ผ่านมาตัวของคารอสเองก็แสดงออกชัดเจนว่าชอบเธอมาก ขาดเธอไม่ได้ ทั้งที่เขาแสดงออกชัดเจนแต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เขาถึงได้ทิ้งเธออย่างไม่ไยดีแบบนี้
เธออยากรู้ว่าเธอทำผิดตรงไหน เธอทำผิดอะไร
เธอเป็นแฟนที่ไม่ดี เป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องสำหรับเขาใช่ไหม วันนี้เขาถึงได้เฉดหัวทิ้งกันอย่างเยือกเย็น…