เสียงเปิดประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้ไมอาที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำต้องชะงักฝีเท้า
ธีสิสยืนพิงกรอบประตูด้วยสีหน้าสบายๆ ดวงตาคมไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าในเสี้ยววินาที ก่อนจะหยุดสายตาอยู่ที่ขาของเธอที่เดินกะเผลกอย่างเห็นได้ชัด
“ยังเดินได้อยู่นิ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ไมอาเงยหน้าขึ้นสบตาเขาในวินาทีที่หัวใจบีบรัดแน่น เธอเบือนหน้าหนีพร้อมกับเดินกะเผลกกลับไปยังเตียง ก่อนที่ริมฝีปากสีระเรื่อจะขยับเอ่ยเสียงเรียบ
“หมดหน้าที่ของไมอาแล้วใช่ไหมคะ” เธอหันกลับไปมองเขาที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ภายในใจแอบหวาดหวั่นว่าเขาจะทำแบบเมื่อคืนกับเธออีกหรือเปล่า “ถ้าหมดหน้าที่แล้วไมอาจะกลับค่ะ”
เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาคมกริยจับจ้องไปที่ไมอา มองสำรวจร่างกายที่บอบช้ำจากฝีมือของเขา รอยพวกนั้นไม่ได้ทำให้คนทำรู้สึกผิดหากแต่พอใจแทน ก้านนิ้วแตะสัมผัสรอยช้ำบนร่างบางเบาๆ ในขณะที่ไมอาเผลอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ รีบถอยกรูดออกห่าง
ธีสิสเลิกคิ้วพลางเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจที่เห็นท่าทีหวาดระแวงของเธอ
“กลัวฉันเหรอ?” เขาถามเสียงนุ่ม
“เปล่าค่ะ” เธอตอบกลังด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่กล้าสบสายตากับเขา “พี่ธีสิสยังไม่ตอบเลย หมดหน้าที่ของไมอาแล้วใช่ไหมคะ”
“ฉันต้องตอบยังไง ในเมื่อตอนนี้ฉันเริ่มเ****นขึ้นมาอีกรอบแล้ว”
“ตะ…แต่เมื่อคืนเราเพิ่งทำกันมานะคะ” เธอพยายามโต้แย้งกลับ สายตาของเขาที่มองมาราวกับจ้องจะกินเธอเข้าไปทั้งตัว
เมื่อคืนเพิ่งทำไปแท้ๆ
“เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืน วันนี้ก็ส่วนวันนี้” เขาพูดพลางเดินไปหย่อนตัวนั่งลงโซฟาที่ติดกระจกใสสามารถมองเห็นวิวสนามแข่ง สายตามองไมอานิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความกดดัน
“พี่ธีสิสคะ ไมอาไม่ไหวแล้วจริงๆ” เธอหวังว่าเขาจะยังมีความเห็นใจเธออยู่บ้าง
“ฉันมีตัวเลือก ใช้ปากทำให้ฉันแตก กับโดนเอ็นของฉันกระแทกหนักๆ เหมือนเมื่อคืน เธอเลือกอะไร”
ตัวเลือกไหนเธอก็ไม่ชอบทั้งนั้น…
แต่ถ้าต้องเลือกจริงๆ เธอขอเลือกที่ทำให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุดก็แล้วกัน เธอก้าวเข้าไปนั่งย่อตัวลงพื้นเย็นเฉียบต่อหน้าเขา
“ไมอาขอใช้ปากนะคะ” ตรงนั้นของเธอยังไม่หายดี หากเขาซ้ำเติมเข้ามามีหวังแหกแน่นอน ลำพังตอนนี้ยังเดินและลุกนั่งลำบาก บางทีนี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเธอก็ได้
ธีสิสไม่ตอบ เพียงแค่เอนตัวพิงพนักโซฟา สายตาพิศมองไมอาที่นั่งอยู่พื้นเบื้องหน้าราวกับ ‘สัตว์เลี้ยงเชื่องๆ’
ไมอาเม้มปากแน่นอย่างรู้สึกอึดอัดในความเงียบของธีสิส ต่อให้เขาไม่พูดเธอก็รู้หน้าที่ของตัวเองดีว่าต้องทำอย่างไรต่อ
•••
ปัง…
เสียงปิดประตูคอนโด เธอเดินกะเผลกไปยังเตียงนอนแล้วค่อยๆ นั่งลงบนฟูก ก่อนกลับมาที่นี่เธอได้ตกลงกับธีสิสแล้วว่าขอใช้ชีวิตเหมือนเดิม ถ้าหากเขาต้องการเรียกเธอไปหาได้เสมอ
ความปวดร้าวบนร่างกายย้ำเตือนให้เธอจดจำได้ทุกวินาทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอมองเพดานสีขาวด้วยสายตาเลื่อนลอย รู้สึกเหมือนร่างกายไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป
เธอหลับตาลง หัวใจรู้สึกหนักอึ้งจนแทบจะร้องไห้ออกมาแต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะปลดปล่อยหยดน้ำตา
“ฉันต้องหาทางออกจากตรงนี้…” เธอกระซิบกับตัวเองเบาๆ
มือเล็กยกขึ้นลูบรอยแดงบนต้นแขนและข้อมือที่ยังคงมีรอยจากการกระทำของเขาเมื่อคืน แค่สัมผัสเบาๆ ก็รู้สึกแสบขึ้นมาทันที
เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นดึงความสนใจให้เธอหันไปมอง มือเล็กหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะพบว่าเป็นข้อความจากธีสิส
ธีสิส : รีบพักให้หายดี ถ้าไม่อยากโดนฉันซ้ำแผลเดิม
เธอถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงข้างกายเหมือนเดิม ใบหน้าเบือนออกไปมองวิวเมืองที่ทอดยาวไกลผ่านหน้าต่าง
ต้องทนไปอีกนานแค่ไหนกัน… เธอคิดในใจอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงพร้อมความเหนื่อยอ่อนที่ถาโถมเข้ามา
วันต่อมา
ไมอานอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาอยู่บนเตียง ร่างกายรู้สึกหนาวสั่นและร้อนผ่าวสลับกัน ความปวดเมื่อยไปทั้งตัวทำให้เธอแทบไม่อยากขยับไปไหน ดวงตาที่มักจะแวววาวด้วยความสดใสกลับดูเหนื่อยล้าและปรือหนักด้วยไข้สูง
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเช็กข้อความในไลน์ ก่อนจะพบว่ามีข้อความจากธีสิสส่งเข้ามาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ธีสิส : คืนนี้มาหาฉันที่สนาม T1
เธอสูดหายใจเข้าลึกอย่างเหนื่อยล้า พยายามรวบรวมแรงที่มีอยู่ตอบกลับไป
ไมอา : วันนี้ไมอาไม่สบาย เอาไว้วันหลังได้ไหมคะ
แค่พิมพ์ข้อความเธอก็รู้สึกหมดแรงแล้ว นิ้วมือเย็นเฉียบขณะที่กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น ใจหนึ่งก็ภาวนาให้เขายอม อีกใจก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆ
ไม่นานนัก ข้อความตอบกลับจากเขาก็มาตามคาด
ธีสิส : ถ้าเธอไม่มา ฉันจะไปหาเธอเอง
เธออ่านข้อความที่เขาตอบกลับมาด้วยความหนักใจ ร่างกายของเธอไม่พร้อมกับเรื่องนั้นจริงๆ เธอลดโทรศัพท์มาวางไว้บนหน้าท้อง ครุ่นคิดว่าจะตอบเขากลัยไปอย่างไรดีด้วยหัวใจที่เต้นแรงปนเหนื่อยล้า ร่างกายที่อ่อนแรงจากพิษไข้ทำให้เธอฝืนลืมตาต่อไม่ไหว
เธอเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว…
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง
เสียงออดที่ดังขึ้นทำให้คนที่เผลอหลับลงไปตอนไหนไม่รู้สะดุ้งตื่น ใบหน้าซีดเผือดเลิกคิ้วขึ้นอย่างตกใจ มือเล็กคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าเธอไม่ได้ตอบข้อความของธีสิส แถมยังไม่มีข้อความจากเขาส่งซ้ำกลับคืนมา มีเพียงเสียงออดที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ไมอาใจเต้นแรง มือที่กำผ้าห่มไว้สั่นน้อยๆ ความเย็นวาบไหลผ่านร่างทันทีเมื่อคิดถึงประโยคสุดท้ายที่เขาทิ้งท้ายไว้
หรือนั่นจะเป็นเขา?
ลอบกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ขณะที่เสียงออดยังคงดังซ้ำอย่างไม่ลดละ…
เธอฝืนร่างกายที่อ่อนแรงลุกจากเตียง เดินกะเผลกไปส่องตาแมวดูว่าใครเป็นคนกดออดเมื่อครู่ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวราวกับจะกระดอนออกมารอมร่อเมื่อสายตาปะทะเข้ากับเจ้าของสายตาคมกริบที่ยืนรอหน้าประตูให้เธอเปิดออกไป
“พี่ธีสิส…” เธอพูดเชื่อเขาเบาๆ ด้วยเสียงสั่นเครือ ไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอถึงที่นี่จริงๆ เธอหลุบตาต่ำจากตาแมวแล้วครุ่นคิดว่าจะเปิดประตูให้เขาดีไหม
แต่ถ้าไม่เปิดจะเกิดอะไรขึ้น? จู่ๆ เธอเริ่มมีคำถามนี้อยู่ในหัว
แต่ใครจะไปกล้าเสี่ยงทำแบบนั้น จากโทษเบาอาจกลายเป็นหนักได้ ไม่รอให้มัจจุราชข้างนอกเข้ามาเพิ่มบทลงโทษ หากเธอเปิดออกไปคุยกับเขาดีๆ บางทีเขาอาจมีความปรานีกันอยู่บ้าง
แกร๊ก
มือเล็กเอื้อมไปเปิดประตูต้อนรับธีสิส ชายหนุ่มยืนมองไมอาด้วยแววตายากที่จะอ่านออก
“เข้ามาก่อนสิคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจากพิษไข้ ก่อนจะหลบออกจากหน้าประตูเพื่อให้เขาเข้ามา
ปัง…
เมื่อประตูปิดลงเหลือไว้เพียงความเงียบ ธีสิสเดินมาหยุดอยู่กลางห้องพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องของไมอาที่ถูกตกแต่งบอกถึงนิสัยเจ้าของได้ดี ก่อนจะหมุนตัวกลับไปหาไมอาที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ไมอาขอโทษที่อ่านไม่ตอบ”
“…”
“ไมอา…เผลอหลับไปค่ะ” เธอก้มหน้าบอกเขาพลางจิกมือตัวเองอย่างระบายความกังวลตามไปด้วย ยิ่งเขาเงียบมันยิ่งทำให้เธอระแวงมากขึ้น “พะ…พี่ธีสิสพูดอะไรหน่อยสิคะ”
“ให้ฉันพูดอะไร?”
“ไมอาเห็นพี่ธีสิสเงียบ”
ธีสิสไม่ตอบ สองเท้าก้าวไปทิ้งตัวนั่งลงโซฟาสีครีมด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับนี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“รู้ชั้นและเลขห้องไมอาได้ยังไงคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เรื่องชื่อคอนโดไม่ได้สงสัยมากเท่าไร เพราะเขาเคยมาส่งเธอ
“ไม่คิดหน่อยเหรอว่าพ่อเธอจะไม่บอกฉันทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องของเธอ”
เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับไมอา…
“อ๋อค่ะ” เธอหายสงสัยแล้ว “วันนี้ไมอาทำให้พี่ธีสิสไม่ไหวนะคะ”
ธีสิสหรี่ตามองเธออย่างจับผิด เขาโน้มตัวเอนหลังพิงโซฟา มือหนึ่งวางพาดพนักอย่างผ่อนคลาย แต่ดวงตาคมยังคงเย็นเยียบไม่ต่างจากคนที่กุมสถานการณ์อยู่
“ไมอาไม่สบายจริงๆ ค่ะ ไข้ขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน” เธอพยายามบอกเขาให้เข้าใจเมื่อเห็นเขาเอาแต่นิ่งเงียบ
“แล้วถ้าฉันบอกว่า…” ธีสิสเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แขนแกร่งยันเข่า สายตาคมกริบของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาไมอา “ถึงเธอจะไม่ไหว ฉันก็จะเอาเธออยู่ดีล่ะ?”
ไมอาชะงัก ความหนาวเย็นไหลผ่านแผ่นหลัง เธอเม้มริมฝีปากแน่น พยายามตั้งสติ ขณะเดียวกันก็รู้ว่าตัวเองไม่มีอำนาจควบคุมสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย
“ไมอาขอร้องนะคะ ถ้าไมอาหายแล้วสัญญาว่าจะชดเชยให้พี่ธีสิส”
“มาใกล้ๆ” เขาไม่ได้สนใจประโยคนั้นหรืออาการป่วยที่ชัดเจนแม้ไมอาไม่บอกเขา แต่เมื่อเห็นไมอาเอาแต่นิ่งไม่ยอมทำตามจึงขยับริมฝีปากพูดบางอย่าง “นับหนึ่ง”
ไมอาเห็นธีสิสเริ่มนับตัวเลขพลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เธอไม่รอให้เขานับสองจึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ตามที่เขาต้องการ เมื่อเข้าไปใกล้พอแล้ว มือหนาก็คว้าเอวเธอหมับ ก่อนจะดึงร่างเล็กให้ทรุดตัวลงนั่งบนตักของเขาอย่างง่ายดาย
“อ๊ะ!” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจกับการกระทำที่ไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัวก่อนของเขา ฝ่ามือหนากดเอวบางให้แนบชิดมากขึ้น
“ตัวร้อน ไม่สบายจริงๆ ด้วย” ปลายนิ้วเย็นลากแผ่วเบาจากต้นแขนไปถึงลำคอของเธออย่างจงใจ ไมอาสะดุ้งและหลับตาแน่น รู้สึกเหมือนขนอ่อนทั้งตัวตั้งชันไปหมดกับสัมผัสที่เต็มไปด้วยการหยอกเย้าและการควบคุม
“พะ…พี่ธีสิสจะทำอะไรคะ” เธอเอ่ยถามเสียงสั่น มือเล็กพยายามดันแผ่นอกเขาออกเบาๆ แต่แรงของเธอก็แทบไม่มีผลกับผู้ชายตรงหน้า
ธีสิสไม่พูดอะไร เขาเลื่อนมืออีกข้างมาประคองท้ายทอยของไมอา ก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากสีระเรื่อ ไมอารู้สึกเหมือนถูกสูบอากาศหายใจไปจนหมด พยายามขืนตัวแต่ก็ไม่สำเร็จจนต้องปล่อยให้เขาจูบอยู่อย่างนั้น
เมื่อผละริมฝีปากออก ดวงตาคมเข้มของธีสิสมองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ เขาปรายสายตาลงต่ำ ก่อนจะเหลือบเห็นรอยจางๆ บางส่วนที่โผล่พ้นคอเสื้อของเธอ
ธีสิสหัวเราะเบาๆ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยรอยช้ำตรงต้นคอที่เขาทิ้งไว้เมื่อคืนก่อนด้วยความภาคภูมิใจ
“รอยพวกนี้…ชอบไหม”
“ไม่ชอบค่ะ” เธอตอบเขาออกไปตรงๆ
“แต่ฉันชอบเวลาที่มันอยู่บนตัวของเธอ” ธีสิสพูดแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ รอยพวกนี้ย้ำเตือนว่าไมอา…เป็นของใคร
ธีสิสมองใบหน้าซีดเซียวของไมอาที่นั่งบนตักเขา ดวงตาคมจับจ้องเธอราวกับนักล่าที่กำลังเพลิดเพลินกับเหยื่อแสนสวย มือหนายังคงลูบรอยช้ำบนผิวเธออย่างไม่แยแสต่อคำปฏิเสธของเธอเลยแม้แต่น้อย
ในความคิดของเขา ไมอาก็ไม่ต่างจากของเล่นราคาแพงที่เขาได้มาอย่างง่ายดาย
“ต่อให้เธอไม่ชอบมัน เธอก็ต้องยอมรับว่ารอยพวกนี้มันย้ำเตือนว่าเธอเป็นของใคร”
ดวงตาคมเข้มไล่มองเธออย่างสำรวจอีกครั้ง ตั้งแต่ปลายนิ้วขาวซีดที่กำชายเสื้อแน่นไปจนถึงลำคอคะหง และไหปลาร้าที่ยังมีร่องรอยจางๆ ที่เขาทิ้งไว้
“รู้ไหม…” เขาโน้มตัวมากระซิบข้างหูเสียงแผ่ว “ฉันเคยมีของเล่นมากมาย แต่ไม่มีชิ้นไหนที่ ‘ดื้อ’ ได้เท่าเธอเลยสักคน”
ไมอากัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นอารมณ์ทุกอย่างเอาไว้ในใจ
“และนั่นแหละ” ธีสิสเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความเจ้าเล่ห์ “มันทำให้ฉันยังอยาก ‘เล่น’ กับเธออยู่”