8☘️

1400 คำ
ทีมงานเดินทางมาถึงหมู่บ้านก็ช่วงหัวค่ำพอดี หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางป่าโอบล้อมด้วยหุบเขา ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มีแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านที่นี่คงใช้วิธีออกจากหมู่บ้านด้วยการล่องแพ ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดเวลาและรวดเร็วกว่าเดินเท้า บ้านทุกหลังใช้ใบไม้ทำเป็นหลังคาและฝาบ้าน ทุกคนดีใจแทบหายเหนื่อยเลยทีเดียว พอก้าวขาเข้าหมู่บ้านชาวบ้านก็พากันมองมาที่ทุกคนด้วยสายตาแปลกๆ " ทำไมพวกเขามองเราแบบนั้นวะ" " ก็คงเห็นว่าพวกเราเป็นคนแปลกหน้าล่ะมั้ง" " แต่ฉันว่าสายตามันดูแปลกๆอ่ะ หวังว่าหมู่บ้านนี้คงจะไม่ใช่แบบหมู่บ้านกินคนหรอกนะ" ได้ฟังดุษฎีพูดทุกคนก็ลังเลที่จะเดินต่อ ดารินกับโมรีขยับเข้าหากันจับมือกันแน่นสายตามองดูรอบๆตัวด้วยความหวาดระแวง " เฮ้ยไอ้กรุ๊ป มึงแน่ใจนะว่าพาพวกเรามาถูกหมู่บ้านหน่ะ " ภาสกรที่เดินนำหน้าเข้าหมู่บ้านพร้อมดุษฎีถอยหลังกลับไปถามกิตติศักดิ์ " ไม่ผิด ที่นี่แหละกูมาตามแผนที่ที่ศาสตราจารย์ให้มาเลย " " ศาสตราจารย์ได้บอกไหมว่าแถวนี้มันมีกี่หมู่บ้าน เราอาจจะมาผิดหมู่บ้านก็ได้นะ" ดารินถามขึ้นมา " ไม่ได้ถาม แต่ถึงยังไงเราก็มาถึงที่นี่แล้วถึงต่อให้ผิดยังไง คืนนี้เราก็คงต้องพักที่นี่ทุกคนดูสินี่มันค่ำแล้วนะ เราไปต่อไม่ได้แล้ว" " งั้นเราก็ลองชาวบ้านแถวนี้ดูว่าใช่ไหม" ธารธาราพูดจบ ก็เดินเข้าไปหาชาวบ้านคนหนึ่งที่นั่งจ้องมองพวกเขาอยู่ กิตติศักดิ์กลัวว่าธารธาราจะมีอันตรายจึงรีบเดินตามไปด้วย " ป้าคะ ที่นี่ใช่หมู่บ้านปะละทะไหมคะ" " _ " เงียบไม่มีคำตอบ กิตติศักดิ์จึงถามใหม่ " คือพวกเราจะไปที่หมู่บ้านปะละทะหน่ะครับ ไปบ้านของพรานมูเล่" พอได้ยินชื่อมูเล่ หญิงวัยกลางคนก็พยักหน้าชี้มือไปอีกทาง " ตกลงป้าคนนั้นว่าไงเรามาถูกใช่ไหม" ดุษฎีถามรอลุ้นคำตอบเหมือนกับทุกคน " เขาฟังเราไม่ออก" " อ้าว" "แต่พอพูดชื่อพรานมูเล่เขาก็ชี้มือบอกทางอย่างที่เห็น ไปกันเถอะ" " เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน ไอ้กรุ๊ปในเมื่อเขาฟังเราไม่ออกแล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าที่เขาชี้หน่ะเป็นทางไปบ้านพรานมูเล่" ทุกคนมองหน้ากัน ต่างเห็นด้วยกับคำพูดของภาสกร " เราคงต้องเสี่ยงดู ไปเถอะ เดี๋ยวไปหาถามคนข้างหน้าก็ได้ ต้องมีสักคนนึงแหละที่ฟังภาษาเราออก" กิตติศักดิ์เดินนำหน้าทุกคนไป ตลอดทางก็ถามชาวบ้านคนนั้นคนนี้ แม้พวกเขาจะฟังไม่ออก แต่พอพูดชื่อพรานมูเล่กลับชี้มือบอกทางกันทุกคน จนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังเล่นอยู่ " หนู หนูจ๊ะ ที่นี่ใช่บ้านพรานมูเล่ไหม" เด็กน้อยไม่ตอบแต่รีบวิ่งขึ้นบ้าน " อ้าวหนู เดี๋ยวก่อนสิ พี่ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อยหนูกลับมาก่อน" สักพักหญิงคนหนึ่งก็ออกมาจากบ้าน ส่วนเด็กชายคนนั้นได้แต่โผล่หัวออกมามองอยู่ที่หลังประตู " คือพวกเรามาจากกรุงเทพนะครับ มาหาพรานมูเล่ ที่นี่ใช่บ้านพรานมูเล่มั๊ย" หญิงคนนั้นพูดภาษากาเหรี่ยง ที่ทุกคนก็ฟังไม่ออกว่าหมายความว่ายังไง ในขณะที่ทุกคนกำลังยืนงงกันอยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา " พ่อของข้าไม่อยู่" " อ่าห้า นี่ไงเราเจอคนที่พูดภาษาเราได้แล้ว" " คืองี้นะ เรามาตามหาพรานมูเล่ ที่นี่คือบ้านของพรานมูเล่ใช่ไหม" " ใช่ ต้องการเจอเขาทำไม" " พวกเราต้องการให้พรานมูเล่นำทาง" " เอ่อ พวกเรามาตามคำแนะนำของศาสตราจารย์ ท่านเป็นเพื่อนกับพรานมูเล่" " พ่อข้าไม่เคยมีเพื่อนเป็นคนเมือง" " อะ อ๋อ แต่ แต่ว่าศาสตราจารย์บอก หรือว่าศาสตราจารย์โกหกพวกเราวะ" " ศาสตราจารย์ไม่น่าจะโกหกนะ ถ้าไม่รู้จักจริงๆจะบอกให้เรามาที่นี่ถูกได้ไง" " ไว้พ่อของข้ามาก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ค่ำแล้วพวกเอ็งก็พักที่นี่ละกัน" " ได้ๆ ขอบคุณมาก ว่าแต่พรานมูเล่จะกลับมาตอนไหนเหรอ" " พรุ่งนี้ " " แล้วคุณชื่ออะไร เอ่อ เราจะได้เรียกถูก" " เซโพ นั่นนอนายเมียของข้า แล้วก็ซำซาลูกชายข้า" เซโพหันไปคุยกับลูกเมียก่อนจะกวักมือเรียกทุกคนขึ้นไปบนบ้าน นอนายยกสำรับข้าวมาวางทำมือบอกให้ทุกคนกิน " กินข้าวกันก่อน ที่นี่มีแต่อาหารธรรมดาง่ายๆคงกินกันได้ กินเสร็จแล้วใครอยากอาบน้ำก็นู่นเลย" ทุกคนมองตามที่เซโพชี้มือ " ไหนอ่ะห้องน้ำ" " ไม่มี ที่นี่ทุกคนอาบน้ำในแม่น้ำ ทั้งกินทั้งอาบทั้งซักผ้า ถ้าใครปวดหนักเบาก็เข้าป่าเลือกมุมตามใจชอบ" " รีบกินเถอะจะได้รีบไปอาบน้ำ" กินข้าวเสร็จซำซาก็ส่งตะเกียงให้1อันส่วนเด็กชายถือไว้1อันเดินนำหน้าไปที่แม่น้ำ หลังอาบน้ำเสร็จขึ้นบ้านมาก็เห็นว่านอนายใช้ผ้าบางๆปูไว้เตรียมให้เป็นที่นอนของทุกคน เซโพผายมือบอกและพูดขึ้น " นอนเบียดๆกันหน่อยนะ บ้านหลังเล็ก หรือถ้าใครอยากนอนสบายจะลงไปนอนนอกบ้านก็ได้" " พวกเรานอนได้ขอบคุณมาก" ธารธาราพูดแล้วหันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาขนมสองสามห่อส่งให้ซำซา " รับไปสิพี่ให้ขนมอร่อยนะ" ซำซาแหงนมองดูหน้าผู้เป็นพ่อ เมื่อเซโพพยักหน้าก็รีบวิ่งไปคว้าขนมในมือของธารธารา " อ้อ ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้านตอนกลางคืน ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามทัก " " เดี๋ยวก่อน แล้วถ้าเกิดปวดท้องขึ้นมากลางดึกหล่ะ" ดารินถามขึ้นมา เธอยิ่งชอบปวดฉี่ตอนกลางคืนบ่อยๆอยู่ เซโพที่กำลังจะเดินไปหันกลับมาตอบ " หน้าบ้านมีตะเกียงแขวนไว้อยู่หยิบมันไปส่องทางได้ ขอเตือนว่าอย่าไปคนเดียวให้หาเพื่อนไปด้วย" ดารินพยักหน้าหงึกๆ ใครจะกล้าไปคนเดียวกันเล่า ยิ่งกลางป่ากลางเขาแบบนี้ด้วยน่ากลัวจะตาย พอหัวถึงหมอนดุษฎีกับภาสกรก็หลับเป็นตาย กิตติศักดิ์กำลังจะหลับก็ได้ยินเสียงหมาหอนไม่หยุด เขาผุดลุกขึ้นเห็นเพื่อนสองคนหลับไม่กระดิก มองดูธารธารา แสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องมาเห็นว่าเธอนอนลืมตาอยู่ เขาย่องเบาๆไปหาเธอ " น้ำ น้ำ" " พี่กรุ๊ป" " นอนไม่หลับเหรอ" " อืม คงแปลกที่หน่ะ " " พี่ก็เหมือนกัน ยิ่งเสียงหมาหอนด้วยเลยไม่หลับเลย" " พี่คงไม่คิดว่าหมาหอนมันจะเห็นผีหรอกใช่ไหม" " ฮ่าฮ่า ก็คิดอยู่นะ แต่ที่นี่คงไม่มีหรอกมั้ง" โมรีนอนฟังทั้งสองสนทนากันเงียบๆ เธอเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ได้ยินเสียงหมาหอนก็ยิ่งกลัวจนนอนไม่หลับ ได้แต่ข่มความกลัวด้วยการนอนนิ่งๆ ดารินลืมตาขึ้นมาสบตากับโมรี บวกกับเสียงหมาหอนที่ดังต่อเนื่องต่างคนต่างตกใจสะดุ้งลุกขึ้นมา " แก แกเองเหรอ" " ก็ฉันหน่ะสิแกคิดว่าใครหล่ะ" บรู้ววววว " เสียงหมาหอน ทำไมมันต้องมาหอนตอนนี้ด้วยเนี่ย จริงสิวันนี้มันวันพระด้วยนะ " " คงไม่ใช่มันเห็นผีหรอกใช่ไหม" " ไม่มีหรอก มันก็หอนไปตามเรื่องตามราวมันนั่นแหละไม่ต้องกลัว ผีเผอที่ไหนจะมี" กิตติศักดิ์พูดปลอบใจทั้งที่ในใจของเขาก็กลัวเหมือนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม