ถ้าไม่กล้า จะเรียกคนอื่นมาทำให้

1307 คำ
“นายจะพาฉันไปไหน” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามในขณะที่เธอกำลังใช้ผ้าเย็นพรมเช็ดตามใบหน้าและลำคอเพื่อบรรเทาอาการร้อนรุ่ม “ไปหาหมอ” ผมตอบกลับเสียงเรียบ สายตาเพ่งมองไปยังท้องถนนโล่ง ๆ ที่ไร้รถวิ่งสวน เพราะตอนนี้เวลาย่างเข้าตีหนึ่งแล้ว “ฮะ! ไม่ได้นะ” เธอร้องเสียงหลง ก่อนจะพุ่งเข้ามาแย่งพวงมาลัยจากผมจนรถแทบเสียหลัก โชคดีที่ไม่มีรถขับสวนมา “คุณหนู! ทำบ้าอะไรเนี่ย” ผมโวยวายด้วยความฉุนเฉียว ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ยอมคลายมือจากพวงมาลัย จนผมต้องยอมหักพวงมาลัยและจอดรถอยู่ข้างทาง “อยากตายหรือไง!” สิ้นความอดทน ผมก็ตะโกนเข้าหน้าผู้หญิงตัวเล็กอย่างเหลืออด ดีแต่สร้างปัญหา ถ้าไม่ติดว่าสวยและฐานะดี ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีอะไรให้น่าพิศวาสเลยจริง ๆ “นายนั่นแหละ! ทำบ้าอะไร ถ้าไปโรงบาลคนก็รู้หมดน่ะสิ” นาทีหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ยังมีกระจิตกระใจมาห่วงเรื่องแบบนี้อยู่อีก “งั้นกลับบ้าน จะให้หมอประจำตัวมาตรวจให้” “แบบนั้นยิ่งไม่ได้ พ่อฉันต้องรู้แน่” “หึ ทีอย่างนี้ล่ะกลัว” ผมพึมพำกับตัวเองเสียงเบา ก่อนจะกลอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย พลันถอยหายใจออกมาแรง ๆ “แล้วจะเอาไง” คนข้างกันยังไม่ให้คำตอบในทันที เธอเอาแต่ก้มหน้าพลางบีบมือตัวเองเอาไว้แน่น คล้ายกำลังระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในกาย เอาจริงเห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร แต่อีกใจก็สมน้ำหน้าที่เธอดื้อรั้น โดนเสียบ้าง ต่อไปจะได้ไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้อีก “เลี้ยวเข้าโรงแรมนี้” นิ้วเรียวชี้ไปยังโรงแรมเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า “แล้วไงต่อ” “บอกให้เลี้ยวก็เลี้ยวเถอะน่า! ฉันเป็นเจ้านาย สั่งอะไรก็ทำซะสิ” คนตัวเล็กตวาดลั่น แววตาที่ฉ่ำปรือเคล้าความไม่พอใจที่ถูกเซ้าซี้ แต่ในเมื่อผมไม่มีสิทธิ์ที่จะขัดคำสั่ง ผมก็ทำได้เพียงก้มหน้าและยอมทำตามที่เธอพูด อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อไป หลังจากที่เข้ามาในโรงแรมแล้ว คุณหนูก็สั่งให้เปิดห้องเอาไว้สองห้อง โดยห้องหนึ่งให้ผมอยู่ ส่วนอีกห้องเธอจะอยู่คนเดียว แต่ผมไม่ยอม เพราะกลัวเธอจะช็อกหรือเป็นอะไรไป “นายอย่าเรื่องมากได้ไหม! ฉันสั่งให้ออกไปรอที่ห้องนั้นก่อน” “ไม่ไป เกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะช่วยคุณหนูทัน” ผมเถียงกลับทันควัน ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามจะดันผมให้ออกห่างไปจากตัว “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า ฉันก็แค่...” เธอหยุดพูดไปเสียดื้อ ๆ ทั้งที่ยังพูดไม่ทันจบประโยค แต่สายตาวูบไหวของเธอที่แสดงออกมามันฟ้องว่าเธอกำลังจะพูดอะไร “จะช่วยตัวเอง?” “มะ ไม่ใช่!” เธอรีบตอบกลับน้ำเสียงละล่ำละลัก แต่คิดว่าจะปิดบังคนอย่างผมได้งั้นเหรอ? ไม่มีทางหรอก “หึ ก็ได้ งั้นมีอะไรให้ช่วยก็โทรมาแล้วกัน” ผมยอมเดินออกจากห้องที่เธออยู่แล้วมานอนรอที่ห้องข้างกัน ระหว่างนี้ก็คอยสังเกตว่าห้องข้าง ๆ มีเสียงผิดปกติอะไรหรือเปล่า แต่ผ่านมาเกือบสิบนาทีแล้ว ผมยังไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น แม้จะแนบหน้าใส่ผนังก็ยังคงไม่มีเสียงอะไร พอโทรเข้าไปเธอก็ไม่ยอมรับสาย จนในที่สุดผมต้องลุกขึ้นไปเคาะห้องเพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอยังปลอดภัยอยู่ ก๊อก ก๊อก “คุณหนู” ผมเคาะประตูห้องแล้วร้องเรียก แต่คนด้านในกลับไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งสิ้น ผมจึงถือวิสาสะไขกุญแจแล้วผลักประตูเข้าไป ถึงได้เห็นว่าตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงในลักษณะคลุมผ้าห่มสีขาวขึ้นมาถึงอก ใบหน้าของเธอไม่ได้ต่างไปจากก่อนหน้านี้เลยสักนิด ซ้ำแววตายังฉ่ำเยิ้มมากกว่าเดิม “ผมโทรหาทำไมไม่รับ” อีกฝ่ายไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา ผมเองก็วางตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าใต้ผ้าห่มนั้นเธอกำลังเปลื้องผ้าอยู่หรือเปล่า แต่เธอใส่กระโปรงนี่ อาจจะแค่ถลกมันขึ้นแล้วก็... คิดอะไรของมึงไอ้เชนทร์! ลามปามฉิบหาย เขาเป็นเจ้านายมึงนะ “โทรครั้งต่อไปก็รับสายหน่อยแล้วกัน” ผมตัดบทแล้วเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง ทว่าเสียงเรียกหอบกระเส่าของเธอก็ทำให้ผมชะงักฝีเท้าได้ในทันที “ช่วยหน่อย...” หือ? เธอคงไม่ได้หมายถึงให้ผมช่วยเรื่องอย่างว่านะ “มีอะไรให้ผมช่วยเหรอ” ผมตีสีหน้าเป็นปกติ แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ สีหน้าเงียบขรึมอย่างที่ชอบทำ “ช่วยทำให้ฉัน... หายจากความรู้สึกนี้” “ก็บอกให้ไปหาหมอ” เธอส่ายหน้าระรัวพลันขบริมฝีปากล่างแน่น แววตาหยิ่งทะนงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด หลงเหลือเพียงสายตาฉ่ำปรือที่กำลังวอนขอต่อความต้องการที่ท่วมเป็นไฟเผากาย “ถ้าต้องอายคนทั้งโรงพยาบาล ฉันยอมอายแค่นายคนเดียวดีกว่า” หึ ผมอยากยกโทรศัพท์ขึ้นมาอัดคลิปสภาพคุณหนูมิลินผู้เย่อหยิ่งจริง ๆ จากแม่เสือสาวที่เอาแต่แผลงฤทธิ์ไม่เว้นวัน ตอนนี้เธอกำลังอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากผม เป็นแมวน้อยอยากกินขนมแมวเลียยังไงอย่างงั้น “พูดมาเคลียร์ ๆ ว่าอยากได้อะไร” จริง ๆ ก็รู้ถึงเจตนาแล้วแหละ และไม่คิดที่จะทำด้วย แต่แค่อยากแกล้งให้เธออับอายที่สุด เอาคืนที่ชอบข่มเหงผมดีนัก “ช่วย... ทำให้ฉันหายอยาก” “ให้ช่วยยังไง” คนตัวเล็กเม้มปากแน่นยิ่งขึ้น ใบหน้าที่ร้อนผ่าวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์เหล้า หรือเพราะเธอกำลังเขินอยู่กันแน่ “ฉะ ฉันช่วยตัวเองไม่ได้ เล็บมันยาว” เธอพูดพร้อมกับยกมือที่สั่นไหวขึ้นให้ผมดูพลางหลบสายตา และถ้าสังเกต จะเห็นคราบน้ำสีใสข้น ๆ ที่ติดอยู่ปลายเล็บสีชมพูทั้งนิ้วกลางและนิ้วนาง... ถ้าเธอกล้าทิ้งความอับอายลงมากขนาดนี้ คงอยากมากจริง ๆ เพราะขนาดเป็นผมที่เกลียดนักหนา เธอยังร้องขอให้ตอบสนองต่อความอยากกระสันนั้นเลย “แล้ว?” “ยืมนิ้วนายหน่อย” “หึ” ผมกระตุกยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะ พลันยกมือขึ้นมากอดอก อยากจะเห็นผู้หญิงคนนี้ร้องขอความช่วยเหลือจากผมต่อ แต่พอเห็นร่างบางที่สั่นสะท้าน มันก็อดที่จะสงสารไม่ได้ “รออยู่นี่แล้วกัน เดี๋ยวไปซื้อเซ็กส์ทอยให้” ผมเตรียมจะหันหลังให้เธออีกรอบ แต่กลับถูกห้ามเสียงดังขึ้นกว่าเดิม “ไม่ต้อง! ฉันรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว” เธอไม่เปิดโอกาสให้ผมได้หาทางหลบออกมา ซ้ำยังลุกขึ้นนั่งพับเข่าแนบหน้าขาไปกับพื้นแล้วกระชากผ้าห่มออก เผยให้เห็นเรียวขาสวยทั้งสองข้างและหว่างขาที่เปิดอ้า ข้างกันมีกางเกงในสีดำตัวจิ๋วที่ถอดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ไอ้ผมมันก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ต่อให้ยั้งอารมณ์ตัวเองเก่งแค่ไหน มันก็มาตกม้าตายเพราะถูกอ้าขายั่วอยู่ดี “ผมว่า...” “จะทำไม่ทำ! ถ้าไม่กล้า ฉันจะโทรเรียกคนอื่นมาทำ” “...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม