เมื่อก้องเกียรติพาพีรดนย์มาถึงโรงพยาบาลที่ไม่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุ ก็พบว่ามีคนเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้มารักษาที่นี่หลายคน ตามแต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะกระจายส่งตัวไป เพื่อลดความแออัดและให้คนเจ็บได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด รวมถึงธิญาดาก็ถูกส่งตัวมาที่นี่เช่นกัน เพราะเขาเห็นสองสาวเพื่อนสนิทของเธอนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินและดูเหมือนว่าจะมีญาติๆ ตามมาด้วย เพราะเขาเห็นหญิงชายมีอายุสองคนและชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยท่าทางเป็นกังวล
พีรดนย์ถูกนำตัวไปเข้าห้องฉุกเฉินและรักษาตามกระบวนการ จึงพบว่ากระดูกแขนข้างขวาของเขาร้าวจากการโดนท่อนเหล็กร่วงใส่ ทำให้ต้องเข้าเฝือกเอาไว้ นั่นทำให้ชายหนุ่มอดหงุดหงิดไม่ได้ เพราะจะต้องใช้ชีวิตแบบไม่สะดวกไปอีกหลายวัน ขณะที่ก้องเกียรติส่งยิ้มเยาะเย้ยเมื่อเห็นสภาพเพื่อนรัก
“ไง พ่อฮีโร่ คราวนี้ต้องเดี้ยงไปอีกหลายวันเลยสินะ” ยังไม่ทันที่พีรดนย์จะได้ตอบเพื่อน เสียงมารดาก็ดังมาแต่ไกลพร้อมผู้ติดตามอย่างบิดาและพี่ชาย
“ดล เป็นยังไงบ้างลูก” คุณหญิงรวิยารีบเข้ามาสวมกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวน และมองสำรวจร่างกายของชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นอะไรครับคุณแม่ แค่กระดูกแขนร้าวเท่านั้น ใส่เฝือกไว้ไม่นานก็หายครับ”
“โถลูกรักของแม่ เจ็บมากไหม”
“ไม่เป็นไรครับแม่ แค่นี้เองผมทนได้”
“แล้วทำไมลูกถึงไปติดอยู่ในผับนั่นได้ ปกติลูกไปแต่ผับของโซ่นี่นา”
“เอ่อ…” พีรดนย์กำลังคิดหาคำตอบเหมาะๆ เพื่อไม่ให้มารดาอคติกับธิญาดา ว่าเธอเป็นสาเหตุให้เขาต้องเจ็บตัว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เขาไม่ต้องการให้มารดาหรือใครมองเธอไม่ดี จนกว่าเขาจะได้พิสูจน์ว่าเธอดีหรือไม่ดีด้วยตัวเอง
“ว่าไงก้อง เราสองคนไปทำอะไรกันที่ผับเล็กๆ นั่น” เมื่อถูกมารดาของเพื่อนสนิทหันมาคาดคั้นโดยไม่ทันตั้งตัวก้องเกียรติก็ถึงกับไปไม่เป็น เพราะไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไรให้ตรงใจเพื่อน
“เอ่อ…ผมพาลูกค้าไปเลี้ยงรับรองครับ ลูกค้าเขาต้องการไปที่ผับนี้ ผมก็เลยไม่ได้พาไปที่ผับของไอ้โซ่” ยังไม่ทันที่พีรดนย์จะให้คำตอบดีๆ แก่มารดา พยาบาลก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“คุณพีรดนย์รับยาแล้วกลับบ้านได้เลยนะคะ หลังจากนั้นมาตามคุณหมอนัดตามในเอกสารที่ให้ไว้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“อ้อ คุณผู้หญิงที่คุณช่วยไว้อาการปลอดภัยแล้วนะคะ ญาติของคนไข้อยากจะขอพบเพื่อขอบคุณ ไม่ทราบว่าคุณพีรดนย์สะดวกไหมคะ” คราวนี้ทุกสายตาหันมามองเขาเป็นจุดเดียว ไม่ว่าจะบิดา มารดา หรือพี่ชาย เพราะทุกคนได้ทราบโดยพร้อมเพียงกันแล้วว่าที่เขาเจ็บตัว เพราะฝ่าเปลวเพลิงไปช่วยสาว
“ครับ เดี๋ยวผมออกไปครับ”
“ได้ค่ะ” พยาบาลสาวเดินหลบออกไปแจ้งให้ญาติของคนเจ็บทราบ ในขณะที่พีรดนย์ส่งยิ้มแหยๆ ให้กับมารดา บิดาและพี่ชาย เมื่อตอนนี้สิ่งที่เขาพยายามปกปิดถูกเปิดเผยเสียแล้ว เสียงหัวเราะหึหึจากบิดาและพี่ชายทำให้คุณหญิง รวิยาหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ
“พ่อลูกหัวเราะอะไรกัน”
“ก็หัวเราะลูกชายสุดที่รักคุณหญิงไง ที่มันเจ็บตัวต้องแขนเดี้ยงไม่ครบสามสิบสอง ที่แท้เพราะอยากช่วยสาว ทุ่มทุนสร้างมาก พ่อนับถือแกจริงๆ ว่ะไอ้ดล”
“ฉันชักอยากเห็นซะแล้วว่ะไอ้น้องชาย ว่าคนที่แกเสี่ยงชีวิตเพื่อเขาขนาดนี้ หน้าตาเป็นยังไง รู้จักกันมานานแล้วเหรอ เก็บเงียบเลยนะ”
“ก็…ก็ไม่นานเท่าไหร่”
“ไอ้ไม่นานเท่าไหร่ นี่มันนานแค่ไหนกันล่ะดล ทำไมถึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเขาขนาดนั้น ไหนบอกแม่มาซิ รู้ไหมว่าแม่เกือบหัวใจวายตาย ตอนเห็นข่าวในทีวีว่าลูกตัวเองติดอยู่ในผับที่เพลิงไหม้”
“เอ่อ…สองครั้งครับ”
“เคยนอนกับเขาสองครั้งเหรอ” พีรวัสแกล้งแหย่น้องชาย เพื่อหวังจะคลี่คลายบรรยากาศมาคุระหว่างมารดากับเจ้าตัวแสบประจำบ้านที่ร้ายตั้งแต่เด็กยันโต
“ยังไม่ได้นอน เอ๊ย…ไม่ใช่ จะบ้าหรือไงวะไอ้พี่พีท” คราวนี้บิดาและพี่ชายหัวเราะขำกันใหญ่รวมถึงก้องเกียรติทำให้คุณหญิงรวิยาถึงกับมองค้อน
“พูดอะไรพีท แม่กำลังซีเรียสนะ”
“โถ่ คุณแม่อย่าซีเรียสไปเลยครับ คนเลวๆ แบบเจ้าดลนี่ ยมบาลเขาไม่ต้องการหรอกครับ มันยังต้องอยู่ใช้กรรมบนโลกนี้อีกนาน คุณแม่ก็เห็นนี่ครับ ว่าตอนนี้ลูกชายสุดที่รักของคุณแม่ปลอดภัยดี ครบสามสิบสองอยู่ตรงหน้า แถมยังทำตัวเป็นพลเมืองดีช่วยชีวิตคนไว้อีกด้วย บุญบารมีครั้งนี้คงส่งผลให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณแม่อายุยืนไปอีกนาน”
“พี่พีทพาคุณพ่อ คุณแม่ ไปรอที่รถก่อนนะ ผมขอไปพบครอบครัวเกรซแปปเดียว เดี๋ยวตามไป” พีรดนย์บอกพี่ชายแล้วเดินนำออกไปยังห้องโถงของโรงพยาบาลที่ครอบครัวของธิญาดารออยู่