2.1

1006 คำ
ตัวอาคารหลังใหญ่ที่มีมากกว่าหกชั้นซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์อิตาเลียนตั้งอยู่ในเขตแมนฮัตตันคือสถานที่ที่เอเรียสแวะเข้ามาหาคนเป็นพี่ชายอย่างเอเดรียน รถยนต์คันหรูจอดในที่จอดรถสำหรับผู้บริหาร เอเรียสก้าวลงจากรถโดยมีคนขับรถลงเปิดประตูให้ ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวเข้าลิฟต์ไปและกดที่หมายเลขชั้นสูงสุดของตัวอาคารหลังนี้ ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก… “เข้ามา” เจ้าของห้องเอ่ยอนุญาตเอเรียสจึงก้าวเข้าไปด้านใน เอเดรียนที่ก้มหน้าก้มตาดูแฟ้มเอกสารในตอนแรกเงยหน้าขึ้นมองแขกผู้มาเยือน พอเห็นว่าเป็นน้องชาย คิ้วหนาจึงขยับเข้าหากันนิดๆ “นายมีอะไรหรือเปล่า ทำไมมาหาพี่ถึงที่ทำงานแต่เช้าแบบนี่ โทร.มาก็ได้นี่” เอเรียสถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับคนเป็นพี่ชาย เอเดรียนจ้องใบหน้าที่เรียบเฉยของเอเรียส หากแต่นัยน์ตาสีฟ้าครามคู่นั้นฉายชัดว่าบางสิ่งกำลังรบกวนจิตใจ “เย็นนี้ผมจะชวนพี่กับผักหวานแล้วก็เด็กๆ ไปกินมื้อค่ำที่บ้านด้วยกัน” “หมายถึงที่คฤหาสน์ฟรีเดลน่ะเหรอ” “ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงบ้านของผม บ้านที่ผมซื้อไว้อยู่แถบชานเมือง” “อ้าว นายย้ายไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่เมื่อไร พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” “ผมเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่เมื่อวาน” “แล้วทำไมนายถึงย้ายออกจากล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือว่าเอรีน่ากวนใจจนทนอยู่ไม่ไหว” เอเดรียนกล่าวถึงน้องสาวและนั่นก็ทำเอาเจ้าตัวเผลอยิ้มออกมากับความดื้อรั้นของน้องเล็กของบ้านที่ถูกตามใจจนเคยตัว “ไม่ใช่หรอกครับ เอรีน่าไม่อยู่บ้าน แต่จะกลับมาวันนี้” “อ้าว งั้นเพราะอะไรล่ะ” “คือเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างนี้ครับ” หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากคนเป็นน้องชาย เอเดรียนถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น พลางจ้องใบหน้าที่ยังคงเรียบเฉยของเอเรียส “ไม่มีการแต่งงาน ไม่มีทะเบียนสมรส แล้วฝ่ายนั้นเขายอมเหรอ” “ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่ครับ เพราะทันทีที่เห็นเช็คมูลค่าสิบล้านดอลลาร์เขาก็บินกลับกรุงเทพฯ ทันที ทิ้งเอาไว้ก็แต่ลูกสาวของเขานั่นแหละครับ” น้ำเสียงที่กล่าวออกมาติดจะเย้ยหยันนิดๆ จนคนฟังอย่างเอเดรียนสัมผัสได้ คนเป็นพี่ชายถึงกับสั่นศีรษะนิดๆ พลางสบสายตากับเอเรียส “จริงๆ แล้วนายไม่ต้องทำตามก็ได้นี่ แค่ให้เงินก็น่าจะจบ” “หากไม่เป็นเพราะคำสัญญาของคุณทวดของเราและคุณทวดของเขาผมก็ไม่มีทางยอมทำตามเด็ดขาด และคุณพ่อก็ขอร้องผมด้วย ผมจะปฏิเสธได้ยังไง” เอเรียสกล่าวถึงคุณทวดที่ล่วงลับไปแล้ว บวกกับคำขอร้องของคนเป็นบิดาทำให้ชายหนุ่มไร้ทางเลือกในการปฏิเสธ และที่สำคัญนี่เป็นเรื่องบุญคุณระหว่างกันของสองตระกูลที่ในอดีตฝั่งโน้นเคยช่วยตระกูลฟรีเดลเอาไว้ หากปฏิเสธคงจะดูใจร้ายเกินไปหน่อย “แล้วนายโอเคกับการใช้ชีวิตคู่งั้นเหรอ” “ผมก็แค่ทำตามคำมั่นสัญญาในอดีตก็เท่านั้น” “นายหมายความว่าไง” “คุณทวดแค่ระบุเอาไว้ว่าให้ทายาทรุ่นใดรุ่นหนึ่งได้ใช้ชีวิตด้วยกันที่ฐานะสามีภรรยา แต่ไม่ได้ระบุว่าจะต้องจัดพิธีแต่งงาน ไม่ได้ระบุว่าจะต้องจดทะเบียนสมรสนี่ครับ และวันหนึ่งหากผมจะกลับไปใช้ชีวิตโสดตามเดิม นั่นก็ไม่ถือว่าผมทำผิดสัญญา อีกอย่างผมก็ให้เกียรติเขาด้วยการสวมแหวนไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายแล้วนะครับ แค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว” เอเดรียนถึงกับส่ายหน้าให้กับความคิดของคนเป็นน้องชาย “แล้วนายไม่สงสารผู้หญิงเขาบ้างเหรอ ว่าแต่เค้าชื่ออะไรนะ” “พระจันทร์ครับ” “อ่านั่นแหละ แล้วนายไม่สงสารพระจันทร์บ้างเหรอ เลิกรากันผู้หญิงก็มีแต่จะเสียหาย” “ผมไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องเสียหายตรงไหนเลยนี่ครับ ไหนเมื่อทั้งสองฝ่ายได้ผมประโยชน์ร่วมกัน ถึงแม้ว่าผมจะขาดทุนย่อยยับก็ตาม ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ กับมูลค่าตัวเลขที่ผมต้องจ่ายไป” “นายนี่มันจริงๆ เลยนะเอเรียส” “นี่ก็ถือว่าผมยอมสุดๆ แล้วนะครับ” เมื่อเอเรียสบอกแบบนั้นเอเดรียนก็หมดคำจะโต้แย้ง จึงถือโอกาสเปลี่ยนเรื่อง “เออ แล้วเรื่องไลลาน่ะ นายทำใจได้แล้วงั้นเหรอ” เอเดรียนกล่าวถึงอดีตคนรักของเอเรียสที่เพิ่งจะเลิกรากันไปไม่ถึงเดือน “ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรนี่ครับ เราจากกันด้วยดี” ถึงแม้น้องชายจะตอบออกมาแบบนั้น แต่เอเดรียนสัมผัสได้ว่าเอเรียสยังค่อนข้างอ่อนไหวในเรื่องนี้ หากแต่เจ้าตัวเก็บซ่อนความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยเย็นชา “เอาละๆ นายโอเคก็ดีแล้ว” เมื่อเจ้าตัวบอกแบบนั้นเอเดรียนก็ไม่อยากเซ้าซี้ “ตกลงคืนนี้จะไปกินมื้อค่ำที่บ้านผมใช่ไหมครับ ผมให้พระจันทร์เตรียมอาหารไว้รอแล้ว” “ต้องไปสิ แล้วเอรีน่าล่ะนายบอกหรือยัง” “เดี๋ยวโทร.ไปบอกครับ กะว่าให้ชวนพี่ไบรอันมาด้วย” “งั้นก็โอเค เย็นนี้เจอกัน” “ครับ” เอเรียสรับคำก่อนจะลุกขึ้นสาวเท้าออกไปจากห้องทำงานของเอเดรียนโดยมีสายตาของคนเป็นเจ้าของห้องมองตามไปจนแผ่นหลังของน้องชายลับสายตา และอดจะกังวลไม่ได้ตามประสาคนเป็นพี่ที่ห่วงน้องชาย และหวังว่าเรื่องทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม