บทที่4 เป็นได้แค่ภาระ

1838 คำ
บทที่4 เป็นได้แค่ภาระ วันต่อมา... 10.00 am. ณ คอนโดแห่งหนึ่ง ติ๊งน๊อง~ ติ๊งน๊อง~ “ยัยมีน นี่แกจะทำกับฉันแบบนี้จริงๆ เหรอ” “ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วแกจะอยู่ที่ห้องคนเดียวเหรอ แพ้ท้องหนักขนาดนั้นอะ” “แต่เขาไม่เปิดประตูให้เราเลยน่ะเว้ยทั้งๆ ที่เรายืนกดอ๊อดหน้าห้องของเขามาสักพักแล้วน่ะ กลับเถอะ กูอยู่คนเดียวก็ได้” หมับ! “ไม่ได้ กูไม่อนุญาตให้มึงอยู่คนเดียว” ยัยมีนาจับแขนของฉันที่ทำท่าจะเดินหนีแล้วพูดเสียงแข็งตาเขียว ทำเอาหน้าฉันหดเหลืออยู่นิดเดียวก่อนที่มันจะหันไปกดอ๊อดต่อ ยัยนี้มันเป็นเพื่อนฉันจริงๆ ใช่ไหม ดุเป็นบ้าเลย ใช่ค่ะวันนี้ตอนนี้ยัยมีนาเพื่อนรักของฉันมันลากฉันพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่มายืนอยู่หน้าประตูห้องของไอ้คนที่ฉันเริ่มเกลียดอย่างตฤณ เรื่องของเรื่องก็คือ มันจะให้ฉันมาอยู่กับตฤณ ใช่ค่ะคุณฟังไม่ผิดหรอก นังเพื่อนรักของฉันมันกำลังจะเอาฉันยัดเยียดให้กับคนเฮงซวย2021อย่างตาบ้าตฤณเพราะมันไม่รู้จะเอาฉันไปฝากให้ใครดูแล ละพอฉันถามว่าทำไมต้องเป็นตาบ้านี้ด้วย มันก็ตอบกลับมาทันควันว่า ‘ก็พ่อเด็กมันเป็นตฤณก็ต้องให้ตฤณรับผิดชอบตั้งแต่ลูกเท่าเม็ดถั่วนั่นแหละหรือมึงจะไปอยู่วัดให้แม่ชีดูแล ฉันก็เลยเงียบแล้วปล่อยให้มันจัดการทุกอย่างให้จบๆ ไปเพราะไม่อยากให้มันพาลไปถึงนักพรตหญิงในศาสนาพุทธฝ่ายเถรวาทเล่น เดี๋ยวนรกจะกินกบาลเอา อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้มันเครียดไปด้วยที่ต้องทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวโดยไม่มีมันดูแล คือฉันไม่ได้อ่อนแอจนดูแลตัวเองไม่ได้น่ะ แต่อาการแพ้ท้องของฉันมันหนักหน่วงเหลือเกินยัยมีนามันเลยเป็นห่วงฉันมาก กลัวฉันจะตายเอา “ซ้อมตายหรือไงวะ กดอ๊อดเสียงดังขนาดนี้ยังไม่เดินมาเปิดประตูอีก” ยัยมีนาบ่นออกมาอย่างหัวเสียเมื่อมันกดอ๊อดเสียงดังอย่างบ้าคลั่งแล้วแต่คนในห้องก็ไม่ยอมมาเปิดประตูสักที จนกระทั่ง.... ปึก! “จะกดหา...” O_o O_o พระเจ้า! อีตาบ้าตฤณทำไมเขาถึงได้ออกมาเปิดประตูด้วยสภาพล่อนจ้อนแบบนี้เนี่ย! ใช่แล้วค่ะ เขา...อีตาผู้ชายเฮงซวยเดินมากระชากประตูด้วยบ็อกเซอร์ตัวเดียว โอ๊ย! แล้วยัยมีนามึงจะยืนตาโตมองไอ้นั่นของตาบ้านี้ไปถึงชาติหน้าเลยเหรอ! ฉันไม่ได้หวงนะแต่มัน...เอ๋อนั่นแหละ! พรึบ! “หยุด มึงอย่ามองน่ะ” ฉันขยับไปยืนบังหน้าตฤณแล้วกางแขนไม่ให้มีนาที่ยังยืนอึ้งไม่หายจ้องตรงนั้นของเขาจนพรุน ยัยเพื่อนบ้าเอ๊ย! มองตรงไหนไม่มองดันไปมองเจ้ามังกรของตาบ้านั้น! เดี๋ยวก็เป็นตากุ้งยิงหรอก พรึบ! “เธอใช่ไหมที่กดอ๊อดห้องฉัน” ตฤณที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันใช้มือปัดหัวของฉันออกแล้วถามยัยมีนาที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ซึ่งเดาได้เลยว่าเขาคงกำลังไม่พอใจที่โดนรบกวนแน่นอนถึงได้ถามเสียงฉุนขนาดนั้น “ใช่ ฉันเป็นคนกดเอง แล้วฉันก็จะบอกว่า ยินดีด้วยที่คุณเปิดประตูมารับโชคช่วงสายของวันจากฉัน...ทำผู้หญิงท้องแล้วก็ช่วยรับผิดชอบด้วยนะคะ” พลั่ก! ปึง! !!!! ยัยมีนา! แกจะมาผลักฉันเข้ามาในห้องของตาบ้านี้แล้วปิดประตูใส่หน้าฉันแบบนี้ไม่ได้น่ะ กลับมาก่อน! ทันทีที่ยัยมีนามันผลักฉันเข้ามาในห้องของตฤณฉันก็รีบตะเกียกตะกายออกจากอกของตฤณแล้วเตรียมวิ่งไปเปิดประตูเพื่อวิ่งตามยัยมีนาทันที แต่... หมับ! “จะไปไหน” ฮรื่อ~ ฉันไม่ได้อยากมาอยู่กับตาบ้านี้เลยน่ะ ฉันเกลียดเขา ยัยมีนา ยัยเพื่อนบ้าเอ๊ย ทำไมต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย ถ้าอยากให้ฉันมีคนดูแลก็จ้างคนมาสิ ไม่เห็นต้องมาโยนฉันให้ไอ้คนเห็นแก่ตัวคนนี้เลย “กลับบ้าน” ฉันตอบตฤณเสียงแข็งแล้วก็ไม่หันไปมองหน้าเข้าด้วยน่ะ ถึงแม้ว่าแขนข้างหนึ่งของฉันจะถูกเขาดึงไว้ก็เถอะ “กลับบ้าน? จะกลับบ้านแล้วจะให้เพื่อนมาโยนเธอให้ฉันทำไม ต้องการอะไร” ขวับ! ฉันหันขวับจ้องหน้าไอ้คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังฉันตาเขียวทันทีที่มาพูดจาหมาไม่แดกแบบนั้นกับฉัน ใช้คำว่าโยนเหรอ นี่คนนะไม่ใช่สิ่งของ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากคนอย่างเขาด้วย เพราะเมื่อคืนเราเคลียร์กันแล้วแต่ที่ฉันต้องมายืนเสนอหน้าให้เขาเห็นเนี้ยมันเป็นเพราะเพื่อนฉันลากมา! “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากนายทั้งนั้นแหละ เพราะเมื่อคืนเราเคลียร์กันแล้ว และอีก9เดือนฉันก็จะเอาใบผลตรวจDNAมาฟาดหน้านายด้วย” “เหรอ ถ้าไม่ต้องการอะไรจากฉันจริง เธอจะลากกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนั้นมาด้วยทำไม” ตฤณพยักหน้าไปที่กระเป๋าลากใบใหญ่ของฉันที่ลากมาด้วย ก่อนจะค่อยๆ จ้องหน้าฉันอีกครั้ง ซึ่งฉันก็คิดว่ามันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาที่ต้องรู้ เพราะถึงยังไง ฉันก็ไม่อยู่กับเขาหรอก คนห่วยแตกแบบนี้อะ แต่... ยิ่งฉันเงียบ เขาก็ยิ่งกดดันฉันด้วยสายตานิ่งๆดุๆนั้นให้ฉันพูดออกมา แล้วพอฉันเงียบอีกเขาก็เริ่มกอดอกแล้วดุนกระพุ้งแก้มระบายลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดที่ฉันไม่ยอมพูดสักที ฉันก็เลย...อืม ต้องพูดออกไป “...ฉันแพ้ท้องหนักอ้วกทุกเช้าแถมสภาพก็เหมือนซอมบี้เดินได้ แต่เพื่อนฉันมันไม่สามารถอยู่ดูแลฉันได้เพราะมันต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศวันนี้แล้วก็ไม่มีกำหนดกลับด้วย มันเป็นห่วงฉันไม่อยากให้ฉันอยู่คนเดียว...” “ก็เลยโยนยัยภาระแบบเธอมาให้ฉัน” ภาระ? นี่เขาเห็นฉันว่าเป็นภาระเหรอ นี่ฉันท้องลูกของเขาอยู่น่ะ ลูกที่มาจากน้ำเชื้อของเขาอะแล้วมาพูดแบบนี้ไม่แรงไปหน่อยเหรอ จิตใจแม่ท้องอ่อนแบบฉันต้องมาเจอกับคนปากร้ายจิตใจหยาบกระด้างเฮงซวยระยำตำบอนแบบนี้เหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันไม่อยู่ก็ได้น่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปอยู่คอนโดแล้วกอดส้วมให้ตายกันไปข้างเอง “ถ้าไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยก็พูดจากันดีๆ ไม่ต้องมาพูดจาเสียดสีกันแบบนี้หรอก มันบ่งบอกถึงจิตใจของนายที่หยาบคายไร้การถูกอบรมสั่งสอน!” ฉันสาดประโยคเจ็บแสบจบฉันก็เตรียมหมุนตัวจะเดินออกจากห้องของเขา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเลย...ไอ้มือบ้าๆของเขาก็กระชากแขนฉันให้หันไปเผชิญหน้ากับเขาสักก่อน หมับ! “มาด่าฉันแบบนี้แล้วคิดว่าจะเดินออกไปง่ายๆเหรอชฎา” “แล้วทำไม ทำไมฉันจะด่านายไม่ได้ เป็นใครมาจากไหนเหรอ สูงส่งมาจากชั้นฟ้านักเหรอ แต่เท่าที่ฉันเห็นฉันว่านายไม่ได้มาจากฟ้าหรอกมาจากขุมนรกชั้นอเวจีมากกว่า ต่ำ!” พรึบ! “อ๊ะ!” ไอ้บ้าเอ๊ยจะดึงฉันไปกอดทำไมเนี่ย มันเจ็บน่ะ “หึ ต่ำเหรอว่ะ ถึงฉันจะต่ำ แต่ก็เป็นคนต่ำ ๆ ที่ผู้หญิงอย่างเธอมาเรียกร้องให้เป็นพ่อของเด็กในท้องเธอนะ...เผื่อลืม” พลั่ก! “...” ฉันจัดการผลักอกของเขาออกทันทีที่เขาเอาเรื่องที่ฉันไปคุยเมื่อคืนมาล้อเลียนพร้อมกับยืนจ้องตาเขาอย่างเอาเรื่องด้วยความโมโหจนตัวสั่นก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟันออกไปอย่างโกรธเคือง “ก็ฉันท้องกับนายถ้าไม่ให้นายรับผิดชอบแล้วจะให้หมามันรับผิดชอบหรือไงล่ะ” “ชฎา” “เหอะ เป็นไงกดเสียงต่ำจ้องหน้าฉันขนาดนี้แค้นที่ฉันพูดตรงไปเหรอ แต่ฉันว่ามันไม่แรงเท่ากับคำว่าขนาดหมามันยังรักลูกของมันหรอกน่ะ” “หึ ก็ถ้าไปเอากับหมามาก็ให้มันรับผิดชอบไปดิ” “นายนี่มัน...” เขามันผู้ชายที่เฮงซวยจริงๆ พูดอะไรไปก็ไม่สะทกสะท้านสักอย่าง ไอ้เบื๊อกเอ๊ย! “มันอะไร” “มันเฮงซวยยังไงละ” “ขอบคุณที่ชม” เหอะ! ไม่สะทกสะท้านแถมยังยืนยิ้มลอยหน้าลอยตาอีกน่ะ ต้องหน้าด้านหน้าทนจิตใจไร้ความรู้สึกขนาดไหนอะคนเรา ฮึ่ย! เสียเวลาชีวิตจริงๆ หมับ! “จะไปไหนอีก” “กลับสิ ไม่มีตาหรือไง” ฉันตอบตาขวางกลับไปที่จู่ๆ ก็โดนดึงแขนจนแดงเถือกอีกครั้ง แล้วคือจะมาถามซ้ำถามซากอะไรกับฉันหนักหนา ปล่อยให้ฉันกลับบ้านไปสิ ไม่อยากให้ฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ “เพื่อนอุตส่าห์ผลักภาระมาให้ฉันถึงที่ยังเอาแต่ใจจะกลับไปอยู่คนเดียวให้เพื่อนไม่สบายใจอีกเหรอวะ ท้องปุ๊บเซลล์สมองถูกเด็กในท้องเอาไปกินหมดแล้วเหรอว่ะชฎา” ไอ้!!! นี่ด่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ! แรงมาก!! “นี่! แล้วนายจะให้ฉันอยู่หรือไงเล่า” เหอะ! พูดเหมือนกับตัวเองจะให้ฉันอยู่ด้วยอย่างไงอย่างงั้นแหละ “ก็ไม่ได้อยากให้อยู่แต่เห็นแก่คนเคยเอากันแล้วก็เด็กในท้องของเธอที่บอกว่าเป็นลูกของฉัน ฉันจะให้เธออยู่จนกว่าเพื่อนของเธอจะมารับกลับไปละกัน” เหอะ! สมองกระทบกระเทือนเหรออยู่ ๆ ก็ยอมให้ฉันอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนยังร้องขอหลักฐานจากฉันอยู่เลย อีกอย่างฉันควรดีใจหรือควรกรี๊ดกับคำพูดที่สรรหามาพูดให้ฉันปรี๊ดแตกเมื่อกี้ของเขาก่อนดี คนเคยเอากันเหรอ? รู้ไหมว่าประโยคนั้นมันทำร้ายจิตใจฉันขนาดไหน มันทำร้ายความรู้สึกโง่ๆของฉันที่เผลอมีให้เขาขนาดไหน ที่สำคัญ! มันเหมือนเป็นการตอกย้ำฉันว่าเมื่อก่อนเราอยู่ในสถานะไหนแล้วพอมาตอนนี้ ฉันก็ต้องมาตกอยู่ในสถานะภาระจำเป็นของเขาอีกเหรอ มีอะไรที่แย่กว่านี้อีกไหม “เหอะ ตอนนี้ฉันเป็นได้แค่ภาระของนายสินะ” “...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม