“ดิน ดินลูกแม่” ภัคธีมาอั้นเอาไว้ไม่ไหว ร้องไห้โฮออกมา ทำท่าจะเข้าไปกอดลูกชาย แต่พสุธาเดินหนี นั่นทำให้ทุกคนอึ้งไป
“คุยกันไปก่อนนะ ตามสบาย พ่อกับแม่ขอตัวก่อน จะได้ปรับความเข้าใจกัน” พ่อเลี้ยงอินทร์กับแม่เลี้ยงจันทรา เปิดโอกาสให้พ่อแม่ลูกได้คุยกัน
“ไม่ต้องปรับความเข้าใจหรอกครับ เพราะผมไม่มีอะไรจะคุยกับคนพวกนี้”
“ดิน ฟังแม่ก่อนนะลูก” ภัคธีมาพยายามรั้งลูกชายเอาไว้ แต่อีกฝ่ายกลับเดินหนีไป
“หยุดก่อนค่ะพี่ดิน” นิลรัตน์ทนเห็นมารดาเสียใจไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอจึงเรียกเขาเอาไว้
พสุธาชะงักแค่เล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะเดินหนี แต่นิลรัตน์รีบไปขวางเอาไว้
“หลีกไป”
“หยุดคุยกันก่อน”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ”
“ถ้าพี่ไม่ฟังไม่คุยจะรู้ความจริงได้ยังไงกัน”
“ความจริงแต่โกหกของพวกเธอ ฉันไม่อยากฟังหรอกนะ”
“ย่านราขโมยพี่มาจากแม่ แล้วพาหนีมาอยู่ที่นี่ พ่อกับแม่พยายามตามหาพี่มาตลอดหลายปี แม่ไม่ได้ทิ้งพี่นะ”
“นี่เธอเอาอะไรมาพูด คุณย่าของฉันก็ตายไปแล้ว ยังจะไปใส่ร้ายท่านอีก”
“นิลเห็นว่าคนตายไปแล้วไง นิลเลยไม่เอาเรื่องเอาราวอะไร พี่คงลืมไปแล้วว่าย่าของพี่พยายามฆ่านิล”
“แต่เธอก็ยังไม่ได้ตายนี่นา” เขาหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความเกลียดชัง พอรู้ว่าเธอมีความเกี่ยวพันกับมารดา และเข้ามาหาเขาเพื่อหวังบางอย่าง แถมยังรู้อยู่เต็มอกว่าเขาคือใคร ในขณะที่เขาเองไม่รู้จักเธอมาก่อน มันเลยทำให้เขาคิดว่าเธอตั้งใจมาหลอกให้เขารัก หลอกให้เขาหลง และคงจะทำร้ายกันให้เจ็บปางตาย
“ก็ใช่ แต่ถ้าคนที่ตายไม่ใช่ย่าของพี่ แต่เป็นนิล พี่ก็คงไม่เสียใจใช่ไหม”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว”
“คุณพ่อคือพ่อของพี่ คุณนทีลูกของคุณนราไม่ใช่พ่อของพี่”
“นี่เธอพล่ามอะไร อย่ามาพูดจาแบบนี้นะ”
“พูดเรื่องจริง”
“ถ้านี่คือเรื่องจริง ก็แสดงว่าคนที่เป็นแม่ของฉันมีชู้ คบชู้ตั้งแต่แต่งงานกับพ่อนที เธออยากให้ฉันรับผู้หญิงแบบนี้มาเป็นแม่อย่างนั้นเหรอ”
“แม่โดนตากับยายบังคับให้แต่งงานกับคุณนที แม่เป็นคนรักของคุณพ่อมาก่อน และท้องกับคุณพ่อ”
“อ้อ... ใจง่ายเสียด้วย แล้วมาแต่งงานกับผู้ชายอีกคน เพื่อที่จะให้ผู้ชายอีกคนรับผิดชอบ”
“พี่นี่มันงี่เง่าจริงๆ ก่อนหน้านี้นิลคิดว่าพี่เป็นคนดีเสียอีก แต่พี่มันโคตรงี่เง่า นี่ยังไม่เข้าใจหรือไงว่าคุณแม่มีความจำเป็นต้องแต่งงานเพราะถูกบังคับ และคุณแม่ก็รักพี่มาก แต่คุณนราพาพี่หนีไป”
“ทิ้งกันไปตั้งหลายปี ไม่เคยเลี้ยงดูกันเลย ย่าของฉันก็ตายไปแล้ว พวกเธอจะพูดอะไรก็ได้ จะโกหกให้ตัวเองดูดีแค่ไหนก็คงโกหกได้” ประโยคของพสุธาทำให้ภัคธีมาร้องไห้โฮออกมา
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ พ่อของฉันตายไปแล้ว ส่วนแม่ก็ถือว่าเราตัดขาดจากกันเพราะทิ้งกันไปตั้งแต่เด็ก” พสุธาเองก็รู้สึกสับสน เขารีบเดินหนีออกมาขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป
ถ้าเรื่องที่นิลรัตน์พูดเป็นความจริงล่ะ เขาเริ่มลังเล แต่ย่าของเขาตายไปแล้ว คนตายพูดไม่ได้ เขาจะไปถามเอาความจริงจากใคร
ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังขับรถด้วยความว้าวุ่นนั้น รถของเขาก็ชนเข้ากับรถบรรทุกอย่างจัง
เสียงรถที่ชนกันโครมใหญ่ ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นกรีดร้องตกใจ ก่อนที่จะมีพลเมืองดีโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจและโทร. เรียกรถพยาบาล
พสุธาเสียเลือดมาก ทำให้ธรต้องเป็นคนบริจาคเลือดช่วยเหลือลูกชาย เนื่องจากกรุ๊ปเลือดของธรเป็นกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับพสุธา
พสุธาตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลายจากสลบไปหลายวัน เขาได้เจอหน้าบิดาและมารดาบุญธรรมเป็นอันดับแรก
“ดินเป็นยังไงบ้างลูก” แม่เลี้ยงจันทราเอ่ยถามลูกชาย
“ผมเป็นอะไรไปครับ”
“ดินขับรถไปชนเข้ากับรถบรรทุกจ้ะ สลบไปหลายวัน แถมยังเสียเลือดมากอีก ดีที่...” แม่เลี้ยงจันทราชะงัก อึกอักหันไปมองหน้าสามี
“ดีที่อะไรครับ”
“แม่พูดได้เหรอ”
“ทำไมเหรอครับ”
“คนที่บริจาคเลือดให้ลูกน่ะก็คือคุณธร พ่อของลูก เพราะลูกเลือดกรุ๊ปเดียวกับเขา” พอสิ้นประโยคนั้น พสุธาก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที
“พ่อรู้จักคบกับคุณธรมาหลายปีแล้ว ถึงจะไม่สนิทกันมาก แต่เขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ดินไม่ต้องเชื่อที่พ่อเล่าก็ได้นะ แต่พ่ออยากเล่านิยายน้ำเน่าเรื่องหนึ่งให้ลูกฟัง”
พ่อเลี้ยงอินทร์เห็นว่าลูกบุญธรรมนอนเจ็บอยู่ อย่างไรก็คงเดินหนี วิ่งหนี ปฏิเสธไม่อยากฟังไม่ได้ จึงค่อยๆ เริ่มเล่าเรื่องของธรกับภัคธีมาให้ลูกชายได้ฟัง
“เรื่องราวทุกอย่างก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าลูกอยากรู้ความจริง ก็ไปสืบเรื่องจากตำรวจคนที่บุกเข้าไปช่วยลูกสิ แต่ไปแล้วไม่เจอลูก เจอแต่คุณมลที่โดนคุณนราวางยาจนสลบไป ตอนแรกพ่อไม่ได้รู้รายละเอียดขนาดนี้หรอก รู้แค่ว่าคุณธรกับคุณมลเขาออกตามหาลูกชายคนเดียว แต่ไม่มีแม้แต่รูปถ่าย แถมไม่รู้เบาะแสอีก ก็เลยตามหายากหน่อย ที่สำคัญก็คือพ่อรู้จักกับคุณธรก็ตอนที่ดินโตแล้ว ไม่ใช่ตอนที่ดินยังแบเบาะอยู่ พ่อเลยไม่ได้เฉลียวใจว่าเด็กคนนั้นที่คุณธรตามหาจะเป็นดิน”
พสุธานิ่งเงียบไป ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ตอนนี้เขารู้สึกสับสนไปหมด
“พ่อกับคุณธรเองรู้จักกันแต่ไม่ได้สนิมสนมถึงขนาดไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง อาจเพราะอยู่กันคนละจังหวัดคนละภาคของประเทศ จะเจอกันก็เวลามีงานสำคัญ ๆ เกี่ยวกับไร่ของเราก็เท่านั้นเอง”
“ตอนนี้พวกเขาไปไหนแล้วล่ะครับ” พสุธาเอ่ยถามเสียงสั่น มันยากเหลือเกินที่จะยอมรับว่านรา หญิงชราที่เขาเรียกย่ามาตลอดเป็นคนพรากเขามาจากอกแม่แท้ ๆ และชั่วช้าสารเลวถึงเพียงนั้น
“เขากลัวดินจะอาละวาดไม่อยากเจอหน้าพวกเขา พวกเขาเลยไม่ได้มา แต่รู้ข่าวว่าดินปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้ว พวกเขาก็ดีใจกันใหญ่จ้ะ”
“ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ทิ้งกันตลอด” พสุธาพูดอย่างน้อยใจ
“ถ้าดินอยากสืบเรื่องในอดีต พ่อจะช่วยดินเอง พ่อเองก็ไม่ได้จะให้ดินเชื่อทุกอย่างที่คุณธรและคุณมลพูด แต่พ่ออยากให้ลูกพิสูจน์ด้วยตัวเอง พ่อสอนดินเสมอว่าเวลาเราจะเชื่ออะไรเราต้องพิสูจน์เสียก่อน ไม่ใช่เชื่อเพราะว่าเขาเป็นพ่อแม่ หรือครูบาอาจารย์ เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็อาจจะโกหกกันได้” ประโยคหนักแน่นของพ่อเลี้ยงอินทร์ทำให้พสุธาได้สติ
จริงสิ! ถ้าเขาอยากรู้ความจริงเรื่องนี้ เขาก็ต้องตามสืบด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเขากำลังเสียใจกับเรื่องที่นราเสียชีวิต เลยปิดกั้นทุกอย่าง
ยอมรับโดยไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขารักนรามาก เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายคือย่าที่เลี้ยงดูเขามา
พสุธานอนหลับไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ยา ตื่นมารอบนี้เขาเห็นว่าคนที่มาเฝ้าเขาอยู่ไม่ใช่บิดากับมารดาบุญธรรม แต่เป็นสาวน้อยนิลรัตน์ที่นอนหลับอยู่ข้างเตียง
แรงขยับของเขาทำให้เธองัวเงียตื่นขึ้นมา ก่อนจะเผยยิ้มกว้างมาให้เขาในทันที
“พี่ดินตื่นแล้วเหรอคะ หิวน้ำไหมคะ”