ความจริงที่ซ่อนอยู่

1270 คำ
“เรามาเต้นรำกัน ท่ามกลางแสงจันทร์” เขาเงยหน้ามองพระจันทร์ดวงโตบนฟากฟ้าเบื้องบนด้วยสายตาหวานล้ำลึกราวกับกำลังอิ่มสุขอย่างล้นเหลือ “และดาวพวกนี้” เธอจ้องหน้าเขานิ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่กำลังเปล่งแสงนวลสวยงดงามไปทั้งฟ้า “ค่ะ เรามาเต้นรำกัน” เคล้าคลอกอดกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง...ด้วยโศกนาฎกรรมแห่งความรักลวงและการโกหกที่แสนเลือดเย็น อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้... เสี้ยวหนึ่งของความคิดผุดแทรกขึ้นมาในห้วงแห่งปรารถนาลึกเร้น ขณะกำลังโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของหญิงสาวที่เขาเกลียดชังไว้ในอ้อมอกราวกับเป็นร่างเดียวกัน พาเธอเต้นรำเคล้าคลอไปตามจังหวะของหัวใจที่เต้นอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางแสงจันทร์นวลผ่องกระจ่างสวย และสายลมเย็นฉ่ำจากท้องทะเลที่กำลังกราดเกรี้ยว โดยมีดวงตาเกือบร้อยคู่ที่แหงนมองขึ้นมาด้วยความสนใจและอิจฉาในความรักของทั้งคู่เป็นประจักษ์พยาน ทำไมอยู่ ๆ เขาถึงคิดอะไรงี่เง่าแบบนี้นะ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากเสียของเล่นไป ของเล่นราคาถูกที่คว้ามาจากตลาดสด ของเล่นส่วนตัวที่ทำให้เขาสนุกทุกครั้งที่ได้เล่น ของเล่นที่เขายังไม่รู้สึกเบื่อ ก็เลยนึกลังเลขึ้นมาอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง เขาไม่ควรหวั่นไหวกับการตัดสินใจของตัวเองแม้สักเสี้ยววินาทีเดียว “คืนนี้...” จะเป็นคืนสุดท้ายที่ได้อิงแอบแนบชิดในฐานะคู่รัก และจะเป็นคืนแรกของการเป็นศัตรูที่แสนเกลียดชังกันตลอดชาติ “ทุกคนจะเป็นพยานให้เราสองคน” ใบหน้าสวยซ่อนเศร้าผละออกจากอกกว้างของเขาแล้วแหงนเงยมองคนร่างสูง เจ้าของอ้อมกอดที่เคยอบอุ่นและปลอดภัยสำหรับเธอ แต่บัดนี้ กลับกลายเป็นที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย “ค่ะ ทุกคนจะเป็นพยาน ว่าเราสองคนนั้น...” “รักกันมากแค่ไหน” “เราควรลงไปหาเพื่อน ๆ ที่งานปาร์ตี้ซะที” เธอบอกพลางขยับถอยห่างจากเขาหนึ่งก้าว แต่เขากลับคว้ามือเธอไว้แล้วดึงร่างเธอเข้าไปกอดแนบอีกคราว หัวใจเต้นหนักจนได้ยินชัดหู เขาคงกำลังเลือดสูบฉีดแทบคลั่ง อะดรีนาลีนหลั่งไปทั่วทั้งร่าง เมื่อเวลาแห่งชัยชนะใกล้เข้ามา “บัว...” เขากระซิบใกล้หู ด้วยน้ำเสียงสับสน ราวกับกังวลและตื่นตระหนก “ผม...” “อะไรคะ” เขาไม่จำเป็นต้องตะล่อมเธอด้วยคำพูดหวานหูหรือชักแม่น้ำทั้งห้าในเธอหลงเชื่ออีกแล้ว เพราะเวลานี้เธอกลายเป็นเหยื่อโดยสมบูรณ์แบบแล้ว เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเหมือนคนคิดหนัก สายตาเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่เธอไม่อาจหยั่งถึง เขาคิดอะไรอยู่ หรือกำลังวางแผนทำอะไรอีก “ผมหล่อรึยัง” เขากำลังแสดงให้รู้ว่าเขานั้นแสนจะตื่นเต้นกับการออกไปปรากฏตัวต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคนพร้อมกับว่าที่เจ้าสาวคนนี้...อย่างนั้นหรือ...ไม่เลย...อยู่ๆเขาก็พูดไม่ออกขึ้น เหมือนคนไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย “ผม...” “เฮ๊ยเมฆ!” เสียงของราเมศดังขึ้นอีกครั้ง ปลุกเขาให้หลุดจากภวังค์อันปั่นป่วน หมอนั่นกลับขึ้นมาเพื่อจะเตือนสติเพื่อนรักให้รู้ถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ หลังจากที่เพื่อนรักใช้เวลากับเหยื่อนานเกินไปหน่อย “เพื่อน ๆ รออยู่นะ มากันเต็มงานแล้ว พาว่าที่เจ้าสาวของนายลงไปได้แล้ว” สายตาของราเมศพูดกับเขาว่าอย่ามัวแต่ถ่วงเวลาอยู่เลย มันถึงเวลาที่ต้องแสดงฉากสุดท้ายแล้ว ซึ่งเป็นฉากที่ทุกคนรอย เขาไม่ควรทำให้เพื่อนผิดหวัง “ก็กำลังจะลงไปนี่ไง!!” อิศราส่งสายตากร้าวใส่เพื่อน น้ำเสียงเข้มนิดหน่อย เพราะรู้สึกไม่พอใจที่โดนเพื่อนตำหนิทางสายตา หากทุกคนคิดว่าเขายื้อเวลาเพราะเกิดใจอ่อนให้กับเหยื่อขึ้นมาล่ะก็ ทุกคนคิดผิดแล้ว “ไปเถอะบัว” มือแกร่งแต่เย็นเยียบและชุ่มเหงื่อพอชื้นคว้าจับมือนุ่มเธอไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ “ได้เวลาแล้ว” “เอ่อ...” แต่เธอมีบางเรื่องต้องทำก่อน “คุณลงไปก่อนเถอะ บัวขอเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ แล้วจะรีบตามลงไป” เธอปลดมือเขาออกจากมือของเธอด้วยตัวเอง ราวกับปลดพันธนาการออกจากชีวิต “อ้อ โอเค งั้นผมลงไปก่อนนะ” “ค่ะเมฆ” เขาโน้มหน้าเข้าหาเธอ แล้วหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างอ่อนหวาน เธอยิ้มให้เขาก่อนจะเดินห่างออกมา โดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีก เธอกลัวจะเห็นรอยยิ้มเยาะสะใจจากเขา เธอยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้ บัวบูชาตรงไปยังห้องนอนใหญ่บริเวณชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องที่ถูกตระเตรียมเอาไว้สำหรับเป็นห้องหอ อิศเรศแอบถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ละสายตาจากหญิงสาวที่เดินหายเข้าไปในตัวบ้านแล้ว ก่อนจะหันมามองเพื่อนตาเขียวปั๊ด “ทำไมแกทำหน้าแบบนั้น?” “หน้าแบบไหนวะ” “ก็หน้า...” เขาชี้หน้าราเมศตรง ๆ อย่างเอาเรื่อง “หน้าแบบนี้ไง แกคิดว่าฉันอยากถ่วงเวลาอยู่กับยัยนั่นเหรอ ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิดเด็ดขาด มันก็แค่การใช้เวลาช่วงสุดท้ายอย่างสวยงามที่สุด ฉันแค่อยากทำให้ยัยนั่นหลงจนโงหัวไม่ขึ้น พอโดนผลักลงมาจากสวรรค์ จะได้ช็อคจนขาดใจตายไปเลย” “เปล่าซะหน่อย ใครจะกล้าคิดว่านายพยายามถ่วงเวลา นายเป็นคนคิดแผนและวางแผนเองทุกอย่างนะ” แต่สีหน้าของราเมศกลับตรงกันข้าม นั่นเพราะเขาคิดจริง และไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่คิดแบบนี้ ทิวากรเองก็คิดไม่ต่างกัน หมอนั่นจึงยุให้เขาขึ้นมาตามไงล่ะ “ก็เห็นเต้นรำกันอยู่ตั้งนานสองนานแล้ว คิดว่านายลืมอะไรไปรึเปล่า ก็เท่านั้นเอง เพื่อน ๆ เลยให้ฉันมาปลุกนาย” “ลืมอะไรวะ” “ก็ลืมว่าต้องประกาศเรื่องสำคัญกลางงานปาร์ตี้ไง ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาแล้วด้วย” “ฉันไม่ลืมหรอกน่า ที่จัดงานนี้ขึ้นก็เพราะเรื่องนี้ ไม่งั้นจะจัดงานทำห่าอะไร อ้อ ที่ว่าเต้นรำนาน มันนานสักเท่าไหร่กันวะ แค่สิบนาทีสิบห้านาทีเอง ทำเป็นใจร้อนไปได้” “สิบนาทีอะไรวะ นายยืนกอดอยู่กับยัยนั่นเกือบชั่วโมงแล้วนะโว๊ย!!” “เกือบชั่วโมง!” อิศราตกใจหน้าเหวอ และทำหน้าแทบไม่ถูก ทั้งยังพูดตะกุกตะกักอีกต่างหาก เขาล่ะอยากจะตบปากตัวเองสักที “เฮอะ! พอเหอะ ลงไปเปิดแชมเปญ เตรียมฉลองให้ว่าที่เจ้าสาวของฉันดีกว่า คิดแล้วสนุกฉิบ!” แต่ใบหน้าของอิศรากลับดูไม่สนุกเอาซะเลย ราเมศแอบหวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี “ไปสิวะ” “เออ” “เตรียมฉลองเหอะ เพราะเกมใกล้จะโอเวอร์แล้ว” เขาพูดจบก็รีบเดินนำเพื่อนไปลงไปชั้นล่างของบ้านด้วยท่าทางมั่นใจเหมือนเป็นคนเดิม แต่สีหน้าแอบเครียดกังวลโดยไม่รู้ตัว เขาพยายามในทุกย่างก้าวที่จะปลุกตัวเองให้หลุดออกจากภาวะอารมณ์ของผู้แพ้ เพราะเขากำลังจะชนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม