ฉันตกใจแทบจะตกเก้าอี้ตอนที่หันไปมองด้านหลังตัวเองแล้วพบกับจังหวะที่มาร์ตินดึงเสื้อคลุมที่คลุมหัวไว้ออกพอดี เราสองคนจึงได้สบตากันแบบปิ๊งๆ กันไปเลย
แต่ด้วยความที่เป็นมาร์ตินผู้นิ่งขรึมและดุนิดๆ สายตาที่เขาจ้องฉันมันเลยดูดุไปหน่อย ทำให้ฉันที่นั่งอึ้งอยู่ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียวที่บังเอิญหันไปสบตาคมดุของเขาเข้า
"นั่นใครอะ มาร์ตินเหรอ อ้าวมาร์ตินจริงด้วย หวัดดี" ยัยลูกพีชชะเง้อคอออกจากโต๊ะโบกมือทักทายมาร์ตินอย่างเป็นกันเอง คนถูกทักทายเลยละสายตาจากใบหน้าของฉันหันไปพยักหน้าทักทายกลับเบาๆ ให้ยัยลูกพีช ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาจ้องฉันอีกครั้ง
"ว่าไง จะเปลี่ยนที่นั่งไหม" เหอะ หมอนี้ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่จู่ๆ ก็จะมาไล่ที่ฉันแบบนี้ ทำไมฉันต้องเปลี่ยนที่นั่งด้วย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเถอะ อีกอย่างในห้องเรียนแห่งนี้ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน จะนั่งตรงไหนก็ได้และก็ไม่มีใครที่จะสามารถมาเบ่งอำนาจว่าพ่อแม่ฉันใหญ่แล้วจะทำอะไรกับใครในห้องนี้ก็ได้!
"ทำไมฉันต้องไปด้วย ฉันจะนั่งตรงนี้ อีกอย่างทำไมพวกฉันถึงจะคุยในห้องนี้ไม่ได้ด้วย" ทันทีที่ฉันพูดจบ มุมปากบนใบหน้าหล่อเหลาของมาร์ตินก็ยกยิ้มร้ายกาจแบบเย้ยหยันออกมาก่อนที่เขาจะ...
สึบ!
"อ๊ะ!" ใช่ ตาบ้ามาร์ตินเขาดึงเก้าอี้ของฉันเข้าไปใกล้อย่างแรง ทำให้ร่างกายของฉันเซกระแทกเข้ากับแผงอกของเขาอย่างจัง แล้วภาพของฉันที่เซเข้าแผงอกของเขาตอนนี้มันก็ช่างน่าอายเหลือเกิน เพราะองศาปากของฉันมันดันไปกระแทกเข้าที่ต้นคอขาวของเขาพอดิบพอดี รอยสีลิปสติกสีแดงตุ่นๆ ของฉันมันเลยโชว์เด่นร่าอยู่ที่ต้นคอของเขา ฉันที่เห็นรอยลิปสติกปรากฏแบบนั้นก็รีบถอยร่นออกมาทันทีก่อนจะทำหน้าเลิ่กลั่กในเวลาต่อมา
บ้าจริง ฉันควรบอกมาร์ตินหรือว่าปล่อยไปแบบนั้นดีนะ
"เอร๊ย~"
อุ๊บ!
ฉันรีบปิดปากยัยลูกพีชทันทีที่ยัยนี้มันเห็นรอยลิปสติกบนคอมาร์ตินแล้วทำเสียงแซวออกมา
"อื้อ~ อะไรของแกเนี่ย ปิดปากฉันทำไม" ฉันรีบยกมือทำท่าชู่ให้ยัยลูกพีชเงียบเสียงลงทันทีที่มันเริ่มโวยวาย ก่อนจะหันไปมองมาร์ตินแวบหนึ่งแล้วรีบหันกลับไปกระซิบเสียงเบากับยัยลูกพีช
"แกเงียบไปเลยนะ อย่าเสียงดังให้หมอนั่นรู้เชียว เดี๋ยวฉันจะโดนหมอนั่นหักคอเอาที่ทำต้นคอสะอาดๆ ของเขาติดรอยลิปสติกอะ"
"เออ จริงด้วยมาร์ตินยิ่งรักสะอาดอยู่ด้วย โอเคๆ ฉันจะเงียบเดี๋ยวนี้เลย"
"นี่ พวกเธอกระซิบกระซาบอะไรกันหนักหนาวะ"
ขวับ!
"เอ่อ ปะเปล่าหรอกไม่มีอะไร เอาเป็นว่าพวกฉันจะไม่คุยเสียงดังรบกวนนายละกันนะ โอเคไหม?" ทันทีที่ได้ยินคนด้านหลังเอ่ยถามน้ำเสียงไม่พอใจ ฉันก็รีบหันขวับตอบกลับเสียงตะกุกตะกักอย่างลนลานพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปด้วย
คืออย่างนี้นะ อย่างที่ทุกคนทราบกันว่ามาร์ตินเขาเป็นลูกชายมาเฟียใช่ไหม แล้วนิสัยของลูกมาเฟียอะ ก็จะนิ่งๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาแต่ถ้าโมโหอะไรขึ้นมาก็คือพลังทำลายล้างสูงมาก ที่ฉันบอกได้เนี่ยก็เพราะว่าตอนเด็กๆ มาร์ตินเคยแข่งกีฬารักบี้ของโรงเรียนสมัยมัธยมแต่ดันปะทะคารมกับฝ่ายตรงข้ามเข้าแบบพูดจาไม่เข้าหูมาร์ติน มาร์ตินโมโหมาก นอกรอบก็เลยจัดการหมอนั่นจนเข้าโรงพยาบาลเลย
ฉันที่รู้เรื่องตอนนั้นถึงกับขนลุกสู้กับความเกรี้ยวกราดของหมอนี้ไปเลย
"ถ้าเสียงดังอีกอย่าหาว่าฉันร้ายละกัน"
"โอเค ฉันจะเงียบเดี๋ยวนี้เลย" ฉันรีบยกมือทำท่าโอเคให้มาร์ติน จากนั้นก็นั่งเงียบเป็นแม่ชีนั่งสมาธิไปเลย จนกระทั่งอาจารย์ผู้สอนเข้ามา โปรเจคเตอร์ข้างหน้าห้องเรียนถูกเปิด การเรียนของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้นทันที
แต่ในขณะที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ข้างหน้า จู่ๆ สายตาของฉันก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไรกัน ชอบแอบเหลือบมองมาร์ตินที่นั่งพิงเก้าอี้หน้านิ่งขณะที่สายตาของเขาก็จ้องไปข้างหน้าอยู่ตลอดเลย
แล้วจู่ๆ ความคิดแปลกๆ ก็แวบเข้ามาในหัว...
ความคิดที่ว่าก็คือ... คนบ้าอะไรกันแค่สันกรามคมๆ นั่นก็ทำให้คนอื่นใจสั่นได้ แถมไอ้เบ้าหน้านั่นก็ฟ้าประทานสุดๆ ไปเลย หล่อตั้งแต่เด็กจนโต หล่อแบบไม่รู้จะบรรยายยังไงหมด จมูกก็โด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากได้รูปแบบพอดิบพอดี ผิวก็ดีมากๆ อีก แล้วไหนจะเส้นเลือดที่ปูดขึ้นตั้งแต่ที่แขนลงไปถึงบริเวณหลังมือขาวๆ ติดสร้อยข้อมือเลสนั่นอีก
เหอะ! ตายๆ เลือดกำเดาฉันจะไหล
"จะหยุดแอบมองหน้าฉันแล้วหันไปตั้งใจเรียนได้หรือยัง" เสียงทุ้มว่าขึ้นก่อนจะหันหน้ามามองหน้าฉันด้วยสายตานิ่งๆ ในเวลาต่อมา ฉันที่ถูกจับได้ว่าแอบมองเขาเมื่อกี้ เลยรีบหันหน้าตั้งตรงจ้องไปที่โปรเจคเตอร์หน้าห้องเรียนตาแข็งอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับนึกในใจว่า...บ้าจริง มาร์ตินมีกระแสจิตหรือไงกันถึงรู้ตัวว่าถูกฉันมองอยู่ ฉันว่าฉันก็เนียนพอตัวแล้วนะ
"แอบมองนานขนาดนั้น แอบคิดอะไรกับฉันหรือเปล่า"
ขวับ!
บ้า~ ใครเขาจะไปคิดอะไรแบบนั้นกันเล่า ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยเถอะแค่มองเฉยๆ เอง แล้วหน้าเนี่ยช่วยเอาออกไปไกลๆ หน้าฉันได้ไหม จะขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจรดใบหน้าฉันแบบนี้ทำไมเนี่ย
"ปะเปล่าสักหน่อย ฉันคิดอะไรฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย แล้วหน้าเนี่ยช่วยเอาออกไปไกลๆ หน้าฉันหน่อยได้ไหม มันใกล้เกินไปแล้ว" ฉันว่าด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ พร้อมกับใช้มือดันหน้าหล่อๆ ของมาร์ตินออกไป พอหมอนั่นกลับไปนั่งที่เดิมเรียบร้อยแล้วฉันก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาทันที
เฮ้อ หัวใจฉันเกือบวาย คนบ้าอะไรไม่รู้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซะเกือบจะสิงร่างกันอยู่แล้ว
พอทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว ฉันก็นั่งตั้งใจเรียนต่อเลย พยายามไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างมาร์ตินที่นั่งยกยิ้มมุมปากจ้องหน้าฉันอยู่ตอนนี้ ฉันเลือกที่จะนั่งจดสิ่งที่อาจารย์พูดแล้วจ้องโปรเจคเตอร์ตรงหน้าอย่างขะมักเขม้นต่อไป
.
.
.
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
"แกจะกลับก่อนจริงเหรอยัยฟ้า"
"อืม ฉันกลับก่อนดีกว่า"
หลังจากที่เรียนเสร็จแล้วมาร์ตินก็ลุกออกจากเก้าอี้หายออกไปจากห้องเรียนทันที ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นรีบไปไหน พวกฉันทั้งสามคนก็เลยเก็บข้าวของออกมาจากห้องเรียนเช่นกัน เดินมาถึงลานจอดรถยัยใบเฟิร์นกับลูกพีชก็ชวนกันไปตากแอร์เล่นกันที่ห้าง แต่ฉันรู้สึกขี้เกียจบวกกับอยากกลับไปพักผ่อนด้วยก็เลยขอตัวกลับก่อน ยัยลูกพีชที่รู้ว่าฉันจะขอตัวกลับก่อนจึงได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่ฉันอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้
"เซ็งเลยอะ ฉันกะว่าจะชวนไปกินชาบูสักหน่อย"
"วันหลังละกันนะ วันนี้ฉันอยากกลับไปพักอะ เหนื่อย"
"ไม่เป็นไร งั้นฉันไปกินกับใบเฟิร์นก็ได้"
"โอเค" พอตกลงกับยัยลูกพีชเรียบร้อยแล้วฉันก็โบกมือลาพวกมันสองคนแล้วเปิดประตูรถของตัวเองต่อทันที จากนั้นก็สตาร์ทรถแล้วขับกลับไปที่คอนโด...