สามชั่วโมงผ่านไป..
ผู้คนในร้านยังคงครึกครื้นดังเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือส่วนมากมักเมากันแล้วไม่เว้นแม้กระทั่งสี่สาวนิติศาสตร์ที่ตอนนี้เริ่มคุยไม่รู้เรื่องแล้ว
“นี่! แกรู้ไหมว่าแฟนเก่าฉันแต่ละคนโคตรของโคตรเหี้ยเลย!” น้ำเสียงอ้อแอ้ของอังเปาเริ่มดังขึ้นตามอารมณ์ฉุนเฉียวของเธอที่เก็บสะสมไว้นาน
“แม่งนอกใจฉันหมดเลยเว้ย ฉันรักให้ตายแค่ไหนพวกมันก็ไม่เคยรักฉันจริงๆ เลย พอเจอกลิ่นใหม่ที่หอมกว่าแม่งก็ทิ้งกันไปหมด”
คนตัดพ้อกระดกดื่มเบียร์ไปอีกหนึ่งแก้วก่อนจะวางแก้วกระแทกโต๊ะ
“ไอ้เขื่อนกูว่ากลับเถอะ ไม่น่าไหวแล้วว่ะ”
โยธามองสภาพสี่สาวก็เริ่มกุมขยับ คนหนึ่งก็ตัดพ้อร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด อีกคนก็หลับปุ๋ยในอ้อมกอดเขาไปแล้ว ส่วนลูกตาลตอนนี้ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ทั้งขนมผิงยังนั่งเมาแอ๋ตาเยิ้มจ้องแต่จะกินเนื้อของนะโมที่ดันคิดว่าเป็นขนมโมจิอีก
“งั้นกูไปหาลูกตาลก่อน ส่วนมึงเฝ้าสามสาวไปนะ” เขื่อนเอ่ยจบก็รีบลุกไปยังห้องน้ำหญิง
มาถึงก็เจอลูกตาลนั่งตาปรือเหมือนคนไร้สติอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องน้ำ
“ลูกตาล” หนุ่มรุ่นพี่รีบเดินเข้าไปสะกิดแขนเรียกสติรุ่นน้องของตัวเอง
“อ้าวพี่เขื่อน แน่ะมาห้องน้ำหญิงส่องสาวเหรอพี่”
“กูมาตามมึงครับน้อง ไปเร็วเขาจะกลับกันแล้ว”
“ปายหนาย! ไม่ไป!” เขื่อนพยายามจะดึงแขนลูกตาลให้ลุกขึ้นแต่ทว่าสาวห้าวคนนี้กลับดื้อสะบัดมือเขื่อนเสียงั้น
“เอาไงดีวะ แบกไปเลยดีไหมวะเนี่ย”
เขื่อนลังเลอยู่นานว่าจะทำอย่างไร เพราะแม้ลูกตาลจะเป็นสาวแมนแสนห้าวแต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นผู้หญิง เขาเองก็ไม่อยากล่วงเกินเธอตอนเมานัก
ครืดดดด
ระหว่างอยู่ในช่วงกำลังตัดสินใจโทรศัพท์ในมือลูกตาลก็สั่นพร้อมปรากฏแสงวูบวาบขึ้นบนหน้าจอ
สายเรียกเข้าจาก...ไอ้ควาย
เขื่อนมองที่หน้าจอโทรศัพท์รุ่นน้องซึ่งยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรลูกตาลก็เงยหน้ามองเขาก่อนจะเอานิ้วชี้ทาบลงบนริมฝีปากเป็นสัญญาณให้เขาเงียบ หลังจากนั้นก็กดรับสายแต่ด้วยความเมามือเธอจึงพลาดไปกดเปิดลำโพงจนเขื่อนได้ยินเสียงจากปลายสายด้วย
“ฮานโหลว!”
(มึงเมาเหรอตาล)
ปลายสายกระแทกเสียงดุซึ่งเป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่ฟังดูไม่สบอารมณ์นัก
“อารายย ม่ายมาว อึก!”
(มึงอยู่ไหน)
“อยู่...อยู่ไหนน้าไม่รู้อ่า อยู่หน้าห้องน้ำ”
เขื่อนสะกิดลูกตาลขยับปากเอ่ยถามว่าปลายสายเป็นใครโดยไม่ออกเสียง
“อะไรนะหนูไม่ได้ยิน”
(มึงคุยกับใครลูกตาล)
“ปลาย สาย เป็น ใคร” เขื่อนกระซิบเสียงเบาพร้อมขยับปากงับทีละคำให้ลูกตาลเข้าใจ
“อ๋อ ไอ้ควายนี่นะเหรอ...เพื่อนสนิทหนูเอง”
ประโยคท้ายเบาเสียงลงก่อนจะหลุบตามองต่ำ ซึ่งทันใดนั้นเองมือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็อ่อนแรงลงจนเกือบทำโทรศัพท์หล่น โชคดีที่เขื่อนคว้าไว้ได้ทัน
เมื่อเห็นวาลูกตาลเริ่มทิ้งตัวไม่ไหวแล้วเขื่อนก็รีบแทรกตัวไปนั่งข้างๆ ให้คนน้องพิงไหล่ตัวเองก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับปลายสาย
“ฮัลโหลครับ”
(มึงเป็นใคร แล้วอยู่กับลูกตาลได้ไง)
“แล้วมึงเป็นใครสนิทกับลูกตาลมากไหม”
(กูเป็นเพื่อนสนิทตาล)
“มึงไว้ใจได้ไหม”
(ได้มากกว่ามึงแน่นอน ตาลอยู่ไหนกูจะไปรับ)
เขื่อนตัดสินใจส่งที่อยู่ของร้านให้คนปลายสายซึ่งเซนส์บางอย่างบอกเขาว่าไอ้ควายคนนี้ไว้ใจได้
หลังจากวางสายแล้วเขื่อนก็อุ้มร่างลูกตาลที่หมดสติไปแล้วกลับไปยังโต๊ะที่ตอนนี้โชคดีมีเดย์มาเพิ่มอีกคน
“ไอ้เดย์เพื่อนรัก ในที่สุดมึงก็มา” เขื่อนวางร่างลูกตาลให้นั่งพิงร่างอังเปาซึ่งตอนนี้นั่งฟุบหลับกับโต๊ะไปแล้ว
“เอาไงต่ออ่ะ” เดย์เอ่ยถามหลังจากมองสภาพสาวๆ แล้วแทบอยากจะกุมขยับอีกคน
“กูดูแลนะโมเอง ส่วนเดย์มึงเคยไปบ้านน้องขนมผิงดังนั้นหน้าที่ส่งน้องเป็นของมึง และอีกสองคน...มึงในฐานะรุ่นพี่คณะก็ดูแลไปนะเขื่อน” โยธาแจกแจง
“เดี๋ยวดิ! ไหงกูได้สองคนวะ”
“ก็มึงเป็นพี่คณะไง”
“เหอะๆ แต่ไม่เป็นไรกูหาคนมารับลูกตาลได้ละ”
“ใครวะ ไว้ใจได้เหรอ”
“ไม่รู้ว่ะ แต่เมื่อกี้เขาโทรหาลูกตาลกูเลยสั่งให้มารับ”
“ไอ้บื้อแล้วถ้าแม่งเป็นคนไม่ดีขึ้นมาทำไงหื้ม” เดย์เอ็ดเพื่อนสนิทของตัวเอง
“ก็นี่ไง พวกมึงก็ช่วยกูดูตอนมันมาไง เจอกันครั้งแรกดีหรือไม่ดีมันดูออกเว้ย อีกอย่างให้กูดูแลสองคนไม่ไหวนะแม่งหลับแพ็คคู่ด้วย”
คุยไปคุยมาทั้งสามหนุ่มก็นั่งที่โต๊ะรอชายหนุ่มอีกคน ซึ่งประมาณสิบนาทีเขาก็มาถึง
“ลูกตาลล่ะ” มาถึงโต๊ะคนใจร้อนก็รีบถามหาเพื่อนสนิท
“เดี๋ยว! มึงชื่ออะไรอยู่ปีไหนเรียนคณะอะไร” ก่อนเข้าถึงตัวลูกตาลชายหนุ่มผู้มาเยือนใหม่ก็ถูกเขื่อนดักทางไว้พลันเอ่ยเสียงเข้มคุยกับเขา
“เพิร์ธ ปีสอง คณะสถาปัตย์”
เอ่ยจบก็ปัดมือรุ่นพี่ที่ขวางตัวเองไว้ก่อนจะเดินเข้าไปพยุงร่างลูกตาลขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วเดินจากไป
“แม่งมาเร็วไปเร็วสัส” เขื่อนพึมพำมองตามหลังเพิร์ธและลูกตาลที่ออกจากร้านไปก่อน
“ป่ะกลับ ส่วนมึงดูแลอังเปาดีๆ นะเว้ยขืนมึงทำอะไรน้อง นะโมเอากูตายแน่”
โยธาย้ำเขื่อนด้วยน้ำเสียงแข็งแม้จะไว้ใจเพื่อนแต่ก็อดไม่ได้ที่จะย้ำมันอีกครั้ง
“เออกูไม่พิศวาสอังเปาหรอก อย่าลืมว่ากูชอบน้องมึงอยู่”
“ไอ้เขื่อน!” คนหวงน้องทำท่าแยกเขี้ยวใส่เพื่อน
แม้โยธาจะรู้ดีว่าเขื่อนชอบสายน้ำน้องสาวตัวเองแต่เขาก็ยังไม่อยากได้เพื่อนคนนี้มาเป็นน้องเขยนัก ในสายตาเขาสายน้ำยังเด็กและน่าทะนุถนอมเกินกว่าจะปล่อยให้ไปอยู่ในมือเพื่อนคนนี้
“เฮ้อแอบชอบน้องสาวเพื่อนนี่ลำบากจริงวุ้ย หวงฉิบหาย”
“เลิกบ่นแล้วรีบพาอังเปากลับได้ละ ส่วนเดย์กูไว้ใจมึงนะแต่ถ้ามึงไม่ยอมห้ามใจตัวเองทำอะไรน้องคงรู้นะว่าผลที่จะได้รับคืออะไร”
“เออกูไม่ทำอะไรน้องหรอก ถึงอยากทำกูก็ไม่ทำไม่ต้องห่วง” จบประโยคเดย์ก็พยุงร่างขนมผิงขึ้นก่อนจะอุ้มหญิงสาวในท่าเจ้าหญิงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล
“เมาแบบนี้ได้ไงหื้ม ไม่น่ารักเลยนะคะขนมผิง”
คาดเข็มขัดให้คนน้องเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเธอ เพราะถึงอย่างไรเสียเธอก็เป็นเด็กผู้หญิงทั้งยังมีหน้าตาน่ารักมากด้วย หากไม่ดูแลตัวเองเช่นนี้อาจเกิดอันตรายง่ายๆ ได้เลย
“ผิงไม่น่ารักเหรอ...” ปากเล็กขยับพึมพำทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิท
“ทำไมพี่อาทิตย์ไม่สนใจผิงเลย ไม่ให้ผิงกินขนมผิงก็ไม่กิน ไม่ให้ผิงพูดมากผิงก็ไม่พูด แล้วทำไมถึงยัง...” เสียงพึมพำดังแผ่วพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา
“เขาไม่คู่ควรกับผิงเลยสักนิด”
เดย์ทาบมือใหญ่ลูบหัวคนน้องเบาๆ ก่อนจะช่วยเกลี่ยคราบน้ำตาออกจากใบหน้า
หมับ!
ร่างสูงชะงักนิ่งเมื่อจู่ๆ ขนมผิงก็ยกมือขึ้นมาจับมือเขาไว้ ไม่นานดวงตากลมคู่สวยก็ลืมตาขึ้นช้าๆ
“ลูกตาลเหรอ...คืนนี้ฉันขอนอนด้วยนะ กลับบ้านสภาพนี้แม่ฉันต้องด่าเละแน่”
พรึ่บ!
เอ่ยจบประโยคคนเมาก็หลับไปอีกครั้ง จังหวะนั้นเองหัวใจของเดย์ก็เต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเพราะเมื่อครู่นี้ขณะที่ขนมผิงลืมตาใบหน้าของเขาและเธอห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งเขายังได้กลิ่นหอมยั่วยวนจากตัวเธออีก
เดย์หยัดตัวกลับมานั่งหลังตรงที่เบาะนั่งคนขับก่อนจะหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่เบาะหลังคลุมร่างขนมผิงไว้ ซึ่งวันนี้เธอใส่เป็นชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูสั้นเหนือเข่าที่มีเสื้อคลุมตัวเล็กสีเดียวกันคลุมไหล่ไว้ แต่ทว่าหลังจากขึ้นรถเธอกลับบ่นร้อนและถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นผิวขาวเนียนช่วงหัวไหล่
“รอหนูได้สติคืนมาพี่ต้องดุหนูสักหน่อยแล้วนะขนมผิง”