อารัมภบท
เสียงดนตรีดังกระหึ่มทั่วทั้งผับหรูใจกลางเมือง แสงสีแดงสาดวูบวาบไปมาชวนให้เวียนหัว บรรยากาศที่คุ้นเคยยังคงเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา รสชาติเหล้าในผับที่ห่างหายไปนาน บัดนี้กำลังออกฤทธิ์ไปทั่วร่างบางที่เต้นโยกย้ายไปกับเสียงเพลง ในขณะที่ตัวเซแทบยั้งไม่อยู่
“มิลิน แกเมามากแล้วนะ”
หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงผืนสั้นดันตัวขึ้นไปช่วยประคองเพื่อนด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย มือข้างซ้ายก็กระชากแก้วออกจากมือเล็กที่กระดกเหล้าเข้าปากเป็นพัก ๆ
“กินก็เมาสิเกล นี่เหล้านะ ไม่ใช่น้ำเปล่า หึ ๆ”
เจ้าของร่างบางในชุดเดรสสีดำประดับเพชรแวววาวหันมายิ้มร่าให้เพื่อนรัก ก่อนจะแย่งแก้วเหล้ากลับไปถือตามเดิม
“เต็มที่เลยนะทุกคน! ไม่เมาไม่กลับ”
แก้วสีใสบรรจุเหล้าอยู่ครึ่งค่อนถูกชูขึ้นสูง พร้อมกับตะโกนบอกกลุ่มเพื่อนนับยี่สิบคนที่มาด้วยกัน ทุกคนก็ต่างชูแก้วเหล้าตอบเป็นอย่างดี คงมีแค่เพียงเกลที่หน้าเจื่อนอย่างอมทุกข์ เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของมิลิน ถึงได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมิลินแอบหนีเที่ยวแบบนี้
“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วนะ ฉันว่าเรากลับกันเถอะ”
“อะไรของแกเนี่ยยัยเกล เพื่อนกำลังสนุก แกจะรีบกลับไปไหนฮะ”
จินนี่ที่เต้นโยกย้ายอยู่ข้างมิลินหันมาโวยเพื่อน คนอื่น ๆ ก็เริ่มสมทบและเห็นด้วยทันที
“นั่นสิ! แกจะรีบคะยั้นคะยอให้กลับทำไม กว่ายัยมิลินมันจะหนีบอดี้การ์ดมันมาได้ โอกาสทองแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ หรอกนะ”
“ก็เพราะหนีมาไง ฉันถึงได้กลัวว่าเขาจะตามมา”
เกลบอกถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ในใจ เธอรู้จักมิลินมากกว่าใครเพื่อน และรู้ดีว่าบอดี้การ์ดคนนี้เข้มงวดและโหดมากแค่ไหน หากเขาจับได้ เขาคงไม่ไว้หน้าใครแน่
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันถอดกำไลแขนไว้ที่ห้อง แถมยังนั่งแท็กซี่มา รับรองว่าหมอนั่นไม่มีทางรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่แน่นอน หรือต่อให้รู้... ฉันก็ไม่กลัว ก็แค่บอดี้การ์ดปะ จะมีปัญญาทำอะไรฉันได้”
มิลินแสยะยิ้มพลางยักไหล่ด้วยความชอบใจที่สามารถออกมาเที่ยวเล่นยามวิกาลได้ แม้อยู่ภายใต้การปกครองของราเชนทร์ บอดี้การ์ดหนุ่มที่อายุห่างจากเธอเพียงแค่ 8 ปี แต่กลับถืออำนาจ และอวดดีราวกับเป็นเจ้าชีวิตของเธอ
“แกเลิกทำหน้าแบบนี้สักที ฉันบอกว่าปลอดภัยก็ปลอดภัยสิ”
มิลินยกมือขึ้นฉีกมุมปากเพื่อนให้ยกยิ้มอย่างบังคับ ก่อนจะหันกลับไปเต้นโยกย้ายกับจังหวะเพลงที่สนุกสนานต่อ แม้จะได้รับคำตอบที่หนักแน่นจากมิลินแล้ว แต่เกลยังคงไม่วางใจ กี่ครั้งแล้วที่มิลินแอบหลบหนีออกมา สุดท้ายก็ไม่วายโดนจับได้ และเกิดเรื่องตามมาทุกที
ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกครื้น จากที่เต้นกันแค่กลุ่มเพื่อนของตัวเอง ตอนนี้เริ่มมีกลุ่มอื่น ๆ แทรกเข้ามาเต้นปะปนกันไปหมด มีทั้งคนที่คุ้นตาเพราะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และที่ไม่คุ้นหน้าเลย...
“ขอนั่งด้วยได้ไหมครับน้องมิลิน”
เสียงทักทายของชายร่างสูงทำให้มิลินค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นจ้องมองผู้มาใหม่ ที่ตอนนี้ยืนอยู่ในระยะประชิดจนตัวแทบจะติดกันอยู่รอมร่อ
“รู้จักมิลินด้วยเหรอคะ”
เธอขมวดเรียวคิ้วถามอย่างนึกแปลกใจ เพราะถึงแม้เธอจะเริ่มสายตาพร่าเบลอ แต่เธอก็มั่นใจว่าตัวเธอเองไม่รู้จักผู้ชายคนนี้แน่
“รู้สิครับ ใครจะไม่รู้จักคุณหนูมิลินกันล่ะ”
อีกฝ่ายยิ้มร่าพูดอย่างเอาใจ ก่อนจะแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ
“พี่ชื่อทาร์มครับ เป็นหุ้นส่วนของผับนี้”
“อ๋ออ”
มิลินพยักหน้าตอบรับเบา ๆ แล้วเบนหน้าหลบ เพื่อแสดงออกว่าไม่ได้อยากพูดคุยหรือทำความรู้จักอะไรกับอีกฝ่ายเลยสักนิด
“จะรังเกียจไหมครับ ถ้าพี่อยากจะขอชนแก้วหน่อย”
แก้วเหล้าสีสดใสถูกส่งให้กับมิลิน ในขณะที่มืออีกข้างของชายคนนั้นกำลังถือแก้วเหล้าของตัวเองอยู่ เธอเห็นว่าเหล้าที่อยู่ในมือของตัวเองหมดพอดี จึงยอมรับเหล้าแก้วนั้นขึ้นมาถืออย่างไม่อิดออด
แกร๊ง
เสียงแก้วสีใสดังกระทบกัน ก่อนที่มันจะถูกยกขึ้นไปดื่ม โดยที่มิลินไม่รู้เลยว่าชายตรงหน้ากำลังเผยดวงตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอถูกกับดักของอีกฝ่ายเข้าเสียแล้ว...
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ทันทีที่วางแก้วเหล้าลงโต๊ะ มิลินก็ขอตัวแยกออกมาจากอีกฝ่ายทันที นั่นเป็นเพราะเธอไม่ต้องการที่จะสานต่อหรือพูดคุยอะไรกับชายคนนี้อีก แต่พอเริ่มที่จะลุกขึ้นยืน เธอกลับเวียนหัวอย่างรุนแรงจนต้องยกมือขึ้นกุมที่ขมับพร้อมกับหลับตาพริ้ม
“น้องมิลิน ไหวไหมครับ”
อีกฝ่ายแสดงอาการเป็นห่วงเป็นใย รีบลุกขึ้นมาโอบเอวและพยุงตัว แต่กลับถูกมิลินผลักออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้เธอยังพอมีสติอยู่บ้าง
“ไหวค่ะ”
เธอบอกเพียงแค่นั้น แล้วเดินฝ่าผู้คนออกไปยังห้องน้ำทันที โดยหารู้ไม่ว่าชายคนนี้กำลังกระตุกยิ้มร้าย และแอบเดินตามหลังเธอมาติด ๆ
“เมาขนาดนี้จะกลับยังไงเนี่ย”
มิลินสบถกับตัวเองอย่างกล่าวโทษ ที่ปล่อยให้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ครอบงำมากขนาดนี้ ในขณะที่เดินโซซัดโซเซมาตามทาง จู่ ๆ เธอก็ล้มฟุบลงไปที่ทางเข้าห้องน้ำราวกับคนที่หมดซึ่งเรี่ยวแรงอย่างกะทันหัน ความร้อนวูบวาบสาดขึ้นทั่วใบหน้า และลุกลามไปจนทั่วทั้งตัวอย่างรวดเร็ว
“ให้พี่ช่วยนะ”
เสียงของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลัง ก่อนที่เธอจะถูกพยุงให้ลุกขึ้นอีกครั้ง พอหันกลับไปมอง มิลินถึงได้รู้ว่าเป็นชายคนเดิมที่ขอชนแก้วกับเธอเมื่อครู่ นี่เขาตามเธอมางั้นเหรอ มีเจตนาอะไรกัน!
“ยะ อย่ามาจับ”
มิลินเริ่มรับรู้ได้ถึงอันตราย แต่คราวนี้เธอไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว แค่จะผลักอกของอีกฝ่ายให้ขยับออกห่าง เธอยังทำมันไม่ได้
“อย่าเล่นตัวสิคะ หนูก็อยาก พี่ก็อยาก แล้วจะทำให้มันยากทำไม”
ปฏิเสธไม่ลงเลยว่าตอนนี้มิลินมีความอยากกระหายในเรื่องอย่างว่าจริง ๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่อยากตอบสนองมันให้กับใครก็ได้ โดยเฉพาะชายแปลกหน้าที่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจคนนี้
“ปล่อยนะ”
เสียงแหบพร่าที่แทบจะเหลือเพียงลมร้องขัดขืน ในขณะที่กำลังถูกกระชากเข้าไปภายในห้องน้ำหญิงที่ปราศจากผู้คน
“กว่าจะหาจังหวะเหมาะ ๆ แบบนี้ได้ ปล่อยก็โง่แล้ว”
ชายร่างใหญ่กลั้วขำ แต่ยังไม่ทันได้หุบยิ้มเขาก็ถูกกระชากคอเสื้อจากทางด้านหลัง และได้รับแรงกระแทกหนัก ๆ เข้าหน้าจนทรุดลงไปกองกับพื้น เช่นเดียวกับมิลินที่ล้มลงไปด้วย
“เฮ้ย!...”
เพียงแค่อ้าปากเตรียมจะพูด เขาก็ต้องกลืนก้อนคำพูดทั้งหมดลงคอ สายตาโรจน์ความโกรธอ่อนลงกะทันหันเมื่อจ้องมองกระบอกปืนสีดำเงาวับที่จ่ออยู่ตรงหน้าในระยะประชิด
“จะ ใจเย็น”
เสียงที่เริ่มติดขัดบ่งบอกได้ถึงสถานการณ์อันยากลำบากที่เขากำลังเผชิญ เขาค่อย ๆ ชูมือทั้งสองข้างขึ้นในระดับหัวเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาไม่มีอาวุธ และไม่คิดจะสู้กลับอย่างแน่นอน
“ไปซะ ก่อนที่กูจะอดฆ่ามึงไม่ได้”
เสียงกดต่ำที่คุ้นเคยแต่กลับทรงพลังส่งผลให้มิลินเริ่มมีสติ เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองบุคคลผู้มาใหม่ที่เข้ามาช่วยชีวิต และโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อพบว่าเขาคือราเชนทร์ บอดี้การ์ดประจำตัวที่ยังอยู่ในชุดสูทอย่างเต็มยศ ใบหน้าเคล้าความโกรธจนกัดฟันกรามแน่นชี้ชะตาว่าเธอจะปลอดภัยจากชายปริศนาที่เข้ามาล่วงล้ำ แต่เธอจะไม่ปลอดภัยจากบอดี้การ์ดที่บ้าดีเดือดคนนี้แน่
“ราเชนทร์ นายมาได้ยังไง”
เสียงเอ่ยถามที่แผ่วเบาไม่ได้รับคำตอบ หนำซ้ำเขายังไม่ยอมช่วยเหลือ ปล่อยให้มิลินตะเกียกตะกายขึ้นมาเองหลังจากที่ผู้ชายอันตรายคนนั้นวิ่งหนีตายหายกลับเข้าไปหลังผับแล้ว
“รู้ไหมว่าถ้าผมมาช้ากว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น”
คนคิ้วเข้มหน้าขมวดเอ่ยถามเสียงเยียบเย็น ก่อนจะชักปืนกลับเข้าไปเหน็บที่เอวตามเดิม
“อย่าบ่นมากได้ไหม พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“ทำไมล่ะ ไหน ๆ ก็หนีออกมาได้แล้ว กลับไปดื่มต่อให้เมาน็อกคาโต๊ะไปเลยสิ เดี๋ยวผมแบกกลับเอง”
เขาไม่เพียงแต่เอ่ยประชดประชัน แต่ยังกระชากข้อมือเล็กของมิลินให้เดินตามเพื่อกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่ทว่าตอนนี้เรี่ยวแรงของมิลินหลงเหลืออยู่น้อยนิด ส่งผลให้เธอล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง
“เหอะ! แค่นี้ก็เมาจนลุกไม่ไหวแล้วเหรอ”
อีกฝ่ายยังไม่วายเหน็บแนมต่อ พร้อมทั้งพยายามจะพยุงมิลินให้ลุกขึ้น แต่คนตัวเล็กกลับไม่ยอมลุกง่าย ๆ ซ้ำยังแสดงท่าทางแปลก ๆ และมองเขาด้วยสายตาที่ฉ่ำเยิ้ม
“ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเอาเหล้าให้ฉันกิน”
มิลินเงยหน้าขึ้นบอกด้วยน้ำเสียงแหบพร่าปนกระเส่า ฤทธิ์ของยาที่ผสมในเหล้ากำลังสำแดงออกมาแล้ว
“ชอบมัน? จะด่าว่าผมผิดที่มาขัดจังหวะว่างั้น”
มิลินส่ายหน้าระรัวจนผมเผ้ากระจาย จริง ๆ แล้วอยากลุกขึ้นมาต่อปากต่อคำอย่างที่ทำอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมทำให้เธอต้องเก็บแรงเอาไว้พูดเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น
“ฉันกินแล้วแปลก ๆ มันน่าจะใส่ยา”
“...”
คนร่างสูงที่กำลังกอดอกด้วยความกริ้วโกรธนิ่งชะงักงันไป เขาเริ่มสังเกตอาการของคนตรงหน้า และให้คำตอบกับตัวเองได้ทันทีว่าสิ่งที่มิลินคาดเดานั้นอาจจะเป็นความจริง เธอโดนวางยาปลุกเซ็กส์!