“มันเป็นใคร”
“ภูเป็นเพื่อนของมนค่ะ”
มนตระการตอบเสียงแข็ง หญิงสาวไม่ชอบใจที่จักรทิพย์กล่าวถึงภูวิศอย่างหยาบคายแบบนั้น คิ้วสวยขมวดมุ่นและเลือกมองวิวข้างทางแทนที่จะมองคู่สนทนาที่กำลังทำหน้าที่ขับรถอย่างจักรทิพย์
“ถึงฉันจะไม่เต็มใจแต่งงานกับเธอ แต่ฉันขอเตือนเธอเอาไว้ก่อนว่าอย่าสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นระหว่างที่เธอยังใช้นามสกุลของฉันอยู่”
“ได้ค่ะ ระหว่างที่มนยังใช้นามสกุลไตรลักษณ์อยู่มนจะไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียเด็ดขาด แต่ถ้ามนไม่ได้ใช้นามสกุลของคุณจักรแล้ว ตอนนั้นมนจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหมคะ”
“มนตระการ!”
จักรทิพย์ตบไฟเลี้ยวเข้าจอดที่ข้างทาง ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออก คว้าหมับที่แขนเรียวทั้งสองข้างแล้วกระชากร่างเล็กเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว
จากนั้นริมฝีปากอุ่นจัดก็ฝังลงบนริมฝีปากสีเรื่อ
เป็นจุมพิตลงทัณฑ์แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกวาบหวามจนหัวใจดวงน้อยของมนตระการสั่นไหว แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่ยอมอยู่เฉยให้คนเอาแต่ใจรังแก กำปั้นเล็กทุบตีที่อกแกร่งเป็นพัลวัน แต่จักรทิพย์ก็ไม่ยอมปล่อย ยิ่งเธอพยศเขาก็ยิ่งฝังริมฝีปากอย่างแนบแน่น จนลมหายใจของมนตระการเริ่มขาดห้วงเขาถึงได้ยอมถอนริมฝีปากออกมา
“คุณจักร จะเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไปแล้วนะคะ”
“แล้วจะทำไม”
จักรทิพย์เอ่ยอย่างยียวน ตาคมปลาบจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้านวลเนียนที่พวงแก้มทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นตอนที่เขาดึงเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาคาด มนตระการมองค้อนชายหนุ่มก่อนจะดึงใบหน้ามองไปนอกกระจกหน้าต่าง จักรทิพย์เลิกคิ้วใส่หญิงสาวด้วยท่าทางป่วนประสาทและมนตระการก็เห็นท่าทางเช่นนั้นได้จากเงาสะท้อนจากกระจกรถ
คนนิสัยเสีย
มนตระการอยากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่เธอไม่ได้โง่พอที่จะยั่วโมโหอีกฝ่ายในตอนนี้เพราะมีแต่จะเสียเปรียบ คนเอาแต่ใจ เอะอะก็จูบเอะอะก็กอด นี่ขนาดเขาบอกว่าสะอิดสะเอียนเธอ ยังฉวยโอกาสกับเธอไปเสียทุกครั้งจนมนตระการอดสงสัยไม่ได้ แต่มนตระการก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเข้าข้างตัวเองในเชิงบวกสักเท่าไร ที่เธอสงสัยก็คือเขาคงอยากกลั่นแกล้งให้เธอขาดใจตายไปเลยกระมัง
“สามีของมนดุมาก”
มนตระการถึงกับชะงักมือที่สาละวนอยู่กับการจัดขนมใส่ถาด จะปฏิเสธว่าจักรทิพย์ไม่ใช่สามีของเธอก็เอ่ยออกไปได้ไม่เต็มปากนัก ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นทั้งสามีนิตินัยและพฤตินัยของหญิงสาว
“ความหึงหวงฉายชัดอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา”
“เลอะเทอะน่าภู”
หญิงสาวบอกแล้วจัดขนมต่อ อมยิ้มนิดหน่อยที่ภูวิศพูดจาภาษานิยาย ชายหนุ่มนั่งเท้าคางอยู่ที่โต๊ะตรงมุมเดิมที่เขาชอบนั่ง หรี่ตามองมนตระการคล้ายกำลังจับผิด
“เลอะเทอะตรงไหน อีกนิดภูคงโดนต่อยแล้ว”
“กินนี่ซะมนให้ฟรี จะได้สงบปากสงบคำ แล้วห้ามพูดเรื่องคุณจักรอีก”
มนตระการยกจานขนมชั้นที่จัดทำเป็นรูปดอกไม้จำนวนสี่ชิ้นมาวางตรงหน้าภูวิศ ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธความมีน้ำใจของหญิงสาว คว้าส้อมเล็กที่วางอยู่ข้างๆ จิ้มขนมใส่ปากทันที
“มีของมาเซ่นกันแบบนี้ก็โอเค ภูจะยอมสงบปากสงบคำก็ได้” ภูวิศกินขนมด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย “ว่าก็ว่าเถอะสามีของมนจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมที่ภูนอนบ้านมน”
“เขาไม่ว่าอะไรหรอกและคุณจักรก็ไม่เคยมาที่บ้านของมนอยู่แล้ว”
“แต่เมื่อเช้าเขาก็มาส่งมนนี่”
“เขาแค่อยากแกล้งมนเฉยๆ หรอกน่า”
ว่าแล้วก็ขยับเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าคาง ยู่หน้าอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไรกับการกระทำแสนอุกอาจและเอาแต่ใจตัวเองของจักรทิพย์
“แกล้งหรือหึงเอาดีๆ”
“เอาอะไรมาหึง พูดมาก กินเข้าไปเลย”
มนตระการหยิบส้อมจิ้มขนมชั้นชิ้นพอดีคำยัดใส่ปากภูวิศ อีกฝ่ายตาเหลือกตาลานในตอนแรก แต่สุดท้ายก็เคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
“ดีจังมีคนป้อน”
“นี่แน่ะ” มนตระการตีแขนภูวิศไปทีด้วยความหมั่นไส้ นอกจากจะไม่รู้สึกรู้สาเจ้าตัวยังหัวเราะคิกคัก “วันนี้ภูล้างถาดขนมเลยนะ
“ไม่มีปัญหาครับ”
“มีเอกสารที่ผมต้องดูอีกไหม”
“ไม่มีแล้วค่ะคุณจักร”
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“ค่ะคุณจักร”
เบญจาอมยิ้มตอนที่มองตามแผ่นหลังกว้างของจักรทิพย์ไปจนลับสายตา ท่าทางดูเร่งรีบทำให้เบญจาอดเอ็นดูไม่ได้ และถ้าให้หล่อนเดาอีกฝ่ายคงรีบไปหาภรรยากระมัง
รถซีอาร์วีสีขาวมุกเลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าร้านขนมของมนตระการ จักรทิพย์ดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงจากรถ ขายาวก้าวเข้าไปด้านในร้าน กำลังจะตรงดิ่งไปหามนตระการที่ยืนก้มๆ เงยๆ อยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจต้องการเท้าหนาต้องชะงักเมื่อถูกใครบางคนรั้งแขนแกร่งเอาไว้
“จักร”
จักรทิพย์เหลือบสายตามองมโนรมอดีตคนรักเก่าที่ถือวิสาสะมายึดแขนของเขาเอาไว้ และจังหวะนั้นมนตระการก็หันมาเห็นเหตุการณ์เข้าอย่างพอดิบพอดี
“ดีใจจังเลยค่ะที่เจอจักร นี่นิ้งก็ตั้งใจจะเข้าไปหาที่บ้านอยู่พอดี เห็นคุณพ่อบอกว่าขนมไทยร้านนี้อร่อยมาก นิ้งก็เลยแวะมาซื้อตั้งใจจะเอาไปฝากจักร ไม่คิดว่าจักรจะแวะมาพอดี”
จักรทิพย์เหลือบสายตามองมนตระการที่หลบวูบสายตาของเขาทันพอดี หญิงสาวแสร้งจัดขนมใส่กล่องให้มโนรมอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนที่ภูวิศจะยกขนมถาดใหม่ออกมาจากห้องครัว ชายหนุ่มชะงักไปนิดเมื่อเห็นจักรทิพย์ แต่ก็เพียงชั่วเสี้ยวนาทีเท่านั้นเขาก็ขยับเท้าต่อแล้วส่งถาดขนมให้มนตระการที่ยืนรอรับ
“ขอบใจนะ”
“สำหรับมนภูเต็มใจอยู่แล้ว”
คำพูดออกไปทางหวานเชื่อมของภูวิศทำให้มนตระการถึงกับการเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็รับถาดขนมมาจัดวางบนชั้นในตู้กระจก แล้วรีบจัดขนมใส่ถุงให้มโนรม
“สองร้อยห้าสิบบาทค่ะ”
มโนรมควักเงินจากกระเป๋าสตางค์ส่งให้มนตระการ หญิงสาวรับไว้พร้อมทอนเงินให้อีกฝ่าย โดยทุกการกระทำของมนตระการอยู่ในสายตาของจักรทิพย์ตลอดเวลา และการกระทำของจักรทิพย์ที่จ้องมองมนตระการก็อยู่ในสายตาของภูวิศเช่นกัน ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“ขอบคุณค่ะ”
มนตระการบอกตอนที่ยื่นเงินทอนส่งให้มโนรมที่ยื่นมือมารับเงินทอนเก็บใส่กระเป๋าสตางค์ มโนรมหันไปยิ้มให้จักรทิพย์
“ไปกันเถอะค่ะจักร”