ช่วงบ่ายวันนั้น เธอเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ในย่านตลาดเก่า กลิ่นควันอาหาร กลิ่นดอกไม้แห้ง และเสียงคนค้าขายดังก้องหู เธอหยุดมองข้าวของมากมายที่วางขาย แต่ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวสวยหนึ่งจานด้วยซ้ำ
ท้องของเธอหิวจนบิดเกร็ง ร่างกายที่เพิ่งฟื้นจากการเจ็บตัวทำให้ยิ่งอ่อนล้า เธอพยายามฝืนเดินต่อ แต่สุดท้ายก็ต้องนั่งลงที่ม้านั่งริมฟุตบาท
เด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งวิ่งผ่านหัวเราะคิกคัก พวกเขามีเพื่อน มีครอบครัว มีที่ไป แต่เธอ…ไม่มีอะไรเลย
เมื่อคิดอย่างนั้นดวงตาคู่สวยก็ค่อย ๆ เอ่อคลอด้วยน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
ท้องฟ้ามืดสนิทลงแล้ว แต่เธอยังนั่งที่เดิมเพราะไม่รู้ว่าควรจะเดินไปที่ไหน
“ยี่สิบล้านบาท…แลกกับ...ลูก” เธอพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความลังเลก่อนที่มือบางจะลูบลงบนหน้าท้องที่ยังแบนราบ
มันเป็นเงินมหาศาล เงินที่จะทำให้เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ เงินที่จะทำให้เธอไม่ต้องนั่งกอดเข่าอยู่แบบนี้ แต่เธอจะต้องแลกกับการกลายเป็นเมียอุ้มบุญของชายที่เธอแทบไม่รู้จัก
กระทั่งความมืดเข้าครอบคลุมพื้นที่ ก็มีผู้ชายเร่ร่อนเดินเข้ามาใกล้และมองเธอด้วยท่าทางไม่น่าไว้ใจ หญิงสาวจึงได้รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปยังวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ที่นั่นมีการจัดงานศพทำให้ยังมีผู้คนพลุกพล่าน เธอจึงได้ทำเนียนไปหยิบกระเพาะปลาที่พวกเขาวางไว้สำหรับแขกขึ้นมากินด้วยความหิว จากนั้นก็ไปนั่งอยู่ที่หน้าศาลาถัดไป แม้จะรู้สึกกลัวแต่เธอไม่มีที่ไปแล้วจริง ๆ
กระทั่งผู้คนทยอยเดินทางกลับ ก็มีแม่ชีคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“หนู ประตูวัดจะปิดแล้วนะลูก”
“เอ่อ...หนู...หนูขอนอนแถวนี้ก่อนได้มั้ยคะ หนู...หนูไม่รู้จะไปไหน หนูขอแค่คืนเดียวค่ะ แค่คืนเดียวเท่านั้นให้หนูนอนตรงไหนก็ได้”
บอกแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา แม่ชีมองเธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยเมตตา
“งั้นก็ไปที่กุฏิของแม่ชีก่อนนะ พักสักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยหาทางออกกันอีกที”
เหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เธอยกมือไหว้ท่านซ้ำ ๆ ก่อนจะเดินตามท่านไปอย่างช้า ๆ
อย่างน้อย...คืนนี้เธอก็ไม่ต้องไปนอนข้างถนนแล้ว
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
“เข้ามา” น้ำเสียงเข้มดุเอ่ยออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงประตูถูกผลักเข้ามา
“ขออนุญาตครับท่าน คนของเราแจ้งมาว่า...เอ่อ...”
พันรบ เลขาฯ หนุ่มวัยสามสิบห้ามีท่าทีอึกอัก
“มีอะไรก็พูดมา” บุญญานนท์เอ่ยถามโดยไม่ได้หันไปมอง ตอนนี้เขายืนกอดอกแล้วมองไปยังทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองเชียงใหม่ผ่านกระจกใสตรงหน้า เหมือนกำลังมองหาใครบางคนที่หายไปหนึ่งวันเต็มโดยไม่คิดจะติดต่อกลับมา
“ตอนนี้เธอ...พักที่วัดครับ”
“วัด?” คราวนี้เขาหันกลับมาสบตากับคนสนิท
“ครับ เธอนั่งอยู่ริมฟุตบาทครึ่งวันจนค่ำ พอมีคนเร่ร่อนเดินเข้าไปใกล้ก็เลยทำให้เธอกลัว เลยหนีเข้าไปในวัดครับ คนของเราบอกว่าเธอหาของในงานศพแถวนั้นกิน ก่อนจะเดินร้องไห้ตามแม่ชีท่านหนึ่งไปที่กุฏิ คิดว่าคืนนี้เธอคงจะค้างที่วัดนั้นครับ”
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันกลับไปมองวิวตามเดิม
“ให้คนตามดูแลอยู่ห่าง ๆ อย่าให้มีอันตรายละกัน”
“ท่านครับ”
“มีอะไรอีก”
“คือผม...แค่สงสัยครับ”
“เรื่อง?”
“ท่านคิดดีแล้วเหรอครับ เธอเป็นใครก็ยังไม่รู้นะครับ”
“ก็เพราะแบบนั้นไง ฉันถึงสนใจ”
“ท่าน...ชอบเธอเหรอครับ”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ฉันก็แค่...ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น”
“แต่...ถ้าคุณหนูจะมาเกิด เค้า...ไม่ควรเกิดขึ้นมาจากความรักเหรอครับ”
“ความรักงั้นเหรอ? มันก็แค่เรื่องหลอกเด็กทั้งนั้นแหละ”
“ท่านครับ”
“ดึกแล้ว นายกลับเถอะ” เขาตัดบท
“แล้วท่านล่ะครับ”
“ฉันจะอยู่เคลียร์งานต่อ”
“แต่วันนี้ไม่เหลือเอกสารให้ท่านเคลียร์แล้วนะครับ ผมว่าท่านกลับไปพักหน่อยดีกว่า ยังไงซะ...เธอคงไม่กลับมาหาท่านภายในคืนนี้หรอกครับ”
“นายพูดเหมือนว่าฉันกำลังรอเธอ”
“ขอโทษครับ ผมแค่...เสนอความคิดเห็นเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะรีบรายงานให้ทราบครับ”
“อืม ไปเถอะ”
พันรบก้าวออกไปจากห้องปล่อยให้เจ้านายของตนยืนมองท้องฟ้าที่มืดสนิทนั้นเพียงลำพัง
รออย่างนั้นหรือ?
ไม่ล่ะ เขาเกลียดการรอคอยที่สุด!
ชายหนุ่มกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานก่อนจะหยิบเอกสารที่เขาเซ็นไปแล้วมานั่งทบทวนอีกครั้งทั้งที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิด
สามวันต่อมา
เสียงระฆังวัดดังกังวานลอยไปตามลมเย็น ๆ ของเมืองเชียงใหม่ กลิ่นใบไม้ชื้นและดินเปียกฟุ้งอยู่ใต้เงาโพธิ์ใหญ่ ขณะเสียงสวดอภิธรรมค่อย ๆ เบาลงเป็นสายตรงจากศาลาการเปรียญ
วัดเล็ก ๆ กลางเมืองที่เธอมาขออาศัยหลับนอนใต้ความเมตตาของแม่ชีทั้งยังอาศัยช่วยพวกแม่ครัวคอยเสิร์ฟอาหารให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงานศพให้พอมีข้าวกินครบสามมื้อจนกระทั่งงานเสร็จสิ้นลงเมื่อช่วงบ่าย
วันนี้เธอจึงต้องไหว้ลาท่านอย่างเกรงใจเพราะไม่อยากรบกวนมากไปกว่านี้ ทั้งที่ความจริงหัวใจเธออยากจะซุกตัวใต้ชายผ้าขาวนั้นตลอดไปแต่ก็ไม่อยากทำตัวเป็นภาระของวัด
แม่ชีส่งยิ้มอ่อนโยนให้เหมือนเดิม
“ถ้าลำบาก กลับมาได้เสมอนะหนู”
มือเหี่ยวย่นวางยาหม่องและขนมปังให้สองชิ้น ใส่ถุงผ้าเก่า ๆ พร้อมคำอวยพรอีกหลายคำ หญิงสาวยกมือไหว้ รู้สึกจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก ความอับจนมักทำให้คนรับอะไรก็ได้ด้วยความซาบซึ้ง ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืนนี้ตัวเองจะไปลงเอยที่ไหน