บทที่ 6
ต้องจูบบ่อยๆ
“…พี่เฟรเดอริก”
“มาอยู่นี่เอง พี่ตามหาตั้งนาน”
…พะ พี่เหรอ?...
“อ้าว คุณมิลเลอร์นี่เอง รู้จักกันเหรอครับ?”
“ท่านสส. ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ทันได้สังเกต พอดีเอาแต่ตามหาตัวเล็ก”
“ตัวเล็ก?”
“อ่า” เฟรเดอริกโอบไหล่อากาเนะ ก่อนจะแนะนำอย่างเป็นทางการ “ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่หมั้นของผมเองครับ”
“ที่เขาว่าคุณมิลเลอร์มีคู่หมั้นแล้ว เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย?”
“ครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่พาเธอมาโดยที่ยังไม่พร้อม…” ขาจงใจเอ่ยเน้นคำว่า ‘ยังไม่พร้อม’ เพราะมีหลายคนที่พาคู่หมั้นมาเพื่อส่งให้กับสส.คนนี้อยู่เหมือนกัน “พอดีเซเลียอยากเจอสส.มาก ผมก็เลยมากับเธอ ส่วนตัวเล็กก็ให้มากับเพื่อนน่ะครับ เธอเพิ่งมาจากต่างจังหวัด ผมไม่อยากปล่อยเธอไว้คนเดียว”
“อ่า งั้นเหรอ… แต่ถึงจะเด็ก ฉันก็ไม่คิดมากหรอกนะ”
เฟรเดอริกไม่ตอบอะไร ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ตอบรับ ทว่าแขนแกร่งโอบไหล่คนตัวเล็กเอาไว้ไม่ยอมปล่อยก็เป็นคำตอบภาษากายได้ดี
“ก็ได้ ถ้าโตกว่านี้… ก็มาหาฉันล่ะ ลัดคิวมาได้เลย” พูดจบสส.คนนั้นก็เดินจากไปอย่างเสียดาย โชคดีที่เขาไม่ใช่คนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ เขารู้จักที่จะปล่อยมือจากสิ่งที่ยังเอามาไม่ได้หากไม่ถึงเวลา แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เพราะแบบนั้นเขาถึงไต่เต้าขึ้นมาเป็นถึงสส.ในตอนนี้
คว้าโอกาสในตอนที่มีโอกาส รู้จักปล่อยเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมากกว่ายึดติดจนเสียทุกอย่าง
หลังจากนั้นพายและอากาเนะก็ถอนหายใจ
“ขอโทษนะ เกือบแย่เลย”
“ไม่เป็นไร ไม่แย่สักหน่อย”
“ไม่แย่เหรอ?” แต่แล้วเสียงเย็นยะเยือกของเฟรเดอริกก็ทำลายบรรยากาศ รอยยิ้มเมื่อครู่ราวกับถูกแช่แข็งจนมันดูน่าตลกไปเลย ชายหนุ่มกดสายตามองคนตัวเล็กที่ค่อยๆ หันหน้าไปหาเขา เมื่อสบตากันอากาเนะก็รีบหลบสายตาทันที เฟรเดอริกย้ายสายตาไปมองพายก่อนจะเอ่ย “ไปที่ระเบียง”
แล้วเฟรเดอริกก็โอบคนตัวเล็กไปที่ระเบียงโดยมีพายเดินตามมาด้วย
“อธิบายมา” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำมองดูชายหญิงทั้งสอง
คนที่ควรจะอยู่ที่คอนโด ทำไมตอนนี้มาอยู่ที่งานเลี้ยงกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้ นั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะถามออกไปจริงๆ แต่กลับไม่ยอมพูดออกไป
จากนั้นพายก็เป็นสุภาพบุรุษในการยอมรับความผิดทั้งหมด เฟรเดอริกถอนหายใจก่อนจะไล่เขา ตอนนี้จึงเหลือแค่ตัวเขาและอากาเนะแค่เพียงสองคน โดยมีดีนและชานนท์ผู้เป็นเลขาเฝ้าอยู่ด้านหน้า
“จะมาที่นี่ทำไมไม่บอก?”
“หนูบอกแล้วนะคะ หนูบอกว่าจะกลับดึกเพราะไปเที่ยวกับเพื่อน”
“บอก? บอกตอนไหน?”
“กับพี่ดีนค่ะ ปกติหนูก็บอกผ่านพี่ดีนตลอด”
...ไอ้ดีน...
“คราวหน้าคราวหลังจะกลับบ้านดึก หรือจะไปไหนดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ โดยเฉพาะกับงานสังคมจะต้องบอกฉันก่อน เบอร์ก็มีโทรมาเลยก็ได้”
“ไม่มีค่ะ...”
“ฮะ?”
“หนูไม่มีเบอร์พี่สักหน่อย”
“เอาโทรศัพท์มา”
เธอทำตามอย่างว่าง่าย ยื่นโทรศัพท์ให้เขา ชายหนุ่มจัดการเมมเบอร์ของตัวเองก่อนจะยื่นกลับมาให้เธอ
“คราวหลังให้โทรบอกฉัน ไม่ต้องบอกผ่านดีนแล้ว เข้าใจมั้ย?”
“ค่ะ...”
หลังจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ลมเย็นๆ พัดผ่านกระทบผิวกาย แต่ไม่ส่งผลให้อากาเนะรู้สึกหนาวเลยสักนิด แม้เธอจะอยู่ในชุดราตรีเปิดไหล่ก็ตาม เพราะผู้ชายเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งอยู่ตรงหน้าเธอแบบนี้ อากาศหนาวใดๆ ก็ไม่น่าจะหนาวเย็นเท่าเขา
ควับ
ทว่าเสื้อสูทสีดำสนิทก็ถูกเฟรเดอริกตวัดเข้าคลุมร่างบอบบางเอาไว้ หญิงสาวเผลอตัวช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายกับความหวังดีที่ไม่รู้จุดประสงค์แน่ชัด เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย จนอากาเนะเริ่มไม่รู้แล้วว่าควรรับมือกับเฟรเดอริกอย่างไร
ก่อนหน้านี้แค่อยู่เงียบๆ อยู่อย่างสงบเสงี่ยม แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็เหมือนจะโดนดุไปหมดเลย...
...หรือจะขอร้องให้พี่เขาส่งกลับบ้านดีนะ...
“คือว่าถ้าต่อไปหนูทำอะไรผิด พี่เฟรเดอริก...” เสียงหวานหยุดลงกะทันหันเมื่อมือหนาสัมผัสที่ข้างแก้มของเธออย่างแผ่วเบา ประคองให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
“พูดต่อสิ”
“เอ่อ” คนตัวเล็กหลบสายตาด้วยความประหม่า นัยน์ตาดำที่ดูดุดัน วันนี้กลับมีบางอย่างที่แปลกไป มันพาให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเหลือเกิน “...ถ้าหนูทำอะไรผิด ต่อไปพี่เฟรเดอริกช่วยบอกหนูตรงๆ ได้มั้ยคะ?”
“อย่างแรก...” คราวนี้มือหนาทั้งสองประกบสองข้างแก้มใส แล้วประคองให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา แต่ถึงจะเงยหน้าขึ้นนัยน์ตากลมก็หลบหลีกได้อยู่ดี เธอไม่กล้าสบตากับเขาเลย “เวลาพูดให้สบตากับคนพูด มันเป็นมารยาท ไม่รู้เหรอ?”
“ขอโทษค่ะ ต่อไปหนูจะพยายาม” แม้จะพูดแบบนั้นแต่อากาเนะก็ยังไม่ดึงดวงตาขึ้นมองคนตัวสูงอยู่ดี จึงไม่รู้ว่าตอนนี้บนใบหน้าคมคายประดับไปด้วยรอยยิ้ม โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
...น่าจูบชะมัด...
ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศหรือเพราะอะไร แต่ท่าทางของเธอทำให้เขารู้สึกอยากจูบเหลือเกิน เขาอยากเห็นพวงแก้มแดงๆ อยากเห็นริมฝีปากบวมเจ่อเพราะเขา อยาก... ตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากนั่น
“เป็นคู่หมั้นต้องจูบบ่อยๆ รู้มั้ย?”
“คะ? แต่ว่าพี่เฟรเดอริกเป็นคนบอกเองว่า...”
“ไม่มีหลักฐาน”
“อื้อ!”
จบถ้อยคำนั้นชายหนุ่มก็กดริมฝีปากบดเคล้ากลีบปากอวบอิ่มแนบแน่น ยังคงไม่ยอมรับการ ‘ขีดเส้น’ ตั้งแต่แรกเจอที่เขาเป็นคนพูดเอาไว้เอง
เรียวลิ้นสอดแทรกเข้าสู่โพรงปากหวานฉ่ำอย่างง่ายดายโดยอาศัยช่วงที่อากาเนะตกใจ ดูดดื่มเรียวลิ้นเล็กๆ เข้าสู่โพรงปากของตัวเอง ตักตวงความหอมหวานอย่างที่ต้องการ ประคองสองข้างแก้มให้อากาเนะแหงนหน้าขึ้นรับจูบอย่างดูดดื่ม
ปลายลิ้นรับรสขมและหวานนิดๆ ของไวน์ราคาแพง อากาเนะเข้าไม่ถึงกับรสชาติของเครื่องดื่มราคาแพงเลยสักนิด เธอว่ามันขมและพาให้มึนหัวไปหมด มือเล็กจิกอกเสื้อของชายหนุ่มและออกแรงดันแผงอกกว้างเต็มแรงทั้งหมดที่มี แม้จะรู้ว่ามันเปล่าประโยชน์ก็ตาม
เธอถูกเขาผลักติดชิดกับระเบียงจนกลัวว่าจะตกลงไปข้างล่าง ในขณะที่กำลังหวาดหวั่นว่าจะมีคนมาเห็นและกลัวตกไปข้างล่างอยู่นั้น เฟรเดอริกก็อุ้มคนตัวเล็กให้นั่งอยู่บนระเบียง ทำเอาเธอรีบโอบกอดรอบลำคอของเขาเพราะกลัวตก กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งสองแนบชิดกันมากกว่าเดิม อาศัยช่วงเวลาที่สาวเจ้าตัวไม่ทันระวังดูดดื่ม ตักตวงอย่างคนฉวยโอกาส
จูบเร่าร้อนไม่ยอมจบลงโดยง่ายแม้ว่าอีกฝ่ายจะเริ่มหายใจติดขัด เขาใจดีถอนริมฝีปากออกแค่เพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น แล้วเอียงองศาใบหน้าเพื่อจูบเธอให้ลึกซึ้งมากกว่าเดิม มือหน้าที่ประคองสองข้างแก้มเปลี่ยนเป็นโอบเอวบางเพื่อกันไม่ให้เธอตกจากระเบียง และกดท้ายทอยเล็กให้ก้มหน้าลงมาจูบกับเขาอย่างไม่ขาดตอน
เรียวลิ้นพลิกไปพลิกมาเพื่อสำรวจด้านในอย่างอยากรู้อยากเห็น ดูดดื่มอย่างคนหื่นกระหายจนเกิดเสียงน่าอายดังให้ได้ยิน
เสียงของเซเลียที่อยู่ด้านนอกดังเข้ามาด้านใน ทำให้เฟรเดอริกรู้สึกไม่พอใจเอาเสียเลย แต่เขาก็ยังไม่ยอมถอนจูบออก ยิ่งขยับริมฝีปากบดเคล้าจูบอย่างดูดดื่มมากขึ้น ส่วนอากาเนะเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนจะเข้ามาเธอก็ยิ่งดิ้น แต่พื้นที่ของเธอมีจำกัด หากดิ้นมากเข้าอาจจะหงายหลังตกระเบียงก็เป็นได้ จึงคิดจะใช้แผนเดิมนั่นก็คือการกัดริมฝีปากของอีกฝ่าย ทว่า...
งับ!
“อ๊ะ!?” เฟรเดอริกรู้ทัน เขาดึงปากของตัวเองออกมาก่อนที่อากาเนะจะได้กัด แล้วงับกลีบปากล่างของเธอแทน เมื่อเธอพยายามจะดึงหน้าหนีเขากยิ่งกัดแรงไม่ยอมปล่อย