ณ หอพักนักศึกษาของขวัญข้าว ในตอนกลางคืน
หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล เจ้าของร่างเล็กก็เดินเข้าห้องพักด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
ความรู้สึกมากมายอัดแน่นอยู่ในอกจนเธอแทบหายใจไม่ออก แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าในห้องยังมีแสงไฟอ่อน ๆ จากโคมไฟตั้งโต๊ะ และเสียงเพลงเบา ๆ จากโทรศัพท์ที่เปิดทิ้งไว้
โมเม เพื่อนสนิทของเธอนั่งอยู่บนเตียง
กำลังทำอะไรบางอย่างกับเสื้อผ้าชุดลำลอง แต่พอเห็นเพื่อนสนิทกลับมา หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นทันที
ไม่รอช้าโมเมรีบถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“กลับมาแล้วเหรอแก เหนื่อยมากมั้ยวันนี้?”
ขวัญข้าวเองพยายามฝืนยิ้ม แล้วตอบกลับเพื่อนไป
“ก็…นิดหน่อย แต่ก็โอเค ขอบใจแกนะที่ถามฉัน”
มือเรียววางกระเป๋าลงข้างเตียง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงเบา ๆ โมเมมองเพื่อนอย่างจับสังเกต เห็นเงาความหม่นในแววตาก็อดถามไม่ได้
โมเมถามเสียงอ่อนลง
“มีเรื่องเครียดเหรอแก? ถ้าระบายได้ก็บอกได้นะเว้ย ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว”
ขวัญข้าวส่ายหัวเบา ๆ พร้อมยิ้มจาง ๆ
“ยังไม่พร้อมอ่ะ…ขอขวัญตั้งหลักก่อนนะ”
โมเมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะรู้ว่าเพื่อนต้องการพักใจ
โมเมพูดพลางทำเสียงกระซิบ
“อ๋อ ๆ งั้นเดี๋ยวเล่าเรื่อง อื่นในรั้วมหาลัยให้ฟังแทนละกัน แกจะได้ไม่คิดมาก”
ขวัญข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนอย่างแปลกใจ
“หืม เรื่องอะไรแก?”
โมเมทำท่าตื่นเต้น
“เมื่อเย็นตอนที่ฉันออกไปซื้อขนมแถวหน้าคณะ ได้ยินเด็กปีหนึ่งคณะเราอ่ะ นั่งเม้าท์กันใหญ่เลย เขาว่าปีนี้รุ่นพี่จะพาไปรับน้องที่ทะเล!”
ขวัญข้าวตาโตขึ้นเล็กน้อย
“จริงเหรอ? หรือว่าแค่ลือกัน?”
โมเมยักไหล่ แต่แววตายังตื่นเต้น
“ก็น่าจะลือแหละ แต่พวกนั้นบอกว่ามีคนเห็นพี่รามกับพี่เวย์นั่งคุยกับกลุ่มเพื่อน แล้วพูดเรื่องสถานที่กับกำหนดการด้วยนะ”
ขวัญข้าวได้แต่พึมพำ
“ทะเล…”
“ช่ายยย~ แต่พวกปีหนึ่งก็บอกเหมือนกันว่าให้รอฟังประกาศอย่างเป็นทางการจากปากรุ่นพี่ก่อน…น่าจะพรุ่งนี้แหละ!”
โมเมขยับเข้ามานั่งข้าง ๆ พลางหยิบหมอนมาโปะบนตัก แล้วมองขวัญข้าวด้วยสายตาแพรวพราว
โมเมแกล้งกระซิบ
“ว่าแต่…ถ้าไปทะเลจริง พี่เวย์จะไปมั้ยน้า~”
ขวัญข้าวสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหันมามองเพื่อนด้วยแววตาดุ ๆ แต่ก็มีรอยยิ้มมุมปาก
ขวัญข้าวทำเสียงดุเบา ๆ กลบเกลื่อน แต่แฝงความอาย
“หยุดเลยนะโมเม อย่าแซว!”
โมเมหัวเราะคิก
“ไม่แซวได้ไง! แกชอบเขานี่นา เพื่อนชอบใครฉันก็สนับสนุนนะ”
ขณะเดียวกันขวัญข้าวรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ไม่ ๆ นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ถึงยังไงระหว่างฉันกับพี่เวย์ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วแก ที่เขาจงใจแกล้งเราเพราะหมั่นไส้แหละ”
โมเมทำท่าครุ่นคิด
“หมั่นไส้แบบอยากกัด…หรือหมั่นไส้แบบอยากจูบวะ?”
ขวัญข้าวเอาหมอนใบเล็กฟาดใส่เพื่อนเบา ๆ ทั้งที่หน้าแดงไปหมด ส่วนโมเมก็หัวเราะอย่างสะใจ ก่อนจะยกมือยอมแพ้
โมเมพูดกลั้วหัวเราะ
“โอเค ๆ ไม่แซวละ รอฟังประกาศพรุ่งนี้ก่อนเนอะ ถ้าไปทะเลจริง สนุกแน่!”
ขวัญข้าวพยักหน้าเบา ๆ แม้ใจจะยังว้าวุ่นกับเรื่องราวที่บ้าน แต่เพียงแค่โมเมอยู่ตรงนี้ ความหนักใจก็เบาลงไปได้บ้าง
อีกด้านของเวย์
ณ คอนโดมิเนียมหรู ชั้น 42 ห้องพักของมะปราง เวลาสี่ทุ่มนิด ๆ
แสงไฟสลัวจากโคมบนหัวเตียงฉาบร่างสองร่างที่เพิ่งจบกิจกรรมรักลงไปหมาด ๆ ผ้าห่มหนาพันตัวมะปรางอยู่เพียงหลวม ๆ บนเตียงขนาดคิงไซส์
“อื้อ! เวย์พอแล้วเหรอ ต่ออีกรอบไหม”
เสียงหวานของหญิงสาวผมสั้นใบหน้าเฉี่ยวพูดขึ้น เพราะชายตรงหน้าถอดถุงยางอนามัยทิ้งลงขยะข้าง ๆ จากนั้นเจ้าของร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่พูดอะไร มือหนาคว้าเสื้อนักศึกษามาสวม ใบหน้าหล่อเหลานิ่งขรึมตามแบบฉบับคนที่ไม่เคยใส่หัวใจลงไปกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“วันนี้ถุงยางหมด ไว้วันอื่นแล้วกัน”
มะปรางลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ทิ้งผ้าห่มที่คลุมกายลงจนเผยเนินไหล่เปลือยเปล่า ดวงตาคมเฉี่ยวสบกับแผ่นหลังกว้างที่กำลังติดกระดุมเสื้อทีละเม็ด ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้ ลูบนิ้วลงบนอกแกร่งที่เริ่มซ่อนตัวภายใต้เสื้อนักศึกษา
จากนั้นริมฝีปากเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด พูดด้วยเสียงเย้ายวน เจือความน้อยใจ
“เสร็จแล้วก็ไร้เยื่อใยจังเลยนะเวย์… นายก็รู้นี่ ว่าที่บ้านเราก็คุย ๆ เรื่องหมั้นกันอยู่ อยู่ต่ออีกสักหน่อยจะเป็นไรไป… ถ้านายไม่มีถุง ฉันก็ยินดีให้นายแบบไม่ต้องใช้ก็ได้นะ”
เวธัสหยุดมือที่กำลังติดกระดุม ก่อนจะจับข้อมือของมะปรางแล้วปัดออกอย่างสุภาพแต่เด็ดขาด
แล้วพูดเสียงเย็นชา
“ฉันรักแค่ข้าว…คนเดียว... เรื่องหมั้น…ฉันก็แค่ทำเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว เธอก็รู้อยู่แล้วนี่มะปราง อย่าทำเหมือนระหว่างเรามันมีอะไรมากกว่านี้เลย เรามันก็แค่สนองความต้องการของกันและกัน”
ดวงตาของมะปรางไหววูบเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มบางที่เต็มไปด้วยการเสแสร้ง
เธอแค่นหัวเราะเบา ๆ
“ใจร้ายจังแฮะ… แล้วนี่ถ้าข้าวยังอยู่ล่ะ นายจะไม่แม้แต่ชายตามองฉันเลยใช่ไหม?”
เวธัสไม่ตอบอะไร เขาแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กเวลา และหยิบกระเป๋าสตางค์จากโต๊ะข้างเตียง เตรียมจะออกจากห้อง
ส่วนมะปรางเดินไปยืนพิงระเบียง ร่างเปลือยบางสะท้อนแสงไฟจากตึกฝั่งตรงข้าม เธอเหม่อมองเมืองที่ไม่เคยหลับไหล ก่อนจะเปรยขึ้นมาเสียงเรียบ
“โอเค ๆ ไม่อยากพูดเรื่องนั้นก็ไม่เป็นไร… แต่พรุ่งนี้อย่าลืมนะ เจอกันที่มหาลัย แล้วก็วันรับน้อง ฉันจองที่พักไว้แล้ว นายต้องไปด้วยล่ะ อย่าเบี้ยว”
เวธัสชะงักนิดหน่อยก่อนพยักหน้าโดยไม่หันกลับไปมอง เขาพูดด้วยเสียงเรียบ
“อืม ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเลยแม้แต่น้อย ทิ้งไว้เพียงร่างของหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่ในความเงียบ มีเพียงสายลมจากระเบียงที่พัดผ้าม่านปลิวไหวราวกับแกล้งตอกย้ำความว่างเปล่าที่เหลืออยู่ในห้อง