เช้าวันต่อมา...
@บ้านพราวฟ้า
"ก็เอาเป็นว่าตามนั้นละกันนะ กูก็ไม่มีอะไรจะพูดให้เรื่องมันยาว เรามันคนกันเองอยู่แล้ว ใช่ไหมไอ้เธียร"
"ก็ถ้าลูกชายมึงจริงใจกับลูกสาวกูจริงๆ ก็ตามนั้น"
"หื้อ~ มึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก มาร์ตินลูกกูนะอาการมันออกตั้งแต่เก้าขวบแล้วว่าชอบพราวฟ้า ใช่ไหมติน" มาร์ตินที่นั่งอยู่ข้างๆ คนเป็นพ่อไม่ตอบคำถามแต่คลี่ยิ้มบางๆ จนแทบมองว่ายิ้มไม่ออกออกไปแทน
วันนี้เป็นวันหยุด หลังจากที่มาร์ตินได้โทรไปคุยกับบิดาของพราวฟ้าว่าจะให้ผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองเข้าไปทาบถามคุยเรื่องหมั้นหมายกับพราวฟ้า หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โทรไปคุยกับบิดาตัวเองให้ทราบเรื่องไว้ ซึ่งทางแปลนบิดาของมาร์ตินที่อยู่ในอาการงงงงวยหลังจากวางสายเพื่อนสนิทไปเมื่อคืนก็หายสงสัยทันทีแต่ไม่ได้มีอาการตกใจอะไรที่รู้เรื่องว่าลูกชายจะให้ไปสู่ขอหมั้นหมายลูกสาวเพื่อนที่ตัวเองเอ็นดูตั้งแต่เล็กๆ ให้
เนื่องจากเขาเห็นและสัมผัสได้มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเจ้าลูกชายของตัวเองนั้น เหมือนจะแอบชอบเพื่อนสาวรุ่นเดียวกันอยู่ ถึงตอนนั้นจะยังอยู่ในวัยเด็ก แต่เขาก็เชื่อว่าถ้าโตไปต้องได้เกี่ยวดองกันแน่ๆ เพราะสายตาลูกชายตอนมองอีกฝ่ายมันบอกไว้แบบนั้นมาตลอด และมันก็เป็นจริงอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด
วันนี้เขาและภรรยารวมถึงลูกชายก็เลยได้มานั่งคุยเรื่องที่จะหมั้นหมายกันต่อหน้าผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเพื่อนสนิทสมัยหนุ่มๆ นั่นเอง และตอนนี้ก็ได้พูดคุยตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
ทางด้านพราวฟ้า...
"ป้านิ่มสวัสดีค่ะ วันนี้มีอะไรให้กินบ้างเหรอคะ"
พราวฟ้าที่เพิ่งขับรถกลับมาถึงบ้านในเช้าวันหยุด รีบเดินตรงไปทางห้องครัวที่มีแม่บ้านคนสนิทตั้งแต่เด็กๆ ยืนทำกับข้าวมากมายเตรียมให้แขกคนสำคัญรับประทานอย่างขะมักเขม้นอยู่หน้าเตา ส่วนเธอก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมารินใส่แก้วดื่มด้วยความกระหายก่อนจะเดินไปที่หม้อแกงบนเคาน์เตอร์กลางครัวเปิดดูแกงในหม้ออย่างอยากรู้
โดยที่แม่บ้านที่เธอทักทายไปเกือบสามนาทีแล้วยังไม่หันมาสนใจเธอราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงทักทายจากเธอหรือรู้ตัวเลยว่ามีเธอป้วนเปี้ยนอยู่ในนี้ จนเธออดส่ายหน้าให้ไม่ได้ก่อนจะเป็นคนเดินไปสะกิดไหล่คนมีอายุมากกว่าตรงหน้าเบาๆ
จึก! จึก!
ขวับ!
"เอ้าคุณหนูฟ้า กลับมาตั้งแต่ตอนไหนคะเนี่ย" ใบหน้าสวยทำท่าปากคว่ำพร้อมถอนหายใจออกอย่างน้อยใจทันทีที่ถูกคนสูงอายุใจดีหันกลับมาพร้อมตั้งคำถามแบบนั้นออกมา
เฮ้อ มันน่าน้อยใจนัก
"น่าน้อยใจจังเลยนะคะที่ป้านิ่มหันกลับมาถามฟ้าแบบนั้น ทั้งๆ ที่ฟ้าขับรถมาถึงก็ถ่อเข้ามาหาป้านิ่มเป็นคนแรกเลย แต่ป้านิ่มกลับสนใจแกงตรงหน้าจนไม่ได้ยินเสียงของฟ้าอะ" คุณหนูที่แสนดีของบ้านทำหน้ามุ่ยปากยื่นน้อยใจออกไป ทำให้คนที่เห็นสีหน้านั้นถึงกับต้องเข้าไปโอ๋เลยทีเดียว
"โอ๋ๆ ป้าขอโทษค่ะ พอดีป้ารีบทำกับข้าวให้เพื่อนคุณเธียรทานนะคะ"
"เพื่อน? วันนี้มีแขกป๊ามาหาเหรอคะ" ตอนจอดรถเดินเข้ามาในบ้านเธอก็ไม่ได้สังเกตอะไรเลย ไม่ได้สังเกตรถที่จอดหน้าบ้านด้วยว่ามีแขกมาหรือเปล่า เพราะปกติรถที่บ้านก็จะเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว
เนื่องจากบิดาของเธอนั้นเป็นคนที่ชื่นชอบความเร็ว ก็เลยมีรถหลายคันเป็นพิเศษแถมยังมีสนามแข่งรถเป็นของตัวเองตั้งแต่หนุ่มๆ ด้วย บางครั้งเธอเลยไม่รู้ว่าคันไหนเป็นรถของที่บ้านหรือของแขกที่มาที่บ้านกัน
"ใช่ค่ะ เห็นว่าชื่อคุณแปลนกับคุณมาร์ลิน แล้วก็มีลูกชายคุณมาร์ตินที่เป็นเพื่อนกับคุณหนูด้วยนะคะ ออกไปทักทายเพื่อนหน่อยไหมคะ" ป้านิ่มบอกกล่าวให้คุณหนูของบ้านทราบด้วยรอยยิ้มใจดีก่อนจะหันไปให้ความสนใจต่อหม้อแกงที่กำลังเดือดอยู่บนเตาต่อ
ส่วนคุณหนูคนสวยของบ้านก็ยืนนิ่งใช้ความคิดกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้มาก่อนหน้านี้ไปแล้ว เธอกำลังมีความสงสัยว่าทำไมจู่ๆ มาร์ตินถึงได้มาที่บ้านของเธอพร้อมพ่อแม่แบบนี้ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่ย่างกรายมาเหยียบบ้านของเธอเลย
ถ้าให้เธอใช้นิ้วมือนิ้วเท้านับก็จำได้ว่าเกือบจะสิบกว่าปีแล้วที่หมอนั่นไม่ได้มาเหยียบบ้านของเธอ แถมยังทำเป็นหมางเมินกับเธออีก จนบิดาของเธอยังแอบสงสัยว่าเธอกับลูกชายเพื่อนตัวเองทะเลาะกันหรือเปล่า ถึงไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายมาหาเลย
แล้วไหงจู่ๆ วันนี้ถึงได้มาพร้อมพ่อแม่ได้ล่ะ
"เอ้าคุณหนู ป้านึกว่าไปแล้วเสียอีก แล้วนี่เป็นอะไรคะหน้าตาคิ้วขมวดเชียว" เมื่อโดนแม่บ้านตรงหน้าทักออกมาแบบนั้น คิ้วสวยก็คลายปมออกทันทีก่อนจะทำหน้าปกติพร้อมส่งยิ้มกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฟ้าออกไปดูเพื่อนก่อนนะคะ"
"ค่ะ"
หลังจากที่ป้านิ่มตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกลับมา เท้าทั้งสองข้างของคุณหนูพราวฟ้าก็รีบก้าวออกไปจากบริเวณห้องครัวทันที ทว่าเดินออกมาพ้นบริเวณห้องครัวได้ไม่กี่ก้าวจู่ๆ ข้อมือเล็กของเธอก็ถูกมือปริศนาฉุดออกไปทางสวนหลังบ้านซะก่อน
และหลังจากที่โดนฉุดตัวพามาหลังบ้านไม่ถึงสามนาที เธอก็ได้เห็นใบหน้าเจ้าของมือใหญ่ปริศนาเมื่อกี้จนได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นใดที่ไหน...ไอ้คนตัวสูงหน้านิ่งอย่างมาร์ตินไงล่ะ
และตอนนี้ไอ้คนตัวสูงที่ว่านะก็ยืนจ้องหน้าเธอนิ่งด้วย ไม่รู้ว่าจะจ้องอะไรกันหนักกันหนา เห็นแล้วอยากลองจิ้มให้ตาบอด
"จะจ้องอะไรนักหนา มีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ"
"แล้วเธอไม่คิดจะถามฉันสักหน่อยหรือไง ว่าฉันมาที่บ้านเธอทำไม" เพราะมันหลายปีมากๆ ที่เขาไม่ได้มาเหยียบบ้านหลังนี้ แต่เจ้าของบ้านที่ยืนกอดอกมองหน้าเขาตอนนี้กลับยืนเงียบไม่มีความสงสัยใดๆ เกี่ยวกับการมาของเขาครั้งนี้
เห็นแล้วก็หงุดหงิด
"แล้วมาทำไมล่ะ" เหอะ ถ้าเขาจะขอเกลียดสีหน้าที่คนตรงหน้าแสดงออกมาตอนนี้ได้ไหม ไอ้สีหน้าและอาการที่ทำเป็นเฉยชาไม่รู้ไม่ชี้ ถามไปงั้นๆ แบบนี้ เห็นแล้วโคตรอยากจะขยับเข้าไปใกล้แล้วบีบแก้มให้หายมันเขี้ยวชะมัด
"มาคุยเรื่องหมั้นกับเธอไง"
"หมั้น! เมื่อกี้นายพูดว่าหมั้นงั้นเหรอ?"
"อืม"