ขอเอาคืนเสียหน่อย

1485 คำ
หลิงเฟิ่งที่อยู่ภายในห้อง นางมองหาสิ่งของที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้ ก็เห็นจะไม่มีสิ่งใดเลย ตอนที่สายตาของนางกำลังกวาดมองไปรอบๆ ป้าเหลียนก็เดินเข้ามาด้านใน “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง” ป้าเหลียนมองร่างผอมแห้งของหลิงเฟิ่งอย่างเห็นใจ “กรรมของเจ้าจริงๆ อาเฟิ่ง ภพหน้ามีจริง ให้เจ้าเกิดในตระกูลร่ำรวย มีครอบครัวที่รักเจ้าจริงก็แล้วกัน ชาตินี้ทำสิ่งใดไม่ได้แล้ว อากวนชั่วช้านัก กล้าขายลูกในไส้ของตน ให้เป็นเจ้าสาวร่วมหลุม” นางเปลี่ยนเสื้อผ้าไป ก็อดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ หลิงเฟิ่งได้ยินเสียงของคนกลุ่มมากที่กำลังเข้ามาภายในเรือนของนาง ป้าเหลียนก็ประคองร่างของนางขึ้นมา เพื่อให้นางเดินออกไปด้านนอก “เด็กดี เดินไหวหรือไม่ ข้าจะช่วยประคองเจ้าออกไป” หลิงเฟิ่งอยากจะกรีดร้องออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อเห็นคนจำนวนมากที่มายืนอยู่ที่กลางลานเรือน นางก็เริ่มจะตื่นตระหนกขึ้นมาจริงๆ แล้ว สายตาของนางมองไปรอบตัว ก่อนจะพบไม้ฟืนที่ถูกเก็บมาไว้แต่ยังมิได้เอาไปเก็บที่ห้องครัว หลิงเฟิ่งดันมือป้าเหลียนที่กำลังประคองนางออก ก่อนจะพุ่งตัวไปหยิบไม้ด้ามใหญ่มาถือเอาไว้ ทุกคนที่เห็นนางทำเช่นนั้นก็หยุดชะงัก พร้อมกับระวังตัวด้วยกลัวว่านางจะวิ่งเข้ามาทำร้าย “ก่อนไป ข้าขอเข้าคืนเสียหน่อย” นางได้แต่บ่นในใจ “อ๊ากกกกก” หลิงเฟิ่งร้องออกมาราวกับคนเสียสติ นางวิ่งไล่ตีบุรุษตระกูลหลี่ทั้งสามราวกับอยากจะให้เขาตายคามือของนาง ชาวบ้านที่มารับนางไปส่งที่จวนตระกูลซ่ง ได้แต่จ้องมองตาค้าง ไม่รู้จะเข้าไปช่วยทั้งสามคนเช่นไร “ตาย ตาย” นางทุบตีทั้งสาม พร้อมทั้งตะโกนออกมาด้วย ป้าเหลียนเองก็หยุดนิ่งอยากทำอะไรไม่ถูก ทุกคนได้แต่กลืนน้ำลายเสียงดัง ไม่รู้ว่าหลิงเฟิ่งที่ตัวเล็กเพียงนิดเดียวนางไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหน ทุบตีเสียจนบุรุษร่างใหญ่ร้องครวญครางเสียงดังลั่นไปทั่ว “ช่วยด้วย พวกเจ้ามาจับนางไปเร็วเข้า จะปล่อยให้นางตีพวกข้าตายก่อนหรือไม่ โอ๊ยยย” หลี่กวนร้องออกมา มือก็ปัดป้องไปด้วย “นังโง่ หยุดเดียวนี้ ข้าเป็นพี่ชายของเจ้า เจ้าลืมไปแล้วรึ โอ๊ยยย” หลี่เฉียงตะโกนเสียงดัง นางจึงตีไปที่แผ่นหลังของเขาเต็มแรง กล้ามาใช้คำว่าพี่ชายกับนางอีกรึ หลี่ซวง นับว่ายังฉลาดอยู่ที่เขาไม่ตะโกนด่าออกมา ได้แต่ร้องบอกให้หลิงเฟิ่งหยุดมือ ด้วยรู้ว่าหากตนด่าหลิงเฟิ่ง จะต้องถูกนางตีเช่นพี่ชายเป็นแน่ “พอแล้ว พอแล้ว” ป้าเหลียนรีบเข้ามาดึงมือของหลิงเฟิ่งเอาไว้ ชาวบ้านคนอื่นจึงได้เดินเข้ามาจับไม้ในมือของนางทิ้งไป “พานางออกไปเลย แล้วไม่ต้องเอามาคืน ถือว่าข้ายกนางให้ จะเอาไปฆ่าแกงที่ไหนก็ไป” หลี่กวนกุมหัวที่ปูดบวมของตนไว้ แล้วตะโกนออกมาใส่หน้าของหลิงเฟิ่ง หลิงเฟิ่งกลับไปมีสายตาที่เลื่อนลอยอีกครั้ง นางมองขึ้นแต่บนท้องฟ้า ด้วยกลัวว่าหากเผลอจ้องมองใบหน้าของคนทั้งสาม นางจะหลุดหัวเราะออกมาแทน “ไป ไป ข้าจะไปส่งเจ้าเอง ไม่ต้องกลัวนะอาเฟิ่ง พวกเจ้าถอยห่างออกไป คนมากนางตกใจ จึงได้พลั้งมือทำร้ายเช่นนี้” ป้าเหลียนกึ่งประคองกึ่งลากตัวหลิงเฟิ่งเดินออกจากเรือนตระกูลหลี่ไป ชาวบ้านต่างก็แปลกใจ หากนางตื่นกลัวคนจำนวนมากจริง เหตุใดถึงเลือกทำร้ายเพียงแค่คนในตระกูลหลี่ แต่คนนอกไม่มีผู้ใดที่ได้รับบาดเจ็บเลยสักคน เรือนของตระกูลซ่งอยู่ห่างจากเรือนของตระกูลหลี่ถึงสองลี้ (1ลี้=500เมตร) หากหลิงเฟิ่งนางไม่ได้ดื่มน้ำวิเศษมาก่อนหน้านี้ นางคงเดินต่อไปไม่ถึงแน่ ชาวบ้านที่อยู่ภายในเรือนตระกูลซ่งมิได้มากนัก เรียกได้ว่าคนทั้งหมดที่มาร่วมงานก็คือคนที่ไปรับนางมาจากเรือนตระกูลหลี่ “จูซื่อ ต้องกราบไว้ฟ้าดินหรือไม่” ป้าเหลียนเดินเข้าไปถามสตรีวัยกลางคนที่ใบหน้าหมองเศร้า นางกำลังพูดคุยกับชาวบ้านอยู่ “ไม่ต้อง อาหยุนคงจะลุกออกมาไม่ไหว” พอนางพูดถึงบุตรชาย น้ำตาของนางก็ดูจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ลำบากเจ้าแล้วเฟิ่งเออร์ อย่าได้กล่าวโทษข้าเลย ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการเช่นนี้” นางเดินเข้ามาลูบหัวหลิงเฟิ่งอย่างเห็นใจ หลิงเฟิ่งลืมตัวว่านางเป็นสตรีไม่สมประกอบอยู่ นางจึงเผลอจ้องมองจูซื่อ แม่สามีของนางอย่างตั้งใจเกินไปหน่อย จูซื่อเมื่อเห็นแววตาของหลิงเฟิ่งดูเหมือนคนทั่วไป มิใช่เลื่อนลอยเช่นตอนแรก ก็แอบสงสัยอยู่ในใจ หลิงเฟิ่งจึงได้แกล้งยิ้มจนตาหยีออกมา พร้อมทั้งมองขึ้นไปบนฟ้า แล้วชี้ไม้ชี้มือแทน “หากอาหยุนรอดมาใช้ชีวิตได้ ข้าจะดูแลเจ้าตลอดชีวิตอย่างดี พานางเข้าไปในห้องของอาหยุนเถิด” หลิงเฟิ่งถูกป้าเหลียนและจูซื่อประคองเข้าไปในเรือน ฝ่าเท้าของนางดูจะก้าวไม่ค่อยออก เมื่อผู้เป็นมารดาร้องไห้ออกมาเช่นนี้แล้ว ตัวลูกชายของนางก็คงจะไม่รอดจริงๆ หลิงเฟิ่งขืนตัวจนสตรีอีกสองคนต้องเข้ามาช่วยกันลากนางเข้าไปในห้อง แล้วลงกลอนจากด้านนอกขังนางเอาไว้ “...” หลิงเฟิ่ง ยืนแข็งทื่ออยู่หน้าประตู นางลองดันดูก็พบว่าด้านนอกถูกลงกลอนไว้เสียแล้ว แค่ก แค่ก เสียงไอราวกับจะให้ลูกกระเดือกกระเด็นออกมาด้วยของคนป่วยบนเตียง ทำให้หลิงเฟิ่งเลิกดันประตูให้เปิดออก แล้วหันไปมองเขาแทน ร่างกายของซ่งชุยหยุน มิได้ผอมแห้งเช่นที่นางคิด เขาดูรูปร่างสมส่วน หากไม่เห็นใบหน้าที่ไร้สีเลือด กับการไอที่รุนแรง นางไม่มีทางเชื่อแน่ว่าเขากำลังจะตาย “เฟิ่งเออร์...เจ้ามาทำอันใด หรือว่า...” เขามองนางอย่างสงสัย แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่ามารดาได้บอกว่าจะหาหญิงสาวมาลงหลุมไปพร้อมกับเขา จึงได้เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงมาอยู่ในห้อง แต่ท่าทางของหลิงเฟิ่งตอนนี้ ไม่เหมือนหญิงบ้าที่วิ่งไปทั่วหมู่บ้าน แล้วนั่งเล่นดินโคลนที่เขาเคยพบเจอ แววตาของนางไม่ได้เลื่อนลอยเช่นเดิมอีกแล้ว แต่นางกำลังมองพิจารณาเขาอยู่ “หากเจ้ากลัว ข้าจะบอกท่านแม่ให้พาเจ้ากลับไปส่งที่เรือน ข้าไม่ต้องการให้เจ้าลงหลุมไปพร้อมกับข้า” เขามองนางอย่างเห็นใจ แม้สิ่งที่เขาพูดนางจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ชุยหยุนก็ไม่ได้อยากให้นางต้องมาตายไปพร้อมกับเขา “...” หลิงเฟิ่งยังเม้มปากแน่น ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา นางเคยมีประสบการณ์มาก่อน หากนางพูดเรื่องความลับออกไป เขาจะเป็นเหมือนเช่นตระกูลหลี่หรือไม่ แต่หากนางไม่ช่วยเขา แล้วเขาตายลงภายในวันนี้ ไม่ใช่ว่านางจะต้องถูกสังหารแล้วลงหลุมไปพร้อมเขาด้วยรึ “ทะ ท่านแม่ ท่านพาเฟิ่งเออร์ออกไปเถิด อย่าได้ทำกับนางเช่นนี้” ชุยหยุนรวบรวมเสียงทั้งหมดที่มี ตะโกนออกไปให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน “อาหยุน แม่จ่ายเงินซื้อตัวนางมาแล้ว หากเจ้าผ่านคืนนี้ไปได้ แม่จะไม่ทำอันใดนาง แม่จะดูแลนางเอง” จูซื่อสะอื้นไห้ออกมา นางหมดความหวังแล้ว หมอในเมืองก็ไม่อาจช่วยยื้อชีวิตของชุยหยุนต่อไปอีกได้ ได้แต่ให้นางพาเขากลับมาที่เรือน เพื่อให้ทำใจ ด้วยไม่แน่เขาอาจจะไม่สามารถผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ “ข้าจะอดทนจนกว่าจะผ่านคืนนี้ เจ้าไม่ต้องห่วง” เมื่อเห็นสายตาของหลิงเฟิ่งที่ดูจะเป็นกังวล ชุยหยุนได้แต่พูดปลอบใจนาง แม้เขารู้ดีว่าร่างกายของเขาไม่อาจจะผ่านคืนนี้ไปได้แล้ว “...” หลิงเฟิ่งนางไปนั่งอยู่กับพื้นข้างมุมห้อง นางต้องการครุ่นคิดหาทางรอดเสียก่อน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม