“หัวใจคนเรามันบังคับกันได้ด้วยเหรอครับ” เขาย้อนถามเสียงเรียบ
“ได้สิ ถ้าแกยอมลด ‘อคติ’ แล้วหัด ‘เปิดใจ’ มองความจริงเสียบ้าง” คุณหญิงเพียรเน้นย้ำพร่ำสอน ก่อนที่หลานชายจะต้องเสียใจ
บางเรื่องก็ไม่ใช่อย่างที่กัญจน์เห็นหรือเข้าใจ...
“ทุกวันนี้ผมก็เชื่อฟังคุณย่าตลอด บอกให้เปิดใจก็เปิด บอกให้แต่งก็แต่ง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้นเลยนี่ครับ คนที่ผมไม่ได้รัก ต่อให้ทำยังไง ดีมากแค่ไหน พยายามสักเท่าไหร่ ก็เป็นได้แค่การฝืนใจกันเปล่าๆ”
มธุมาสกระตุกยิ้มขื่นอย่างอดไม่ได้ ในใจร้าวลึกเหมือนถูกคมมีดกรีดแทงซ้ำๆ ให้เจ็บปวดเจียนตาย
กัญจน์พูดถูก... ต่อให้เธอพยายามทำดีเพื่อเอาชนะใจเขาสักเพียงใด ก็หาได้ซาบซึ้งตรึงใจ เป็นแค่สิ่งไร้ค่าในหัวใจของเขาเท่านั้น
ไม่ใช่เขาไม่เห็น... ไม่ใช่ไม่รับรู้...
แต่...เขาไม่รักเธอ!
จะยื้อหรือดันทุรังต่อไปก็ไม่มีความหมาย ในเมื่อความรักครั้งนี้ เธอถูกกำหนดให้เป็นคนแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว...
หญิงสาวสานสบดวงตาเย็นชาที่มองมาอยู่ก่อนแล้วด้วยแววตาว่างเปล่าแน่นิ่ง ความเจ็บช้ำถูกกดซ่อนอยู่ในดวงตาสีดำดุจท้องฟ้ายามราตรีอย่างมิดชิด สีหน้ายังคงเรียบเฉยจนกัญจน์นิ่วหน้า จะด้วยสงสัยหรือไม่พอใจก็สุดรู้
เป็นช่วงเวลาที่ต่างก็วัดใจกัน...
กระทั่งหางตาเธอเหลือบเห็นคุณหญิงจรรยาตั้งท่าคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างด้วยความกรุ่นโกรธ มธุมาสจึงถอนสายตาจากสามีหันไปเอ่ยกับคุณย่าของเขาเสียงนุ่มว่า
“วันนี้เป็นวันดีของคุณย่า คุณย่าควรจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข อย่าให้เรื่องของมาร์พลอยทำให้ทุกคนอารมณ์เสียเลยนะคะ” เธอเหลือบมองกัญจน์เพียงนิด สูดหายใจสุดปอดแล้วเอ่ยถึงการตัดสินใจของเธอด้วยสุ้มเสียงที่เพียรบังคับไม่ให้สั่นไหว
“จริงๆ พี่กัญจน์ก็พูดถูกนะคะ เขาโดนบังคับให้แต่งงานกับมาร์โดยที่ไม่เต็มใจ ชีวิตคู่ที่ต้องทนฝืนอยู่กันไปทั้งที่ไม่ได้รักกัน มันไม่ส่งผลดีกับใครหรอกค่ะ ไม่ว่าจะทั้งกับพี่กัญจน์หรือตัวมาร์เอง...”
“มาร์... ลูกพูดอะไร?”
คุณหญิงจรรยามองหน้าหลานสะใภ้ ในใจเต็มไปด้วยความตระหนกไม่ต่างจากคนที่เป็นสามีของมธุมาส แต่กัญจน์ยังคงวางเฉย สีหน้าเรียบสนิททั้งที่มีความสงสัยอัดแน่นอยู่เต็มอก แต่ดวงตาคมจ้องเขม็งส่งสัญญาณปรามคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาให้หยุดพูด
มธุมาสไม่ได้ใส่ใจเขาเลย ไม่มองเสียด้วยซ้ำ เธอยิ้มให้ผู้เป็นย่าเขาอย่างจริงใจ ก่อนจะเอ่ยต่อไปอย่างแน่วแน่
“ของขวัญชิ้นนั้นไม่ใช่ของมาร์หรอกค่ะ เป็นของที่พิมพ์รวีตั้งใจเลือกมาเพื่อคุณย่าโดยเฉพาะ พริมเองก็มีข้อดีหลายอย่าง หากคุณย่าได้ลองทำความรู้จักกับเธอดูสักครั้ง บางที...คุณย่าอาจจะหลงรักพริมได้ไม่ยากหรอกค่ะ”
กัญจน์ขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าเคร่งเครียด ในใจเดือดพล่านกับสิ่งที่กำลังเป็นกังวล จนเกือบตะคอกถามมธุมาสออกไปว่า
เธอพูดบ้าอะไร!?
แต่ก็ยังช้ากว่าผู้เป็นย่าที่เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
“ลูกเป็นอะไรไป ทำไมถึงพูดแปลกๆ แบบนี้ ย่าไม่มีวันรับผู้หญิงหน้าไหนมาเป็นหลานสะใภ้ทั้งนั้นนอกจากมาร์คนเดียวนะลูก”
มธุมาสยกมือประนมไหว้ท่านอย่างอ่อนช้อย ยิ้มอ่อนหวาน มองท่านด้วยความซาบซึ้งตราตรึงไว้ในใจ
“คุณย่าเป็นญาติผู้ใหญ่ที่มาร์เคารพรักมากนะคะ ไม่ว่าจะด้วยฐานะอะไร มาร์ก็จะระลึกถึงคุณย่าเสมอ แต่มาร์เป็นหลานสะใภ้ของคุณย่าไม่ได้แล้ว มาร์ทนอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้จริงๆ มาร์ขอ ‘อิสรภาพ’ คืนนะคะคุณย่า ขอให้มาร์ได้หย่าขาดกับพี่กัญจน์เถอะค่ะ”