หลายนาทีต่อมา...
"สวัสดีครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ" ทั้งสองสาวที่เหลืออยู่ในโต๊ะเงยหน้ามองคนมาใหม่ทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มๆ เกือบจะถูกกลบจากเสียงเพลงในผับดังขึ้น
"อะอ้อ...ได้สิคะ นั่งเลยค่ะ" เป็นลูกพีชที่ตอบกลับไปเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย ที่น้ำเสียงของเธอเป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะว่ากลัวคนมาใหม่แต่อย่างใด แต่ที่น้ำเสียงตะกุกตะกักแบบนั้น เป็นเพราะว่าคนมาใหม่เขาหล่อมาก หล่อเหมือนจับต้องไม่ได้อย่างไงอย่างงั้น ผิวขาว รูปร่างสูง หน้าตาจัดว่าหล่อเหลาเอาการ หล่อเหมือนผู้ชายจากแผ่นดินใหญ่มาเลย
สเปกเธอเลย
แต่ดูท่าทางแล้ว สเปกของเธอจะไม่ได้เข้ามาทักทายเพื่อมาเป็นเนื้อคู่ของเธอแล้วสิ เพราะสายตาเป็นประกายนั่นจ้องมองไปที่พราวฟ้าเพื่อนสนิทของเธอท่าเดียวเลย
เอาล่ะ ความสนุกจะเริ่มขึ้นแล้วหรือเปล่านี่
ตุบ!
ลูกพีชเตะขาพราวฟ้าเบาๆ เป็นการสะกิดบอกเพื่อนเพราะเห็นเพื่อนนั่งไม่สนใจอะไรเลย พอเพื่อนมองตนจึงพยักพเยิดหน้าไปทางผู้มาใหม่ พราวฟ้าที่เห็นเพื่อนทำท่าทางแบบนั้นจึงหันไปพยักหน้าทักทายคนมาใหม่ตามมารยาท
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับ...มากันสองคนเหรอครับ"
"สามค่ะ แต่เพื่อนอีกคนเขาออกไปเต้นแล้ว"
"เหรอครับ อยากลองไปเต้นบ้างไหมครับ ผมไปเป็นเพื่อนได้นะ"
"แน่ใจเหรอคะว่าที่เข้ามานั่งตรงนี้เพราะอยากเป็นแค่เพื่อนอะ" ลูกพีชที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาของเพื่อนกับหนุ่มรูปหล่อสีหน้ายิ้มเขินมาสักพัก เอ่ยแซวอีกฝ่ายเล่น ทำให้คนถูกแซวถึงกับยิ้มเขินออกมาที่ดูเหมือนจะถูกจับทางได้แล้ว ก่อนจะหันไปมองสาวสวยอย่างพราวฟ้าอีกครั้ง
สวย...ผู้หญิงที่เขาชวนคุยด้วยสวยมาก เขายอมรับเลยว่าตั้งแต่ที่เดินเข้ามานั่งในโต๊ะกับเพื่อน ชุดสีชมพูของเธอก็เด่นจนแยงตาเขาที่สุด ชุดไม่เท่าไหร่แต่พอได้ลองมองใบหน้าของเจ้าของชุดแล้วกลับตะลึงกว่า เพราะเธอสวยมาก สวยแบบที่ไม่ต้องพยายามสวยเลยละ
สุดท้ายเขาก็ทนนั่งมองเฉยๆ ต่อไปไม่ได้จึงลุกออกจากโต๊ะตีเนียนมาทำความรู้จักกับเธอในที่สุด
"แล้วผมพอจะมีพื้นที่เป็นมากกว่าเพื่อนไหมครับ" ปากถามลูกพีชแต่สายตากลับจับจ้องไปที่ใบหน้าสวยของพราวฟ้าไม่วางตา
"มี แต่เป็นพื้นที่ใต้ตีนกูนะสนใจจะมาอยู่ไหม"
ขวับ!
"มาร์ติน!" สามคนในโต๊ะหันหน้ามองเจ้าของเสียงก่อนหน้านี้พร้อมเพรียงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย แต่มีสองเสียงเท่านั้นที่เอ่ยชื่อของคนมาใหม่ด้วยความตกใจ นั่นก็คือพราวฟ้ากับลูกพีช
มาร์ตินที่ยืนค้ำหัวผู้ชายคนเดียวในโต๊ะของพราวฟ้ายืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงจ้องใบหน้าของพราวฟ้านิ่ง ขณะที่พราวฟ้าเองก็จ้องหน้าของมาร์ตินนิ่งเช่นกัน
“พี่ชายเหรอครับ?” ชายหนุ่มที่นั่งในโต๊ะเดียวกันกับพราวฟ้าเอ่ยถามสีหน้าสงสัย แต่คำถามนั้นของเขาดันทำมาร์ตินที่ได้ยินถึงกับต้องใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มพร้อมทำท่าเหลือกตาอย่างเบื่อหน่ายออกมาก่อนจะกระแทกเสียงตอบอย่างไม่สบอารมณ์กลับไป
“คู่หมั้น!”
"เอ่อ คุณมีคู่หมั้นแล้วเหรอครับ"
ฟึบ!
"เห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายไหมคะ ถ้าไม่เห็นก็แสดงว่าไม่มีค่ะ" พราวฟ้าตอบคชาเสียงเรียบพร้อมกับโชว์หลังนิ้วด้านซ้ายให้หนุ่มตรงหน้าดูด้วย ทำให้มาร์ตินที่ยังยืนอยู่ที่เดิมแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นแวบหนึ่งแล้วหันกลับมาจ้องหน้าพราวฟ้าด้วยสายตาเอาเรื่องอีกครั้งในนาทีต่อมา
"เธออยากตายหรือไง"
หมับ!
"นี่! นายจะพาฉันไปไหนฮะ!"
หมับ!
"ไม่ต้องตามไปหรอกค่ะ" ลูกพีชเห็นคชาทำท่าจะลุกขึ้นเดินตามพราวฟ้ากับมาร์ตินออกไปด้วยรีบเบรกอีกคนไว้ทันที เพราะทางที่ดีอย่าเพิ่งไปแทรกกลางสองคนนั้นเลย เดี๋ยวจะหน้าช้ำกลับมาเปล่าๆ
.
.
.
ตุบ!
อั๊ก!
แผ่นหลังของเธอจะช้ำหรือเปล่านะที่โดนผลักกระแทกเข้ากับผนังแรงขนาดนี้...
พราวฟ้าทำหน้าเหยเกเล็กน้อยหลังจากที่โดนมาร์ตินเหวี่ยงเข้ากับผนังตึกเข้าเต็มๆ ก่อนจะยืนจ้องหน้าเธอนิ่งในเวลาต่อมา มาร์ตินยืนมองใบหน้าสวยของพราวฟ้านิ่งโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา แต่ใครๆ ก็น่าจะดูออกที่เขาไม่พูดก็เพราะว่ากำลังข่มอารมณ์ของตัวเองอยู่
จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้น ถือว่าพราวฟ้ากล้าหาญมากที่ตอบผู้ชายคนนั้นต่อหน้าเขาแบบนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอและเขาจะยังไม่ได้หมั้นหมายกันเป็นกิจจะลักษณะแต่การที่เธอทำแบบนั้นก็ถือว่ากล้าลองดีใช้ได้
"กล้ามากนะที่ตอบหมอนั่นแบบนั้น"
"แล้วทำไมฉันต้องกลัวด้วย ก็ในเมื่อฉันกับนายเรายังไม่ได้หมั้นกัน"
"พูดแบบนี้ หมายความว่ากำลังเร่งให้ฉันเข้าไปหมั้น?" เหอะ เร่งก็บ้าละ เธอจะอยากไปเร่งให้คนหน้าดุตรงหน้าเข้ามาหมั้นทำไม ก็ในเมื่อเธอไม่ได้อยากหมั้นสักหน่อย
"หน้าตาฉันเหมือนอยากหมั้นกับนายมากเหรอ?"
"อวดดี"
"ก็มีดีให้อวดอะ"
"หึ งั้นขอเช็กของหน่อยได้ไหม ว่าดีจริงหรือเปล่า"
พรึบ!
"อื้อออ"
สิ้นเสียงทุ้มว่าอย่างเย้ยหยันจากมาร์ติน มือใหญ่ของเขาก็จับข้อมือเล็กทั้งสองข้างของพราวฟ้าตรึงไว้กับผนังตึกทันที ก่อนจะฉกจูบริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธออย่างรุนแรงในเวลาต่อมา ตะโบมจูบอย่างดุดันและรุนแรงจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดในปากตัวเอง แต่ต่อให้เธอถูกจูบจนปากมันเจ็บแสบไปหมดแค่ไหน คนป่าเถื่อนอย่างเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะผละออกสักนิด
เขายังคงจูบเหมือนเดิมและเหนือกว่าการจูบปากของเธอตอนนี้ ก็คือจู่ๆ มืออีกข้างของเขาก็เริ่มลูบไล้ขาอ่อนของเธอนี่แหละ สัมผัสหยาบคายจากฝ่ามือใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนตัวลูบไล้เข้ามาใต้กระโปรงเดรสของเธออย่างช้าๆ จนมันใกล้เข้ามาถึงจุดอ่อนไหวอย่างส่วนนั้นของเธอ
และทันทีที่มันเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้เท่าไหร่เธอก็ดิ้นขลุกขลักภายใต้พันธนาการบ้าๆ ของมาร์ตินมากขึ้นเท่านั้น
บ้าจริง เขาจะมาทำแบบนี้กับเธอไม่ได้นะ มันน่าเกลียดและใช่เธอขยะแขยงสัมผัสแบบนี้จากเขาที่สุด ทำไมต้องทำบ้าๆ แบบนี้กับเธอด้วย!
"อื้ออออ"
ผลัก!
เพี้ยะ!
เฮือกสุดท้ายที่เธอดิ้นทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากมาร์ตินสำเร็จในที่สุด และทันทีที่หลุดพ้นแล้วเธอก็ไม่ลืมที่จะฟาดฝ่ามือเข้าตรงแก้มของมาร์ตินอย่างเต็มแรงจนหมอนั่นหน้าหัน ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับมุมปากแตกมีเลือดซิบออกมาให้เห็นต่างหน้า
"หึ แรงดีใช้ได้นี่" คนหน้านิ่งตรงหน้าเธอแสยะยิ้มหยันออกมา ขณะที่ใช้นิ้วโป้งเช็ดเลือดตรงมุมปากออกมาดูสีหน้าเรียบไปด้วย
"ฉันจะตบหน้านายให้เลือดกบปากมากกว่านี้อีก ถ้านายยังไม่หยุดทำเรื่องบ้าๆ และน่าขยะแขยงแบบนี้กับฉัน"
"ขยะแขยงเหรอพราวฟ้า กับฉันเธอขยะแขยงแต่ถ้าเป็นไอ้ไคไม่เป็นไรใช่ไหม เธอชอบใช่ไหมถ้าตอนนี้เป็นมันที่จูบเธอ" มาร์ตินเอ่ยถามพราวฟ้าสีหน้าโมโหเดือด กับเขาเธอทำเป็นขยะแขยงแต่พอกับไคโรคืนนั้น เธอกลับยืนนิ่งรอรับริมฝีปากหวยๆ จากหมอนั่น
หึ โคตรสองมาตรฐานชะมัด!
"นายหยุดเอาไคมาวุ่นวายด้วยได้ไหม น่ารำคาญ" พราวฟ้าว่ากลับสีหน้ารำคาญอย่างเบื่อหน่าย เธอเบื่อกับเรื่องนี้มาก เมื่อไหร่คนตรงหน้าเธอจะเลิกเอาเพื่อนอีกคนมายัดเยียดให้เป็นปัญหาด้วย ทั้งๆ ที่เธอเคยบอกไปแล้ว ว่าคืนนั้นเธอก็แค่เมาก็เลยลืมตัวไปหน่อย
"งั้นเธอก็ตอบมาดิ ว่าเธอไม่ได้ชอบมัน" สายตาคมดุจ้องหน้าคนที่ยืนทำหน้าเบื่อหน่ายตรงหน้านิ่ง
"เออ! ฉันไม่ได้ชอบไค พอใจนายยัง" มาร์ตินเงียบไปสักพัก แต่สายตาราบเรียบที่ยังแฝงความดุและความโมโหก่อนหน้านี้ยังจ้องตาสวยๆ ของพราวฟ้าเหมือนเดิมก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่างในเวลาต่อมา
"...ถ้าไม่ได้ชอบมันจริงอย่างที่ปากพูด ก็ใส่นี่ไว้ซะ แล้วก็ห้ามถอดด้วย ถ้าฉันเห็นว่าเธอไม่ใส่ที่ไหน ฉันจะจูบเธอที่นั่น" หลังจากที่ได้รับคำตอบที่พอใจและแอบทำให้หัวใจพองโตเล็กน้อย เขาก็หยิบแหวนที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงซึ่งเป็นแหวนที่เขาได้ไปเลือกซื้อมาวันนี้สวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของพราวฟ้าไว้ พร้อมกับกำชับอย่างหนักแน่นว่าห้ามถอดออกเด็ดขาดถ้าไม่อยากได้รับบทลงโทษจากเขา
ก่อนจะฉุดข้อมือเล็กให้เดินตามออกจากซอกตึกพร้อมกันในเวลาต่อมา โดยที่ไม่ปล่อยช่องว่างให้คนที่เดินตามต้อยๆ ได้ปริปากโวยวายหรือถามใดๆ ออกมาสักคำ
แถมพอออกมาถึงรถยนต์คันหรูของตัวเองก็เปิดประตูยัดคนตัวเล็กเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับทันที ก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับในเวลาต่อมาแล้วขับกลับคอนโดทันที