เมื่อได้เวลาเที่ยงคืนสาวๆ ก็ส่งเสียงกรี๊ดสนั่นต้อนรับวงดนตรีสุดฮ็อตของ Six Sense สามหนุ่มที่ความหล่อไม่แพ้กันดึงดูดนักเที่ยวสาวๆ มาใช้บริการจนแน่นขนัดในคืนศุกร์เสาร์อาทิตย์ พีรดนย์รับหน้าที่ร้องนำส่วนต้นกล้าเป็นมือกลองและก้องเกียรติรับหน้าที่เป็นมือกีต้าร์ ซึ่งทั้งสามเคยตั้งวงเล่นดนตรีกันมาตั้งแต่สมัยเรียน
“อื้อหือ หล่อจริงๆ ด้วย หล่อโคตรๆ” ชนาภาอุทานเมื่อเห็นหน้าของนักร้องหนุ่ม ธิญาดามองตามสายตาเพื่อนๆ ไปแล้วก็ต้องอึ้ง เพราะนักร้องนำที่ยืนอยู่บนเวทีตอนนี้นั้น เรียกได้ว่าหล่อระดับที่พระเอกบางคนยังสู้ไม่ได้ ใบหน้าเรียวได้รูปของเขาประกอบไปด้วยคิ้วเข้มจมูกโด่งและดวงตาทรงเสน่ห์ เมื่อประกอบกับทรงผมแบบ Two Block ยิ่งเน้นให้เห็นศีรษะทุยสวยเรียกว่าหล่อสไตล์เกาหลีอย่างที่สาวๆ สมัยนี้กำลังคลั่งไคล้ เมื่อประกอบกับเรือนร่างสูงใหญ่ด้วยส่วนสูงที่ประมาณด้วยสายตาไม่ต่ำว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร และผิวขาวจัดจึงยิ่งทำให้เขาดูดีและมีเสน่ห์แบบร้ายกาจ เธอจึงไม่แปลกใจที่ทำไมเขาจึงได้รับเสียงกรี๊ดสนั่นจากลูกค้าสาวๆ ในคืนนี้ เพราะเธอเองก็ถึงกับเคลิ้มเมื่อจ้องมองนานๆ
“ไงล่ะ ถึงกับตาค้างไปเลยเหรอเพื่อนรัก ฉันบอกแล้วว่านักร้องที่นี่หล่อวัวตายควายล้ม หล่อจนต้องร้องขอชีวิต” ยุพเรศเอียงหน้ามากระซิบเมื่อเห็นอาการตาค้างของเพื่อน
“เออ หล่อจริง”
“ไหนๆ ก็มาแล้วลองบริหารเสน่ห์หน่อยเป็นไงยัยเกรซ นานๆ จะออกจากถ้ำมาปล่อยผีที ลองทำอะไรสนุกๆ ดูหน่อยเป็นไร” ชนาภายุเพราะธิญาดานั้นมักจะหมกตัวอยู่ในร้านอาหารของลุงกับป้า เพราะมีหน้าที่ควบคุมดูแลเรื่องการเงิน จึงไม่ค่อยได้ออกมาท่องราตรีเท่าไหร่นัก ต่างจากเธอและยุพเรศที่มักจะหาโอกาสมากันบ่อยๆ เมื่อมีเวลาว่าง
“ทำอะไร” ธิญาดาที่เริ่มจะกรึ่มๆ จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปไม่น้อยชักรู้สึกสนุก และอยากลองทำอะไรท้าทายแบบที่เพื่อนยุ
“ก็ลองบริหารเสน่ห์กับพ่อนักร้องหนุ่มสุดหล่อนั่นไง” ธิญาดามองหน้าเพื่อนและเบนสายตาไปบนเวที ที่ขณะนี้นักร้องหนุ่มกำลังร้องเพลงช้าด้วยน้ำเสียงอันไพเราะสะกดคนฟัง โดยเฉพาะสาวๆ ให้ร้องตามกันอย่างพร้อมเพียง
ภาพความจำ
เมื่อครั้งวันวานกับรักที่เธอทิ้งไว้
จะถามทำไม ว่าฉันเป็นไง
อยากรู้ไปเพื่ออะไร
ไม่อยากพูดถึง
ให้ยิ่งช้ำยิ่งจำยิ่งถูกทำร้าย
เจ็บช้ำปางตาย ป่านนี้ก็ยังไม่หาย
เธอรู้บ้างไหม
ต้องใช้เวลาเท่าไรกว่าจะลืมเธอ
อย่าตอกย้ำ
ให้ช้ำมันลึกลงไปกว่าเดิมได้ไหมเธอ
หากไม่รักก็อย่าซ้ำ
โปรดอย่าทำเป็นสนใจ
เก็บคำถามคำนั้นเอาไว้
ก่อนฉันคนนี้จะหยุดหายใจ
*เพลงยังไม่พ้นขีดอันตราย บอย พีชเมกเกอร์*
ธิญาดาสะดุ้งเมื่อแวบหนึ่งเธอกับเขาสบตากันด้วยความบังเอิญ และเพราะว่าโต๊ะของเธออยู่ใกล้กับเวทีเธอจึงสามารถเห็นเขาได้อย่างชัดเจน แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นรัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ธิญาดาหันไปยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ เพื่อระงับอาการปั่นป่วนภายในหัวใจ และเมื่อมองขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งก็ต้องตกใจ เมื่อเขากำลังมองมาที่เธออยู่พอดี นั่นทำให้เธอรู้สึกมือไม้เกะกะและไม่เป็นตัวของตัวเองแบบไม่เคยเป็นมาก่อน จนไม่กล้ามองไปบนเวทีอีกเลย นั่นจึงทำให้หญิงสาวไม่เห็นว่านักร้องหนุ่มยิ้มมุมปากน้อยๆ อย่างถูกใจอะไรบางอย่าง
ธีรดนย์ยังคงทำหน้าที่ร้องเพลงต่อไปด้วยเพลงเพราะๆ เร็วสลับช้า ขณะที่ธิญาดาเองก็โดนเพื่อนรักทั้งสองยกแก้วชนไม่หยุดจนเธอรู้สึกมึนหนักกว่าเดิม แต่ก็ยิ่งทำให้รู้สึกสนุกไปกับเสียงเพลงและบรรยากาศมากขึ้น จนความประหม่าต่างๆ หายไปไม่หลงเหลือ และเมื่อเสียงเพลงบนเวทีเปลี่ยนจากช้ามาเป็นเพลงเร็วสนุกสนาน ทั้งสามสาวก็พากันไปแดนซ์สุดเหวี่ยงที่หน้าเวทีแบบไม่มีใครยอมใคร ถึงตอนนี้ธิญาดาก็ได้รับแก้วเครื่องดื่มพร้อมกับโน้ตแผ่นเล็กๆ ยัดใส่ในมือ
“อะไรของเธอยุ” ธิญาดาถามยุพเรศอย่างงงๆ เมื่อได้รับแก้วเหล้าพร้อมโน้ตแนบมาด้วย
“เอานี่ไปให้พ่อนักร้องนั่นสิ” ธิญาดาคลี่กระดาษออกดู ด้วยความมืดสลัวเธอจึงต้องเพ่งสายตาก่อนจะพบว่าในกระดาษใบนั้นเขียนข้อความอะไรเอาไว้ ‘อยากเต้นรำกับคุณนักร้องได้ไหมคะ’ หญิงสาวหันไปมองหน้าเวทีก็พบว่ามีสาวๆ กำลังส่งแก้วเครื่องดื่มให้เขาอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน และอาจจะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ได้รับ ทำให้ธิญาดารู้สึกอยากเอาชนะและอยากรู้ว่าเขาจะตอบรับคำขอของเธอหรือไม่ ท่ามกลางสาวๆ ที่จ้องเขาตาเป็นมันในคืนนี้
“นานๆ จะมาปล่อยผีที หาอะไรทำสนุกๆ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยเพื่อนลุย” ชนาภายุส่งเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเพื่อนจะทำให้พ่อนักร้องหนุ่มที่หล่อบาดใจเธอตอบรับได้หรือไม่
“เดี๋ยวฉันมา” ธิญาดายิ้มมีเลศนัยแล้วเดินไปที่หน้าเวที พีรดนย์แทบลมหายใจสะดุดเมื่อพบว่าขณะนี้เป้าหมายที่เขาปักหมุดนักล่าไว้ตั้งแต่แรกเห็นเดินมาหาที่หน้าเวที ไม่รู้ว่านักเที่ยวจะสังเกตหรือไม่ แต่เพื่อนร่วมวงที่คุ้นเคยกันดีอย่างก้องเกียรติและต้นกล้ารู้สึกได้ทันทีว่าเพื่อนถึงกับร้องเพลงสะดุดไปเสี้ยววินาที ทั้งสองลอบสบตากันยิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าสาเหตุที่นักร้องเจนเวทีอย่างพีรดนย์ถึงกับสมาธิหลุดเพราะอะไร
ธิญาดาส่งยิ้มนำไปก่อนจะส่งแก้วเครื่องดื่มที่แนบกระดาษเล็กๆ ไว้ให้กับพีรดนย์ ซึ่งรีบก้มตัวมารับแล้วยกดื่มรวดเดียวหมดต่างจากที่ทำกับลูกค้าสาวๆ คนอื่นที่เพียงจิบพอเป็นพิธีแล้วส่งคืน หลังจากดื่มจนหมดแก้วชายหนุ่มก็ส่งคืนแล้วเอียงหน้ามากระซิบเบาๆ
“ตกลงครับคนสวย” ธิญาดารับแก้วคืนแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ
“เป็นไงเกรซ”
“เขาตกลง”
“เยส/เยส” สองสาวเพื่อนซี้ร้องออกมาพร้อมกันอย่างสมใจ
“เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะเพื่อนเลิฟ” ยุพเรศแซวขณะที่ธิญาดายักไหล่แล้วนั่งโยกกายไปตามจังหวะเพลงช้าๆ กับเสียงนุ่มๆ ของนักร้องที่มักจะส่งสายตามาทางเธอบ่อยๆ ถ้าเป็นยามปกติเธอคงทำตัวไม่ถูก แต่ในยามนี้ที่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์แล่นพล่านในสายเลือด ทำให้เธอกล้าที่จะส่งยิ้มท้าทายตอบไปแบบไม่เกรงกลัว หนึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ถึงเพลงสุดท้าย ก่อนที่นักร้องจะอำลาเวทีแล้วส่งต่อหน้าที่ให้ดีเจประจำผับ
“ไงครับคนสวย อยากเต้นรำกับผมเหรอ” ธิญาดาที่กำลังนั่งโยกตัวเบาๆ บนเก้าอี้ตามจังหวะเพลงสากลช้าๆ ถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกกระซิบจากด้านหลัง แต่เมื่อหันไปมองว่าเป็นใครก็โล่งอก เพราะเขาคือคนที่เธอส่งจดหมายน้อยเชิญชวนไว้นั่นเอง
“ผมพีรดนย์ครับ เรียกสั้นๆ ว่าดลก็ได้” เพราะเสียงเพลงที่ดังทำให้เธอและเขาต้องคุยกันแบบกระซิบ และเมื่อได้มองเขาใกล้ๆ ธิญาดาก็ต้องบอกตัวเองให้ตั้งสติ ดูไกลๆ ว่าเขาหน้าตาดีแล้ว แต่พอได้เห็นใกล้ๆ แบบนี้เล่นเอาเธอใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไหนจะกลิ่นน้ำหอมราคาแพงจากตัวเขานั่นอีก
“เกรซค่ะ” ธิญาดาส่งยิ้มโปรยเสน่ห์อย่างที่ยามปกติเธอคงไม่ใจกล้าขนาดนี้
“เป็นเกียรติมากนะครับ ที่สาวสวยอย่างคุณเกรซอยากเต้นรำกับผม เชิญครับ” พีรดนย์ยื่นมือมาตรงหน้า ธิญาดาวางมือลงบนฝ่ามือของเขาแล้วก้าวลงจากเก้าอี้ แต่เพราะเริ่มมึนๆ และรองเท้าที่สูงถึงสามนิ้วทำให้เกิดเสียการทรงตัว แต่ พีรดนย์ก็ไวพอที่จะประคองหญิงสาวเอาไว้ได้
“ระวังครับ” ธิญาดาวางมือลงบนแผงอกกว้างเพื่อหาหลักยึด และเธอก็รู้ได้ทันทีว่าภายใต้เนื้อผ้าบางๆ ของเสื้อยืดนี้คือกล้ามเนื้อหนั่นแน่นที่ทำเอาเธอใจหวิว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเขากำลังก้มลงมองมาที่เธอพอดี
“รู้สึกว่าผมจะเจอสาวน้อยขี้เมาซะแล้วสิ”
“ใครเมา เกรซไม่ได้เมาสักหน่อย” ธิญาดาเผลอทำหน้างอเมื่อถูกกล่าวหาว่าเมา เธอแค่มึนๆ ต่างหาก
“แน่ใจนะครับว่าไม่ได้เมา” พีรดนย์ถามยิ้มๆ จึงได้รับค้อนงามๆ หนึ่งที
“ถ้าคิดว่าเกรซเมา ก็ไม่ต้องมายุ่ง” ธิญาดาผละออกจากอ้อมกอดที่ประคองตัวเองไว้และทำท่าจะเดินหนี แต่ พีรดนย์ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เขาเริ่มสนุกกับการแกล้งคนเมาซะแล้วสิ
“โอเคครับ ไม่เมาก็ไม่เมา เราไปเต้นรำกันเถอะ คุณอยากเต้นรำกับผมไม่ใช่เหรอ” ถามจบพีรดนย์ก็ไม่รอคำตอบรีบจูงมือนุ่มๆ ไปยังกลางฟลอร์ที่ดีเจกำลังเปิดเพลงช้า ให้นักเที่ยวได้เบรกอารมณ์ร้อนแรงและสวีทหวานกับคนรัก ดังนั้นตอนนี้จึงมีหลายคู่ที่กำลังตระกองกอดเต้นรำกันอย่างแนบชิด พีรดนย์จับเรียวแขนกลมกลึงให้คล้องคอตัวเองเอาไว้และวงแขนแข็งแรงนั้นวางอยู่ที่เอวคอด ด้วยตัวเสื้อที่เปลือยแผ่นหลังจนถึงบั้นเอว ทำให้ฝ่ามือของเขาสัมผัสกับผิวเนื้อเปล่าเปลือยนุ่มมือจนเขารู้สึกอยากจะสัมผัสไปยังส่วนอื่นๆ ว่ามันจะนุ่มละมุนดุจแพรไหมเหมือนกันหรือไม่
“คุณมาที่นี่บ่อยหรือเปล่าครับ” พีรดนย์กระซิบถามและฉวยโอกาสสูดดมความหอมของเส้นผมสีดำขลับจากการที่ต้องก้มหน้าลงไปกระซิบคุยกัน เขาไม่แน่ใจว่าระหว่างกลิ่นน้ำหอมกับกลิ่นกายสาวตามธรรมชาติอะไรหอมกว่ากัน เพราะเขากำลังมึนเมากับกลิ่นหอมของเธอจนอยากสาปให้ทุกคนรอบตัวกลายเป็นหิน และทำอะไรๆ กับคนในอ้อมกอดได้ตามใจ
“เปล่าค่ะ เกรซเพิ่งเคยมาครั้งแรก เพื่อนๆ ชวนมา”
“เหรอครับ แบบนี้ผมจะมีโอกาสได้เจอคุณอีกไหม” พีรดนย์แกล้งถามทั้งที่หลังจากคืนนี้ไป หากเขาอยากเจอเธอจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด คำถามนั้นทำให้ธิญาดาเงยหน้ามองคนถามแล้วส่งยิ้มยั่วยวน
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีอะไรน่าสนใจให้เกรซอยากเจออีกไหม”
“เช่นอะไรล่ะครับ”
“อืม…ไม่ทราบสิคะ เกรซคิดไม่ออก” กิริยาย่นคิ้วจนแทบชนกันทำให้พีรดนย์รู้สึกเอ็นดูจนต้องใช้นิ้วไปคลึงให้มันกลับคืนสภาพปกติ
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมคิดออกนะว่ามีอะไรที่จะทำให้คุณเกรซอยากเจอผมอีก” ธิญาดาไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มร้ายของเขาจึงเงยหน้าถามด้วยความซื่อ ทันใดนั้นไฟในผับก็ดับลงพร้อมๆ กับที่เธอรู้สึกได้ว่าริมฝีปากของตัวเองถูกรุกราน ธิญาดาตกใจตัวแข็งแต่ก็ไม่ได้ผลักไส เธอเผยอปากรับจูบของเขาอย่างลืมตัวพร้อมๆ กับวงแขนแกร่งที่รัดร่างอ้อนแอ้นแน่นขึ้นจนแทบจมหายไปกับแผงอกกว้าง พีรดนย์ถอนจูบออกแทบจะพร้อมๆ กับแสงไฟที่สว่างขึ้น ธิญาดายืนอึ้งในขณะที่ พีรดนย์ยิ้มอย่างถูกใจ และจ้องเรียวปากอิ่มนั้นตาวาว เขาอยากจูบเธออีก อยากจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วลากเธอขึ้นไปฟัดบนเตียงให้หนำใจ แต่อะไรบางอย่างบอกเขาว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงรักสนุกแบบที่เขาเคยผ่านมา เขาจะบุ่มบ่ามทำอะไรแบบนั้นกับเธอไม่ได้ พีรดนย์อาศัยจังหวะที่ธิญาดากำลังยืนอึ้งที่ถูกเขาขโมยจูบถามถึงสิ่งที่เขาต้องการ
“โทรศัพท์คุณล่ะเกรซ”
“ทะ โทรศัพท์อยู่นี่ค่ะ” ธิญาดาล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนส่งให้เขาอย่างงงๆ ซึ่งพีรดนย์ก็รับไปกดโทรเข้าเครื่องของตัวเองทันที ก่อนจะส่งคืนให้เจ้าตัวที่ยังยืนนิ่งอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก ทั้งมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้วฤทธิ์จุมพิตแผดเผาที่ไม่ทันตั้งตัว
“ทีนี้เราต้องได้เจอกันอีกแน่”
“เกรซ” ระฆังช่วยชีวิตมาจากเพื่อนสนิททั้งสองที่เดินแหวกฝูงชนเข้ามาหา เมื่อได้เวลาที่ตกลงกันไว้
“กลับกันเถอะ พี่ชายฉันมารอรับแล้ว” ยุพเรศบอกและส่งยิ้มหวานหยดให้พีรดนย์ที่ยืนอยู่ เธอเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างว่าเขากับธิญาดาเต้นรำกันแนบชิด เรียกว่าเพื่อนสนิททำภารกิจบริหารเสน่ห์สำเร็จไปได้อย่างงดงาม แม้จะอยากอยู่ต่อ แต่ได้เวลาที่เธอนัดพี่ชายให้มารับกลับจึงต้องตัดใจ
“จะกลับกันแล้วเหรอครับสาวๆ”
“ค่ะ” ยุพเรศรีบตอบ แค่ได้คุยกับคนหล่อแค่เสี้ยววินาทีก็ช่วยให้เธอมีพลังพร้อมไปรับมือกับคนไข้ได้อีกนาน
“เดินไหวไหม” ชนาภาถามเพื่อนที่ดูเหมือนจะเมากว่าใคร เนื่องจากนานๆ จะดื่มกับเขาสักที เพราะไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวต่างจากเธอและยุพเรศที่มาบ่อยกว่า
“ไหว”
“แล้วเจอกันนะครับ เกรซ” พีรดนย์กระซิบก่อนจะมองตามจนธิญาดาเดินออกจากประตูไป จึงเดินกลับขึ้นชั้นบนไปสมทบกับเพื่อนๆ