“ไปเปลี่ยนชุด”
เสียงใสเอ่ยบอกอย่างราบเรียบ ทันทีที่เธอเดินมาหยุดอยู่ที่รถในขณะที่ผมกำลังเปิดประตูให้
“ผมเหรอ?”
ผมถามด้วยความงุนงง พร้อมกับก้มมองเสื้อสูทสีดำที่กำลังสวมใส่
“ใช่ ถ้านายจะตามไปเฝ้าฉันที่โต๊ะ ต้องใส่ชุดให้เหมือนคนปกติ ฉันไม่ชอบถูกจับตามอง”
“แต่ว่า...”
“ฉันสั่ง!”
เสียงที่ดังขึ้นอีกระดับทำเอาผมหยุดชะงัก ตั้งแต่กลับมาจากโรงหนัง มิลินก็เปลี่ยนไป ไม่สิ... เธอไม่ได้เปลี่ยน แต่เธอแค่กลับไปเป็นตัวเอง ผมต่างหากที่ยังตั้งรับไม่ทัน
“ครับ”
ผมไม่อยากโต้เถียงให้เหนื่อยใจกันเปล่า ๆ จึงเดินกลับเข้าห้องแล้วถอดเสื้อสูทออก เหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน จากนั้นก็เดินมาที่รถ แต่กลับพบว่ามิลินไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว รถของเธอก็ไม่อยู่เช่นกัน
“ดื้อ!”
คำสั้น ๆ ที่อยู่ภายในใจหลุดออกมาจากปากของผม ตามมาด้วยเสียงพ่นลมออกปาก ก่อนที่ผมจะเดินไปหยิบกุญแจแล้วขับรถอีกคันตามออกไป ขับตามมาได้สักพักก็ทันรถของมิลิน และเหล่าบอดี้การ์ดอีกสองคัน
ครืดดด
ระหว่างที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น พอล้วงมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็ต้องรีบกดรับสาย เพราะเป็นคุณท่านที่โทรเข้ามา
“ครับคุณท่าน”
ผมกดเปิดสปีกเกอร์โฟนเพราะต้องขับรถอยู่
“มิลินไปร้านเหล้าอีกแล้วเหรอ?”
“ครับ”
ผมตอบกลับคนในสาย ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจดังแว่วออกมา ตอนนี้คุณท่านเดินทางไปที่นครศรีธรรมราช ช่วงนี้เขามีธุระต้องติดต่อกับนายหัวพล เกี่ยวกับการล้มล้างอำนาจที่กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
“ยังไงก็ฝากดูแลหน่อยนะ อย่าให้คลาดสายตา พวกมันเริ่มเล็งมาที่เรา มิลินน่าจะเป็นสิ่งแรกที่มันหมายหัว รอบต่อไป ถ้าห้ามได้ก็ห้าม”
“ครับท่าน”
ผมรับคำน้ำเสียงจริงจัง เพียงไม่นานอีกฝ่ายก็ตัดสายไป ช่วงนี้ผมไม่ค่อยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะไม่ได้ประกบตามติดคุณท่านแล้ว มีแค่ไอ้ไททันกับไอ้ซันที่คอยมาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
ขับมาสักพักใหญ่ ๆ พวกเราก็มาถึงผับแห่งหนึ่งที่อยู่นอกตัวเมือง ผมไม่คุ้นตากับแถวนี้สักเท่าไหร่ แอบแปลกใจเหมือนกันที่คุณหนูต้องออกมาเที่ยวไกลถึงที่นี่
“พวกนายรออยู่ข้างนอกนี่แหละ ให้ราเชนทร์เข้าไปคนเดียวพอ”
มิลินในชุดเดรสสีแดงกระโปรงผืนสั้นและโชว์เนินอกอวบอิ่มหันไปบอกบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ก่อนจะเดินนำผมเข้าไปด้านในที่ดูหรูหรา ผู้คนมากหน้าหลายตาแต่งตัวดูดี สมกับเป็นผับของคนมีฐานะ
“มิลิน ทางนี้”
จินนี่กระโดดโบกไม้โบกมือส่งให้เพื่อน ก่อนที่มิลินจะเดินเข้าไปในมุมด้านหน้าสุด ที่เป็นโต๊ะวีไอพี มีเครื่องดื่มมากมายวางเรียงไว้รอ และแก๊งเพื่อนของเธออีกเกือบสิบคน มีที่คุ้นหน้าบ้าง และไม่คุ้นหน้าเลย แถมยังมีผู้ชายด้วย 3-4 คน
“ไกลมากกก”
มิลินดึงกระเป๋าออกจากไหล่พลางทิ้งก้นลงบนโซฟาสีแดง พร้อมกับยกขาขึ้นไขว่ห้างในท่าประจำโดยอัตโนมัติ
“เอาน่า ของเด็ดก็แบบนี้”
จินนี่ว่าพลางพยักพเยิดหน้าส่งไปยังเวทีที่เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อในชุดน้อยชิ้น พร้อมกับกลุ่มคนที่เดินถือเหล้าแนบธนบัตรรอส่งทิปให้
“นี่คือเด็ด?”
“ไม่เด็ดเหรอ? หรือเคยเจอตัวท็อปกว่านี้จ๊ะ”
“จะ จะบ้าเหรอ”
คนถูกแซวรีบเบนหน้าหลบพลันยกเหล้าขึ้นดื่ม
“พี่บอดี้การ์ดสุดหล่อ มานั่งนี่สิ จะยืนเฝ้าหรือไง ปวดขาแย่”
ผมเหลือบมองมิลินเล็กน้อย พอเห็นว่าเธอไม่ว่าอะไรเลยรีบเอ่ยปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ”
“มานั่ง”
ทันทีที่ผมเอ่ยตอบ มิลินก็ออกคำสั่งให้นั่งทันที แม้ท่าทางของเธอไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก แต่ถ้าเธออนุญาต ผมก็จะนั่งข้างเธอ
“สาว ๆ มาเอาใจเพื่อนพี่หน่อยเร็ว”
จินนี่ตบมือแปะ ๆ เรียกกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ในชุดน้อยชิ้นให้ตรงเข้ามาที่โต๊ะ ก่อนที่สามคนในกลุ่มนั้นจะตรงเข้ามาที่ผมพร้อมกับบีบนวดอย่างเอาใจ
“ชื่อแพรววานะคะ นี่เชอรี่ แล้วก็มิมมี่”
“เอ่อ... ครับ”
ใช่ว่าผมไม่เคยถูกเอาใจหรือมีสาวมารุมให้ความสนใจแบบนี้ แต่พอมันเกิดขึ้นต่อหน้ามิลิน ผมกลับรู้สึกเกร็งไปทั่วทั้งตัว
“เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเหรอคะ มี่ไม่คุ้นหน้าเลย”
คนผมสีน้ำตาลเอ่ยถามพลางวางมือลงบนอกแล้วลูบไล้อย่างเอาใจ ทำเอาผมเริ่มอึดอัด และประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ต้องดูแลผมหรอกครับ ผมเป็นแค่บอดี้การ์ดเฉย ๆ”
“มิน่า... หุ้นล่ำเชียว”
กลุ่มสาว ๆ ต่างหัวเราะคิกคักยามจ้องมองดูผมปั้นหน้าไม่ถูก ในขณะที่ผมเอาแต่ลอบมองดูมิลินเป็นระยะ ดูเหมือนว่าเธอกำลังทำหน้าบึ้งตึง โกรธผมไหมนะ
“เลิกงานกี่ทุ่มเหรอ เจอกันข้างนอกได้ไหม”
“อย่าเลยครับ ผมไม่มีเวลา ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง”
“เสียดายจัง อยากลองนั่งปืนบอดี้การ์ด”
คนที่ชื่อเชอร์รี่เกยคางขึ้นบนไหล่ สายตาเย้ายวนกำลังล่อลวงให้ผมติดกับดัก ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมก็อาจจะคว้าโอกาสทองนี้เอาไว้ทันที แต่ตอนนี้... ผมกลับรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ตัวเกร็งไปหมดแล้ว
โชคดีที่นั่งด้วยกันได้ไม่นาน กลุ่มโคโยตี้ก็ต้องขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำการแสดง จึงมีเวลาให้ผมได้พักหายใจหายคอบ้าง
“คุณหนูอย่าดื่มเยอะนะครับ”
ผมแตะที่หลังมือของมิลินอย่างแผ่วเบา เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาดื่มอยู่ลูกเดียว ขนาดมาถึงยังไม่ทันไรก็เริ่มหน้าแดงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แล้ว
“ไม่ต้องยุ่ง!”
เธอตวาดเสียงดัง แต่เป็นจังหวะที่เพลงเร็วกระหึ่มทั่วผับ จึงไม่มีใครให้ความสนใจกับเราทั้งคู่
“ทำไมต้องชอบขึ้นเสียงใส่”
“ทำไม อยากให้พูดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวานเหมือนผู้หญิงเมื่อกี้เหรอ? ฉันทำไม่เป็นหรอก”
ทั้งที่อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว แต่ผมกลับรู้สึกชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก
“หึง?”
“หึงนายเนี่ยนะ เป็นอะไรกันไม่ทราบ”
“นั่นน่ะสิ”
ผมกระตุกยิ้มอย่างยียวน ก่อนจะยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่ม
“มาแล้ว ๆ”
จินนี่เดินกลับเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับผู้ชายร่างล่ำสันในชุดน้อยชิ้น ก่อนจะเดินเบียดผมมากระชากแขนมิลินให้ลุกขึ้นยืน
“นี่แหละหนุ่ม ๆ ซ้อใหญ่ของเรา ดูแลให้เต็มที่นะ”
“...”
ผมทำได้เพียงนิ่งงัน จ้องมองดูกลุ่มโคโยเตอร์ที่โอบเอวมิลินออกไปเต้นที่ด้านหน้าเวที ตัวเองเป็นผู้หญิงแท้ ๆ แต่ปล่อยให้ผู้ชายมาลูบคลำตามตัว เต้นยั่วใส่ คิดอะไรอยู่มิลิน!
“หลับหูหลับตาหน่อยนะพี่เชนทร์ ถือว่าสนุกขำ ๆ รับรองไม่มีอันตราย อ้อ! อาจจะได้โดนแทงอยู่หลายแผล แต่ไม่ตายแน่นอน รับประกัน จินนี่ผ่านมาแล้ว”
จินนี่ที่เมาได้ที่โน้มหน้าเข้ามาพูดกับผมเสียงดังด้วยน้ำเสียงครางยาน ก่อนจะยกมือขึ้นมาป้องปากกระซิบอีกรอบ แต่จะว่ากระซิบก็ไม่ถูกทั้งหมด เพราะเธอพูดเสียงโคตรดัง
“เห็นคนที่เต้นซ้อนอยู่ด้านหลังยัยมิลินไหม นั่นแหละชื่อออร์โต้ เอวนี่อย่างดี คนนี้แหละที่ดีลไว้ให้ยัยมิลิน ยัยนั่นบอกอยากลองวันไนท์ดูสักครั้งในชีวิต ชูววว อย่าไปบอกใครนะ หลับหูหลับตา”
“...”
หลับหูหลับตาเหรอ... แม่ง!
ผมกำหมัดแน่นพร้อมกับข่มตาระงับความโกรธ สายตาจ้องเขม็งไปที่คนตัวเล็กผิวขาวผ่องในชุดเดรสสีแดง ตัดกับผมสีทองสว่างเป็นอย่างดี
คงอยากมากสินะ ได้... เดี๋ยวจะสนองให้!