อุ๊บ! แหวะ!
ทุกๆเช้าที่แก้มบุ๋มจะต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการคลื่นเ**ยนเวียนหัว แพ้ท้องจนบางครั้งเป็นลม ข้าวก็กินไม่ได้ ทำให้ในช่วงเดือนแรก น้ำหนักเธอลดลงไปถึงสองกิโลกรัม เมื่อไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน หมอถึงต้องย้ำกำชับว่าให้เธอพยายามทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่านี้เพื่อทารกน้อยในครรภ์
เมื่อไปหาหมอ เด็กสาวก็ต้องอดสูในใจ รอบการเธอที่แผนกนี้ ทุกคนมักจะมาพร้อมสามีที่ดูแลภรรยาที่กำลังตั้งท้องเป็นอย่างดี มีแต่เธอที่ต้องมาคนเดียว เพราะหมอมักจะนัดในวันที่ใกล้เคียงกับวันที่พ่อมาให้คีโม ด้วยความเป็นห่วงเธอจีงให้แม่อยู่กับพ่อมากกว่า โดยต่อหน้าทั้งสอง เธอก็จะพยายามทำท่าเข้มแข็ง มาคนเดียวได้ ทั้งที่ในใจแอบมีน้ำตาคลอ ถึงจะน้อยใจในโชคชะตา แต่ก็ไม่ใจดำพอที่จะทำร้ายหนึ่งชีวิตที่กำลังเจริญเติบโตในท้องเพราะแก้มบุ๋มถือว่าเขาเองก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ แม้ว่าคนเป็นพ่อจะไม่ยอมรับก็ตาม
"หมอว่าไงบ้าง" โชคที่อ่อนเพลียจากการเข้ารับยาคีโม ผงกศรีษะขึ้นมาถามลูกสาวที่เดินเข้ามาที่เตียงหลังจากหาหมอที่แผนกสูตินารีเวชเสร็จแล้ว
"หมอบอกหลานของพ่อแข็งแรงดีจ๊ะ พ่อล่ะ เป็นไงบ้างให้ยารอบนี้"
โชคพยายามจะยิ้มแทนคำตอบว่าเขาโอเคดี ทั้งๆที่รอบนี้รู้สึกมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดไปตามข้อกระดูก ความแรงของยา บางครั้งเขาเองก็อยากจะยุติการรักษา เพราะในสมองตอนนี้คิดไปถึงอะไรหลายๆ อย่าง แม้ว่าค่ายาจะไม่จ่ายก็ตาม แต่ไหนจะค่ารถมาหาหมอ ค่ากิน งานการก็ต้องหยุดซึ่งปกติก็ไม่ได้ทำเต็มเม็ดเต็มหน่วยอยู่แล้ว ไหนจะตอนนี้แก้มบุ๋มลูกสาวคนเดียวก็ดันมาท้อง
"เขาไม่ยอมรับ ลูกในท้องหนู ฮือๆๆ"
หลังจากวันที่เธอบอกว่าจะขอไปคุยกับพ่อของลูกในท้อง ลูกสาวของเขากลับมาพร้อมกับน้ำตานองหน้า จิตใจแหลกสลาย ร้องไห้จนแทบจะขาดใจ จนเขาเองต้องปลอบใจแก้มบุ๋มอยู่นานสองนานกว่าที่ลูกสาวจะหยุดร้องและกลับมามีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตอีกครั้ง แม้แววตาของเธอจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม ความสดใสตามวัยไม่มีหลงเหลืออีกแล้ว มีเพียงความอ่อนล้า ความแห้งแล้ง และความเจ็บปวด
"อืม 38.5 องศา ดูเหมือนวันนี้คนไข้จะมีไข้ ถ้ายังไงก็นอนโรงพยาบาลสักคืนนะ หมอขอสังเกตุอาการก่อน ถ้าดีขึ้นแล้วค่อยกลับบ้านพรุ่งนี้นะ" โชคที่หน้าตาซีดเซียวเนื่องจากพิษไข้เล่นงาน ก็ต้องยอมแพ้นอนโรงพยาบาลตามที่หมอว่า
"หนูกับแม่เฝ้าพ่อก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยกลับบ้านพร้อมกันพรุ่งนี้" การที่จะมาโรงพยาบาลแต่ละครั้งก็ต้องจ้างคนข้างบ้านให้มาส่งและมารับ ค่าใช้จ่ายไปกลับแต่ละรอบเยอะพอสมควร คนตัวเล็กคำนวณดูแล้วว่าถ้าค่อยกลับพร้อมกัน พรุ่งนี้คงจะดีกว่า
"แต่หนูกำลังท้องอยู่ จะนอนตรงไหนคืนนี้" ก้อยเอ่ยคัดค้าน เพราะลำพังโรงพยาบาลรัฐมีความแออัดมากพออยู่แล้วข้างเตียงคนไข้ไม่มีที่พอจะให้นอนกันสามคนหรอก นี้ก็มีแค่เก้าอี้พลาสติกตัวเดียวสำหรับญาติเฝ้าไข้เตียงละคนเท่านั้น เธอไม่อยากให้ลูกสาวที่กำลังท้องอยู่ต้องมาอดหลับอดนอน
"ที่ระเบียงก็ได้จ๊ะ หนูเห็นคนนอนกันอยู่ได้ แค่คืนเดียวเอง ถ้าโทรให้น้านกมารับต้องจ่ายค่ารถอีก 500 ไหนจะพรุ่งนี้เช้าอีก 500 เพื่อให้มารับพ่อกับแม่ หนูอดทนสักคืนแล้วค่อยกลับพร้อมกันได้จ๊ะ" แก้มบุ๋มหันไปมองตรงที่นั่งพักเฝ้าคนไข้ ที่ริมระเบียง มันอาจจะไม่เหมาะสำหรับที่จะเป็นที่นอนหรอก แต่ในเมื่อเงินทุกบาททุกสตางค์ต้องประหยัด มันไม่มีทางเลือกให้คนจนอย่างเธอมากนักหรอก
"แค่คืนเดียว หนูนอนได้จ๊ะ แม่อย่าคิดมากนะ" เมื่อเห็นสายตาของพ่อกับแม่ ที่มองเธอด้วยความห่วงใย เธอก็รีบยืนยันเพื่อให้พวกเขาสบายใจ เด็กสาวสลับกันกับแม่ เพื่อเฝ้าไข้และเช็ดตัวคนเป้นพ่อ รอบนี้ถือว่าเขาแพ้คีโมหนักพอสมควร ร่างกายที่อ่อนแอ ผ่ายผอมอยู่แล้วยิ่งดูทรุดโทรมไปถนัดตา
"พ่ออย่าเพิ่งยอมแพ้นะจ๊ะ รอเจอหน้าหลานก่อน"
เธอพูดให้กำลังใจเบาๆ ทั้งที่ตัวเองก็กำลังไม่ไหว น้ำตาร้อนๆพาลจะไหลออกจากดวงตาคู่สวย ตอนนี้สองทุ่มผู้คนก็เริ่มทยอยไปจับจองที่นอนตรงระเบียง แก้มบุ๋มเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เธอไม่ได้เอนตัวลงนอนได้แต่นั่งพิงปูนเปล่าเปลือย หัวใจก็ล่องลอยไปไกล พลางลูบท้องตัวเองเบาๆ เจ้าก้อนของเธอสี่เดือนแล้ว ลูกสาวเสียด้วย รู้สึกใจเจ็บแปลบทุกครั้ง เธอไม่ได้ฝากครรภ์อะไรพิเศษเลย เพราะเธอไม่มีเงิน อาหารการกินหรือนมเนยก็แทบไม่ได้บำรุงลูกเลย แต่ก็ดีใจที่หมอบอกว่าลูกเธอทุกอย่างเป็นไปตามเกณฑ์แม้น้ำหนักตัวอาจจะน้อยไปนิดก็ตาม เขาบอกว่าเมียเขา ผู้หญิงคนที่สวยๆคนนั้นก็กำลังท้องอยู่ อยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะเอาใจใส่มากแค่ไหน แต่แก้มบุ๋มพยายามสลัดมันทิ้ง เธอไม่ควรจะคิดถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้น เขากับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกตลอดไป กลางคืนอากาศค่อนข้างหนาว คนตัวเล็กทำได้แค่ห่อตัวเข้าหากัน อย่าว่าแต่ผ้าห่มเลย คืนนี้แม้แต่หมอนจะรองศรีษะก็ไม่มี สภาพคนที่นอนอยู่ที่ระเบียงนี้ก็คล้ายคนไร้บ้าน เธออ่อนแอเหลือเกิน ได้แต่โทษโชคชะตาว่าทำไมใจร้ายกับเธอแบบนี้
"พี่เหนือค่ะ แสนอิ่มจนท้องจะแตกแล้วค่ะ อย่าบังคับให้แสนกินอีกเลย" แสนดีส่ายหน้า เมื่อพ่อเลี้ยงเหนือฟ้าพยายามจะยัดนมใส่มือเธอ ทั้งที่เธอเพิ่งทานข้าวเย็นที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่เหมาะสำหรับคนท้อง
"แต่พี่อยากให้ลูกๆแข็งแรง"
"พวกเขาแข็งแรงดีค่ะ ถ้าขืนทานมากกว่านี้ ลูกตัวใหญ่ไป แสนกลัวจะคลอดลำบาก" เนื่องจากเธอเป็นคนตัวเล็ก การอุ้มท้องแฝดและอยากคลอดธรรมชาติ อาจจะดูน่ากลัวนิดนึงสำหรับคนที่ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรหนักแบบเธอ
"พี่ตื่นเต้น ดีใจมาก นับรอจะเจอหน้าเจ้าแฝดจะแย่แล้ว โตไวๆนะลูก" ใบหน้าหล่อเหลาของพ่อเลี้ยงเหนือฟ้าตื่นเต้น เมื่อมองที่ท้องของแสนดีที่ขยายใหญ่ขึ้น วูบหนึ่งอดคิดถึงเด็กสาวผมสั้นคนนั้นไม่ได้ เธอก็บอกว่าเธอท้อง! แต่หลังจากนั้นก็หายหน้าหายตาไปเลย น่าแปลกที่ใบหน้าเศร้าสร้อยตัดพ้อของเธอ มันปรากฏรบกวนจิตใจเขาตลอดเวลา จนบางครั้งเขาอยากรู้เกือบจะสั่งลูกน้องให้ไปสืบเรื่องของเธอ แต่ความตื่นเต้นกับลูกในท้องของแสนดีมีมากกว่า ถ้าเธอท้องกับเขาจริง คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้หรอก แล้วอีกอย่างวันนั้นแฟนเธอก็มาด้วยตามที่ไอ้บอยบอกมา ป่านนี้คงไปเสวยสุขอยู่กันที่ไหนสักทีแล้วแหละ ไม่ควรจริงๆ ไม่ควรเสียเวลาไปใส่ใจ