“อยากทำค่ะ ถ้าคุณเอเรียสอนุญาต”
ดวงตาคู่คมมองหญิงสาวอย่างพิจารณาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขายังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายแสร้งทำหรือต้องการอย่างที่บอกออกมาจริงๆ เพราะอาการหิวเงินของบิดาและมารดาของเธอที่เขาเห็นก่อนหน้านี้นั้น มันดูขัดกับท่าทางของคนเป็นลูกราวหน้ามือและหลังมือ
“ถ้าผมจะโอนเงินเข้าบัญชีให้คุณเดือนละหนึ่งหมื่นดอลลาร์คุณจะว่ายังไง แลกกับการที่คุณไม่ต้องทำงาน”
พอได้ยินอีกฝ่ายบอกแบบนั้นสีหน้าที่ดูเบิกบานในตอนแรกก็เลือนหาย เหลือเพียงสีหน้าจืดเจื่อนและผิดหวังเข้ามาแทนที่ หญิงสาวถามคนตรงหน้าเสียงอ่อน
“คุณเอเรียสจะไม่อนุญาตให้พระจันทร์ทำงานเหรอคะ”
“คุณตอบไม่ตรงคำถาม”
เรียวปากสีชมพูเรื่อเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตากลมโตวูบไหว หัวใจดวงน้อยที่เคยเบิกบานก่อนหน้านี้ห่อเหี่ยวลงจนน่าใจหาย
“พระจันทร์ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ”
หญิงสาวไม่ต้องการทำตัวเป็นภาระให้อีกฝ่าย หากเขาไม่อนุญาตให้เธอทำงานอย่างที่ต้องการ เธอก็จะไม่รับเงินของเขาเด็ดขาด
เพราะทราบดีว่าที่บิดาและมารดาได้รับไปจากครอบครัวฟรีเดลนั้นมูลค่าไม่น้อยเลย
“จริงสิ คุณคงไม่สนใจเงินแค่นี้หรอกในเมื่อครอบครัวของคุณได้ไปมากกว่านี้หลายเท่านี่”
น้ำเสียงเรียบๆ ที่ออกมาจากริมฝีปากหยักสวยทว่ากลับแฝงเนื้อหาที่เชือดเชือนทำให้พระจันทร์หน้าม้านไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ขุ่นเคืองอีกฝ่าย เพราะที่เขาพูดมาก็มีส่วนถูกแต่ทว่าไม่ใช่ทั้งหมด ที่เธอไม่อยากรบกวนเขาอีกเพราะไม่ต้องการเป็นภาระของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนกับว่าเขากำลังเข้าใจเธอผิดไป
“พระจันทร์แค่ไม่อยากทำตัวเป็นภาระของคุณเอเรียส แต่ถ้าคุณเอเรียสไม่สะดวกใจจะให้พระจันทร์กลับบ้านก็ได้นะคะ ส่วนเรื่องเงินที่คุุณพ่อกับคุณแม่เอาไปก็ถือซะว่าเป็นการกู้ยืม หากสถานการณ์ของโรงงานดีขึ้น คงจะมีเงินส่วนนั้นมาคืนให้”
พระจันทร์กล่าวถึงโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าซึ่งครอบครัวอัครพฤกษ์เป็นเจ้าของภายใต้ชื่อบริษัทอัคราจำกัดที่ตอนนี้พี่ชายคนโตของเธออย่างอาทิตย์เป็นคนดูแลกิจการ แต่เพราะพิษเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้โรงงานประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก จนต้องบากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากครอบครัวฟรีเดล
“หากผมให้คุณกลับบ้านไปผมจะเหลือหลักประกันอะไรกันล่ะ ในเมื่อครอบครัวของคุณไม่มีหลักประกันอะไรให้ผมเลย ผมเป็นนักธุรกิจ หากไม่ได้ทุนคืน อย่างน้อยๆ ผมก็ต้องไม่เสียเปล่าโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย”
คำพูดของเอเรียสกระแทกใจคนฟังอย่างพระจันทร์ไม่น้อย และเธอก็เข้าใจความหมายของเขาดี หญิงสาวเก็บเอาความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ในอก เผลอกัดริมฝีปากของตนเบาๆ อย่างต้องการข่มกลั้นอารมณ์
“พระจันทร์เข้าใจแล้วค่ะ ทุกอย่างก็แล้วแต่คุณเอเรียสจะเห็นสมควรก็แล้วกัน พระจันทร์ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในทุกๆ เรื่องอยู่แล้ว”
“...”
“แม้แต่เรื่องที่พระจันทร์ต้องพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ พระจันทร์ก็ไม่ได้รับโอกาสให้ตัดสินใจ ขอตัวเก็บจานไปล้างก่อนนะคะ”
หญิงสาวไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากอนุญาต ร่างบางขยับตัวลุกขึ้น เก็บภาชนะตรงหน้าแล้วสาวเท้าเข้าไปในครัว โดยบางส่วนที่เหลือมารีเป็นคนตามมาเก็บแทน ในระหว่างที่เอเรียสยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าครุ่นคิดที่ยากต่อการคาดเดา
“เดี๋ยวก่อนมารี”
“คะ” มารีที่ถือถ้วยกาแฟกับจานอาหารส่วนที่เหลือเอาไว้ในมือหันมาหาเอเรียส และมองอีกฝ่ายอย่างรอคอยคำสั่ง
“ถ้าพระจันทร์อยากออกไปไหนก็โทร.บอกให้คนขับรถพาไป แล้วโทร.รายงานฉันด้วย”
“ได้ค่ะคุณเอเรียส”
“ฝากบอกพระจันทร์ด้วยว่าเย็นนี้ให้เตรียมอาหารสำหรับคนราวๆ แปดคน มีเด็กสามขวบกว่าด้วยสองคน”
“ได้ค่ะคุณเอเรียส”
เมื่อมารีรับคำ เอเรียสจึงขยับตัวลุกขึ้นเต็มความสูง มือหนาหยิบเสื้อสูทที่วางพาดไว้บนเก้าอี้ ก่อนจะสาวเท้าออกจากบ้านไป ตรงหน้าบ้านมีรถยุโรปคันหรูสีดำมันปลาบจอดรออยู่ก่อนแล้ว คนขับรถชายในชุดสูทสีดำสนิทเปิดประตูให้ชายหนุ่มก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง จากนั้นคนขับรถก็ขึ้นมานั่งประจำที่
“แวะไปหาพี่เอเดรียนก่อนแล้วค่อยไปที่บริษัท”
“ครับคุณเอเรียส”
คนขับรถรับคำเสียงแข็งขัน ก่อนที่รถจะคลื่อนออกไป ดวงตาคู่คมของเอเรียสมองเข้าไปในตัวบ้านที่บางส่วนกรุด้วยกระจกใสจึงทำให้เห็นร่างบางของพระจันทร์ที่ง่วนอยู่กับการล้างจานในครัว มีจังหวะหนึ่งที่หญิงสาวหันมาแน่นอนว่าเขาเห็นเธออย่างชัดเจน แต่เธอคงไม่เห็นเขาเพราะฟิล์มติดกระจกที่ค่อนข้างหนา สีหน้าที่ดูจืดเจื่อนของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกๆ ในอก
แต่เพียงครู่เดียวเขาก็สลัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไป