ตอนที่ 5 โลกที่โหดร้าย

1058 คำ
พอเท้าเปล่าสวมรองเท้าแตะเก่าคู่เดิมก้าวออกมาถึงหน้าวัด เธอก็หันหลังกลับไปมองกำแพงสีขาวของวัดอีกที รู้สึกเหมือนกำลังละทิ้งเกราะกำบังชั่วคราวให้หลุดมือไปทีละน้อย ลมหายใจยาวถูกดึงผ่านอกด้วยความลังเล แต่สุดท้ายเธอก็ข่มความว่างเปล่าในหัว...ความว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่ชื่อจริงของตัวเอง...แล้วหมุนตัวเดินออกสู่ถนนอย่างไร้จุดหมาย หัวมุมถนนสายเล็กมีป้าย ‘รับสมัครพนักงานล้างจาน – รายวัน จ่ายสด’ เขียนด้วยปากกามาร์กเกอร์สีดำบนกระดาษเอสี่ติดกระจกหน้าร้านอาหารตามสั่ง ไฟนีออนในครัวสาดสีขาวจัดจนเห็นละอองน้ำมันลอยอยู่ในอากาศ กลิ่นกระเทียมผัดน้ำปลาแรงจนแสบจมูก เธอยืนลังเลนิดเดียวก่อนจะก้าวเข้าไปด้านในโดยมีสายตาของลูกค้าและพนักงานคนอื่นมองมาอย่างสนใจด้วยใบหน้าที่สะสวยแต่การแต่งกายนั้นดูซ่อมซ่ออย่างบอกไม่ถูก “รับอะไรดีครับ” เสียงผู้ชายวัยกลางคนเอ่ยจากหลังเคาน์เตอร์ ใบหน้าดำแดงเพราะความร้อน เคราเขียว ๆ ขึ้นตามคาง มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “เอ่อ…หนู...ไม่ได้มากินข้าวค่ะ พอดีเห็นป้ายรับสมัครพนักงานล้างจาน หนู…อยากทำงานค่ะ” เขาหรี่ตามอง “มีเอกสารอะไรมาบ้างล่ะเรา เป็นคนต่างด้าวรึเปล่าเนี่ย ไม่อยากมีปัญหากับตำรวจหรอกนะ” ความเงียบก้อนหนึ่งกลิ้งลงมาเกยลำคอ เธอส่ายหน้า “คือ...ไม่มีค่ะ…ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเลย พอดี...หนูความจำเสื่อม ก็เลย...” “ความจำเสื่อม?” ชายคนนั้นหัวเราะหยันในคอ แต่เมื่อมองใบหน้าเก้อ ๆ กับดวงตากลมที่พยายามเก็บความอับอายไว้เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ หากไม่ใช่ว่ากำลังขาดคนก็คงไม่คิดรับปาก “เออ ๆ ก็ได้ ลองทำดู ถ้าไหวก็อยู่ ถ้าไม่ไหวก็ไป ค่าแรงวันละสามร้อย จ่ายตอนเที่ยงคืน ตามมาสิ” “ขะ...ขอบคุณค่ะ” เธอรีบยกมือไหว้ด้วยความดีใจ ก่อนจะก้าวตามเขาไปหลังร้าน อ่างสเตนเลสยาวมีจานชามวางพะเนินอย่างภูเขาเล็ก ๆ น้ำก๊อกผสมน้ำยาล้างจานลวก ๆ สร้างฟองล้น เธอสวมถุงมือยางที่ขาดนิด ๆ น้ำซึมเข้ามาแตะผิวเย็นจัดสลับร้อนจี๋จากกาต้มน้ำเดือด ควันร้อนตีหน้า ตะเกียบ ครก ช้อนส้อม...ทุกอย่างเหนียวคราบน้ำมันเหมือนเคลือบอยู่ด้วยฟิล์มบางที่ไม่ยอมแพ้น้ำยา เธอไม่รู้ว่ามือข้างไหนที่ตัวเองถนัด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปกติตัวเองทำอะไรเป็นบ้าง นอกจากรู้สึกว่าทุกการเคลื่อนไหวผิดทิศไปหมด เธอพยายามถู พยายามล้าง แต่มือสั่นและลื่น อ่างน้ำกระแทกจาน กึก! ใบแรกหลุดมือ เธอรีบคว้า...แต่ช้าไป เสียง ‘เพล้ง!’ ดังแหลมบาดหู เศษกระเบื้องกระจายเต็มพื้น “โว้ย! ระวังหน่อยสิ!” เสียงนายจ้างตะคอกจากปากประตู “ถ้าทำแตกอีกจะคิดใบละสิบบาทละนะ แตกกี่ใบก็หักเงินตามนั้น” “ขอโทษค่ะ…” เธอโค้งตัวเก็บเศษจาน แอบสะดุ้งเมื่อปลายนิ้วเกี่ยวขอบแหลมของมัน ทำให้เลือดซึมเป็นเส้นแดงขึ้นมาทันที เธอเม้มปาก หยิบผ้าขี้ริ้วใกล้มือมาพันนิ้วลวก ๆ อย่างไม่กลัวว่าแผลจะติดเชื้อแล้วหยิบจานใบใหม่มาล้างต่อ เม็ดเหงื่อผุดซึมจากขมับไหลลงข้างแก้ม ระหว่างที่เวลาคืบคลานผ่านชามกองแล้วกองเล่า นิ้วที่พันผ้าลื่นกว่าเดิม เพล้ง! เพล้ง! จานใบที่สอง...ใบที่สามร่วงลงสู่พื้นอีกครั้ง เสียงของมันทำให้เธอสะดุ้งจนถาดสเตนเลสสั่น แม่ครัวผู้หญิงอีกคนที่กำลังหั่นหมูหันขวับมองแล้วส่ายหน้าอย่างระอาใจ “ล้างจานเป็นมั้ยวะนั่น สงสัยได้แตกทั้งร้านแน่กว่าจะเที่ยงคืน ไล่ออกเลยดีกว่ามั้งเฮีย” คำพูดนั้นเจ็บยิ่งกว่าแผล เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ล้นออกมาจากสองตากลม ก่อนเอียงหน้าให้เหงื่อไหลรวมกับซอกแก้มแทน ได้แต่บอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่าต้องอดทน...อย่างน้อยคืนนี้เธอก็จะมีเงินติดมือ จะได้ไม่ต้องไปขอข้าววัดกินอีก ทว่าความเข้มแข็งที่เพิ่งก่อขึ้นกลับพังลงเมื่อถึงช่วงสามทุ่ม ลูกค้าที่เพิ่งลุกจากโต๊ะฝากกองจานเพิ่มไว้ ราวกับอยากทดสอบความอดทนของคนหนึ่งคน กลิ่นผัดกะเพรายิ่งแรงกว่าเดิม ไอน้ำจากหม้อแกงเดือดจัดจากเตาแรงแบบร้านอาหารกลางคืนพ่นไอร้อนเป็นคลื่น ๆ เธอเริ่มวิงเวียนแต่ฝืนล้างต่อ ต้องอดทน…ต้องได้ค่าจ้างคืนนี้… “หนู” เสียงทุ้มต่ำดังใกล้หูเกินไปทำให้เธอสะดุ้ง น้องชายของนายจ้างที่เธอเห็นเขายืนมองอยู่นานเข้ามายืนซ้อนหลัง แผ่นอกหนาแนบชิดจนเธอถอยชนอ่างขณะที่ลมหายใจเขากระทบต้นคอจนขนลุกเกรียว “งานแบบนี้ ไม่ใช่ใครก็ทำได้นะ ล้างช้าแบบนี้ไม่พอใช้หนี้จานที่ทำแตกหรอก” คำว่าหนี้ทำให้เธอหันมามองด้วยสายตาตกใจ แต่ยังไม่ทันจะอธิบาย มือหยาบของเขาก็เลื้อยมาแตะเอว “เดี๋ยวพี่สอนให้ ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้เงิน” “มะ...ไม่เป็นค่ะ…หนูทำเองได้” ร่างเล็กยืนแข็งเป็นหินครู่หนึ่ง เธอเบี่ยงตัวจะหลบแต่กลับถูกมืออีกข้างจับต้นแขนไว้แน่น “อย่าดื้อสิ” น้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงเจตนาร้ายอย่างเห็นได้ชัด “ความจำเสื่อมไม่ใช่เหรอ ไม่มีเอกสาร ไม่มีที่ไป จะเรื่องมากไปทำไม ให้พี่ช่วยดีกว่าจะได้...เสร็จ...ไว ๆ” นิ้วมือหยาบกร้านกดเอวเธอแรงขึ้น กลิ่นเหล้าจาง ๆ ปะปนกลิ่นเหงื่อโชยมาเตะจมูก หัวใจเธอเต้นโครมคราม ความกลัวชัดเจนขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก และเมื่อความอดทนพังทลายลงจนสิ้นเธอก็รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดผลักไหล่เขาจนสุดมือ ชายคนนั้นเสียหลักเซก่อนล้มกระแทกถาดสเตนเลสดังโครม! จานชามที่กองอยู่ไหลพรั่งพรูตามแรง เสียงแตกตามมาเป็นชุด เพล้ง ๆ ๆ “เฮ้ย! ทำอะไรของแกเนี่ยจานแตกหมดแล้ว!” เจ้าของร้านรีบเข้ามาดูด้วยความไม่พอใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม