บทที่5
ฝากครรภ์
“เหอะ! ตอนนี้ฉันเป็นได้แค่ภาระของนายสินะ”
“...”
“ก็ประมาณนั้น”
ดูเขาตอบสิไม่คิดจะถนอมจิตใจฉันเลยใช่ไหม อยากพูดอะไรก็พูดตามใจปากแบบนี้เลยสินะ หึ! ไอ้คนมีสกุลรุนชาติที่สถุลเอ๊ย!
หล่อ รวย ตระกูลดี แต่โคตรสถุลบอกเลย
“เก็บกระเป๋าแล้วลากตามฉันมา”
“...”
“ยืนบื้ออะไรล่ะ”
“...”
“เธอแม่ง...”
ใช่ ฉันไม่ทำตามที่เขาบอกแถมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาก็เลยสบถออกมาแล้วทำตาขวางใส่ฉันก่อนจะลากกระเป๋าของฉันแล้วก็ลากฉันด้วยเพื่อเดินไปที่ห้องนอนห้องหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเราสองคน
แอ๊ด~
“ห้องของเธอ...อยู่ที่นี่ก็อยู่เงียบ ๆ อย่าเสียงดังให้ฉันรำคาญ ไม่งั้นฉันจับเธอโยนทางหน้าต่างแน่”
ใช่ค่ะ เขาพาฉันมาส่งที่ห้องแล้วก็สั่งสะดิบดีว่าห้ามไม่ให้ฉันเสียงดัง แต่ฉันบอกเลยว่าเขาต้องรำคาญฉันในช่วงเช้าของทุกวันแน่ ไม่เชื่อก็คอยดู
“โยนเลยสิ ฉันจะได้ตายไปพร้อมกับลูกแล้วมาหลอกหลอนนายต่อไง ถ้าอยากประสาทแดกเพราะผีอย่างฉันก็ลองดู”
“ไร้สาระ” ฉันไม่อยากพูดหรอกน่ะว่าตอนที่พูดว่าตายไปพร้อมลูกไปเมื่อกี้ มันมีแวบหนึ่งที่สีหน้าแววตาของตฤณเปลี่ยนไปจากเดิมชั่วขณะ ใช่ มันแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้นที่ฉันสังเกตเห็น ก่อนที่เขาจะตีหน้าขรึมว่าฉันไร้สาระ
ก็ไม่รู้หรอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันมั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดห่วงลูกที่ตัวเองไม่ยอมรับหรอก
“แล้วเธออะไปฝากท้องมาหรือยัง”
“ยัง”
“แล้วทำไมไม่รีบไปฝากท้อง” แล้วจะมาทำหน้าจริงจังอะไรกับท้องของฉันละไม่อยากรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆเลย แล้วอีกอย่างคือลืมแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ถูกกับโรงพยาบาลนะ
"..."
"ถามก็ตอบสิวะชฎาจะยืนนิ่งเป็นพระพุทธรูปเพื่อ? "
“ก็ยังทำใจไปโรงพยาบาลไม่ได้อะ ก็เลยยังไม่ได้ไป”
“อย่าบอกน่ะว่ายังไม่ชอบโรงพยาบาล”
“อือ”
“เฮ้อ~ อายุ25แล้วนะชฎาเลิกกลัวอะไรที่มันปัญญาอ่อนสักทีเถอะ เธอกำลังจะเป็นแม่คนแล้วน่ะจะมานั่งกลัวโรงพยาบาลอีกเหรอว่ะ แล้วถ้าถึงวันที่ต้องคลอด เธอจะคลอดเองที่บ้านหรือไง”
“นายไม่ใช่ฉันก็พูดได้นี่ ลองมาเป็นฉันที่ไม่ชอบทุกอย่างเกี่ยวกับโรงพยาบาลไหมล่ะ แล้วจะรู้ว่าอาการมันเป็นยังไง”
“แล้วอาการมันเป็นยังไง”
“อาการมันก็พอๆ กับที่เกลียดชังนายตอนนี้ไง”
ใช่ ฉันเริ่มรู้สึกเกลียดหน้าของตฤณแล้วอะ ทั้งเกลียดเขาขยะแขยงเขาแต่บางครั้งก็อดที่จะรู้สึกน้อยใจเขาไม่ได้เหมือนกัน
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงแล้วจะเกลียดหรือจะน้อยใจกันแน่แต่ที่รู้ๆคือฉันอยากร้องไห้มากเลยอะ ยิ่งสบตาเขาฉันก็ยิ่งหน่วงจนพานทำให้น้ำตามันเอ่อล้นในดวงตาทำเอาภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด
“เกลียดฉันแต่มาอยู่กับฉัน มาให้ฉันรับผิดชอบ ไม่ย้อนแย้งไปหน่อยเหรอชฎา”
“มันอาจจะดูย้อนแย้งสำหรับนาย แต่สำหรับฉันมันไม่ได้ย้อนแย้ง เพราะฉันเกลียดนายแต่ฉันก็ไม่อยากให้ลูกโดดเดี่ยวเหมือนฉันถ้าวันหนึ่งฉันได้ตายไปจากเขา” และนี้ก็คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันตัดสินใจอยากให้เขารู้ว่าฉันท้อง เพราะฉันเป็นเด็กกำพร้าถ้าวันหนึ่งฉันเป็นอะไรขึ้นมา อย่างน้อยๆลูกของฉันก็จะได้มีเขาอยู่ข้าง ๆ ไม่โดดเดี่ยวเหมือนฉันตอนนี้
“...เธอจะบอกว่าเธอเกลียดฉันแต่ทำเพื่อลูกงั้นสิ”
“ก็ถ้าไม่ได้ทำเพื่อลูก แล้วจะให้ฉันทำเพื่อใครอีกละ จะทำเพื่อนายก็คงไม่ใช่ เพราะตอนนั้นเราก็มีสถานะแค่คู่นอนเฉยๆ และถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันท้องลูกของนาย ฉันก็คงไม่แบกหน้าไปให้นายเห็นหน้าอยู่แล้ว”
“...” พอฉันพูดประโยคพวกนั้นจบเขาก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาเลยนอกจากยืนจ้องหน้าฉันนิ่งอย่างเดียว จนกระทั่งเวลาผ่านไปนาทีกว่าๆ เขาก็ขยับปากพูดกับฉันอีกครั้ง
“...ชั่งเรื่องพวกนั้นเถอะเพราะตอนนี้ฉันจะให้เวลาเธอเข้าไปทำใจ แล้วเดี๋ยวอีกสองชั่วโมงฉันจะพาเธอไปฝากท้องกับหมอที่โรงพยาบาล”
“มะ...”
“ไม่มีคำว่าไม่เอา ถ้าอยากให้ฉันรับผิดชอบเด็กที่อยู่ในท้องของเธอ เธอก็ต้องเชื่อฟังฉัน เข้าไป”
พูดจบตาบ้าตฤณก็ดันหน้าผากของฉันให้เข้าไปในห้องนอนทันทีโดยที่ไม่ปล่อยช่องว่างให้ฉันได้พูดแทรกแม้แต่คำเดียว ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าฉันแล้วเดินออกไปจากหน้าห้องของฉัน
ฉันที่ได้ยินว่าเขาเดินออกไปแล้วก็เลยหมุนตัวเดินไปล้มตัวนอนบนเตียงข้างหลังด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างกระเง้ากระงอดทันที
เหอะ! ถ้าอยากให้ฉันรับผิดชอบก็ต้องเชื่อฟังฉันงั้นเหรอ เป็นบ้าอะไรอะ ผีเข้าหรือไง
Chada end part
Trin part
ฟึบ!
อ่า~ ผมแม่งไม่เคยรู้สึกเหนื่อยใจเท่าวันนี้เลยว่ะ คุยกับยัยนั้นไปแค่ไม่กี่นาทีแต่ความรู้สึกเหมือนนั่งทำงานที่ไม่อยากทำเป็นสิบๆปีเลยว่ะ
โคตรเหนื่อยเป็นบ้าเลย แล้วประเด็นคือเมื่อคืนหลังจากที่ชฎาเดินไปบอกผมว่าเธอท้องกับผม แล้วอยากให้ผมรับผิดชอบเด็กในท้องของเธอ ผมก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
ก็เลยขับรถกลับมาที่คอนโดทันทีที่ชฎากลับ แล้วรู้ไหมว่าผมแม่งนอนคิดมาทั้งคืนว่ายัยนั้นท้องกับผมได้ไงทั้ง ๆ ที่ผมป้องกันตัวเองตลอด แม้กระทั่งคืนสุดท้ายที่ผมนอนกับยัยนั้นผมก็ยังสวมถุงยางเลย แล้วแม่งจะท้องได้ไงว่ะ
ไม่รู้อะ ผมนอนคิดเรื่องนี้มาทั้งคืน คิดจนปวดหัวแล้วเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงกด อ๊อดหน้าห้องนั่นแหละก็เลยตื่นไปเปิดประตูดู
แล้วพอเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเป็นชฎากับเพื่อนเธอเท่านั้นแหละ...สัสเอ๊ยผมเหมือนคนที่โดนเอาลูกบอลอัดหน้าอะ ตอนเห็นตอนแรกผมก็ยอมรับน่ะว่าแอบตกใจเหมือนกัน คือแม่งก็ตกใจตั้งแต่ที่เห็นเธอไปหาผมเมื่อคืนแล้วแหละ แต่วันนี้ตกใจกว่าที่เห็นเธอลากกระเป๋ามาด้วย ซึ่งวินาทีนั้นผมก็เริ่มทำใจพลางๆเลยว่าผมต้องดูแลชฎาแน่นอน
ปรากฏว่าไม่ผิดไปจากที่ผมคาดไว้เลย แล้วถามว่าทำไมผมถึงยอมให้ยัยนั้นอยู่คำตอบก็คือ...ผมก็ไม่ได้เลวขนาดจะผลักไสผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีใครเลยอย่างชฎาให้เผชิญกับทุกอย่างคนเดียวไง คือไม่ได้จะยอมรับว่าลูกในท้องเธอเป็นลูกผมสักทีเดียว แต่บางทีแม่งก็อดคิดไม่ได้ไงว่าเป็นลูกของผม
ไม่รู้วะ ผมขอเชื่อหลักฐานหลังคลอดอย่างเดียวละกัน ส่วนตอนนี้ก็ดูแลไปก่อน ถ้าไม่ใช่ลูกผมก็ถือว่าทำบุญละกันที่ช่วยดูแลผู้หญิงท้อง
แต่ปัญหาใหญ่อีกเรื่องของผมก็คือ ผมจะปิดเรื่องนี้ไม่ให้แม่ของผมรู้ได้ยังไง เพราะถ้าแม่ผมรู้ว่าผมทำผู้หญิงท้องละก็...เรื่องที่ผมเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น เหลวไหล ไม่ยอมทำงานทำการฟันผู้หญิงไปวันๆ ตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงตอนนี้จะถูกกรอกเข้าหูผมจนไม่มีวันหมดอายุแน่ และตำแหน่งที่แม่ผมจะให้ขึ้นไปเป็นประธานบริษัทก็จะหลุดด้วย ที่นี่แหละผมก็จะได้กินแกลบแทนข้าวสมพรปากแม่ผมแน่
เฮ้อ กูละเซ็งที่ใส่ถุงยางก็เหมือนไม่ใส่ ท้องได้ไงโคตรงง
2ชั่วโมงต่อมา...
@รพ.เอกชนชื่อดัง
“เดินห่าง ๆ ฉันหน่อย” ผมแอบเหลือบไปบอกชฎาที่เดินอยู่ใกล้ ๆ ผมให้เธอเดินห่าง ๆ ผมหน่อยก่อนจะหันไปข้างหน้าเหมือนเดิม คือผมไม่ได้กลัวโรคระบาดห่าอะไรหรอกกลัวตาสัปปะรดของแม่มากกว่า
“ทำไม กลัวใครรู้ว่าทำผู้หญิงท้องเหรอ”
“รู้แล้วจะถามทำไม”
กึก!
“เหอะ ถ้ากลัวขนาดนี้แล้วจะสะเหล่อพาฉันมาทำไม” ชฎาหยุดเดินแล้วพูดเสียงฉุนใส่ผม
ปากยัยนี้แม่งอัพเลเวลความปากดีไว้ตอนไหนวะ เมื่อก่อนไม่เห็นจะมีปากมีเสียงกับผมเท่าตอนนี้เลย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ แล้วดูตอนนี้ดิ
คือผมต้องบอกไว้ก่อนน่ะ ว่าผมกับชฎาเนี่ยเราได้เสียกันเพราะเธอเมาและผมก็รู้สึกถูกใจเธอหลังจากนั้น ก็เลยให้เธอมาเป็นคู่นอนของผมต่ออีก6เดือนภายใต้กฎที่ว่า...ว่านอนสอนง่ายแล้วจะได้เงินไปใช้ ซึ่งชฎาเองก็ตกลงเพราะตอนนั้นเธอก็พึ่งตกงานไม่มีงานทำด้วยก็เลยตกลงรับข้อเสนอของผมไป
ผมถึงบอกไงว่าชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นแล้วเพราะเธอดูพยศและจองหองกับผมจนน่าหมั่นไส้ อย่างเช่นตอนนี้ที่กำลังมองผมตาเขียวเหมือนโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว
ผมก็แค่ต้องป้องกันตัวเองหรือเปล่าว่ะ เพราะถ้ามีคนของแม่ผมเห็นว่าผมพาผู้หญิงมาฝากท้องผมก็ซวยอะดิ
“แล้วเธอจะเสียงดังทำไมวะชฎา ฉันไม่ปล่อยให้เธอมาเองคนเดียวมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ รีบเดินเถอะ”
“...”
“เดิน” เมื่อเห็นว่าชฎายังยืนนิ่งจ้องหน้าผมไม่เลิก ผมก็เลยกดเสียงต่ำสั่งเธอพร้อมกับจ้องหน้าเธอกลับด้วยสายตานิ่งๆ จนสุดท้ายยัยผู้หญิงอวดดีตรงหน้าผมก็ยอมสะบัดหน้าเดินไปทางแผนกสูตินรีเวชในที่สุด ผมจึงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วเดินตามหลังเธอไปอีกคน
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อชฎานิ่มสกุล จะมาฝากครรภ์อะค่ะ”
“คุณชฎา นิ่มสกุลนะคะ”
“ค่ะ”
“ค่ะ เดี๋ยวเชิญนั่งลงที่เก้าอี้ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวพยาบาลจะขอวัดสัญญาณชีพและซักประวัติเบื้องต้นก่อนนะคะ”
“ได้ค่ะ”
หลังจากที่เดินมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลผมก็นั่งรอชฎาให้ประวัติกับเจ้าหน้าที่พยาบาลแล้วก็วัดความดันต่างๆนานา อยู่ที่เก้าอี้ข้างหลังเธอ และในระหว่างที่เธอให้ประวัติอยู่ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นดูข่าวสารทั่วไปผ่านแว่นตากันแดดสีดำที่สวมไว้เป็นการฆ่าเวลาไปพลางๆ
จนกระทั่งที่เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ด้วยความเบื่อผมก็เลยเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์มือถือในมือมองไปที่ชฎานั่งอยู่ แต่ปรากฏว่าผมกลับไม่เห็นชฎานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมแล้ว
“ไปไหนแล้วว่ะ...” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับหันซ้ายหันขวาหาร่างที่คุ้นเคยของชฎาไปพลางๆ ก่อนที่จะฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
!!!
อย่าบอกนะว่ายัยนั้นหนีกลับไปแล้ว
พรึบ!
คิดได้ดังนั้นผมก็ลุกพรวดเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พยาบาลคนเดิมเดินมาพอดี
“เอ๋อ...”
“คุณชฎาใช่ไหมคะ”
“ครับ”
“คนไข้กำลังพบคุณหมออยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นอะไรกับคนไข้หรือเปล่าคะ”
“เอ๋อ...” เออแล้วผมจะตอบว่ายังไงวะ
“ตกลงเป็นอะไรกันคะ?”
“...เป็นพี่ชายครับ ผมขอเข้าไปด้วยได้ใช่ไหมครับ” เอาว่ะ พี่ชายก็พี่ชายว่ะ ถ้าไม่เข้าไปเฝ้าผมเกรงว่ายัยนั้นจะหนีกลับคอนโดสักก่อน เพราะก่อนหน้านี้กว่าจะลากออกมาจากห้องได้ ก็ทำเอาผมหงุดหงิดอยู่หลายรอบเหมือนกัน คนบ้าอะไรกลัวโรงพยาบาล
“ได้ค่ะ” ทันทีที่พยาบาลอนุญาตให้ผมเข้าไปในห้องตรวจได้ ผมก็เดินพรวดพราดไปเลื่อนประตูห้องตรวจหมอทันที
แต่...
ผมก็ดันเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันจนได้...
!!
“...”