ตอนที่ 6
ผู้คนมากมายที่หลั่งไหลเข้าออกภายในสนามบินในวันหยุด ทำให้การสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาใครบางคนนั้นเป็นเรื่องยากเย็นเต็มที จนในที่สุดความประหม่าก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของพิมพ์มาดาอย่างชัดเจน เธอเริ่มกังวลและกลัวว่าจะจำเขาไม่ได้ หรือยิ่งไปกว่านั้นคือการที่เธออาจจะหน้าแตกเพราะทักคนผิด
จากนั้นคำพูดของเกรช ที่คอยเตือนสติเธออยู่เสมอ ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดราวกับเสียงกระซิบข้างหู...ความกังวลที่กลัวว่าเขาจะไม่ตรงปก ไม่เหมือนกับที่เธอเห็นจากรูปโปรไฟล์หรือการที่เพิ่งวิดีโอคอลคุยกันเมื่อเร็วๆ นี้ มันเป็นเงาเล็กๆ ที่คอยฉุดรั้งความตื่นเต้นและความคาดหวังอันล้นปรี่ในใจเธอ
“คงไม่หรอกมั้ง!!!...” พิมพ์มาดาพึมพำและพยายามให้กำลังใจตัวเอง โดยหวังว่าเธอคงจะไม่ถูกหลอกให้มารอเก้อเป็นแน่ แต่ความไม่มั่นใจเล็กๆ ก็ยังคงวนเวียนอยู่ภายในใจไม่หยุดหย่อน
พิมพ์มาดานั่งลงก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ และพยายามควบคุมความตื่นเต้นที่ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง เธอเชื่อมั่นในความรู้สึกของตนเองที่มีต่อธาวิน และเชื่อมั่นในบทสนทนาและความผูกพันที่สร้างขึ้นมาตลอดหลายเดือน
แล้วในที่สุด สายตาของพิมพ์มาดาก็ต้องหยุดชะงัก ราวกับถูกตรึงไว้ด้วยมนต์สะกด ร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งที่กำลังเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมา
สายตาของเธอไม่อาจหลีกเลี่ยง แสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเช้าเริ่มสาดส่องลงมาจับต้องใบหน้าอันหล่อเหลาที่ดูอ่อนล้าจากการเดินทาง แต่ยังคงฉายชัดซึ่งความคมคายเอาไว้อย่างโดดเด่น
โครงหน้าของเขาสันกรามคมชัดรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มที่กวาดมองไปรอบๆ นั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนอย่างที่เธอสัมผัสได้ผ่านการวิดีโอคลอเมื่อสองวันที่แล้ว
ริมฝีปากหยักได้รูปดูมีเสน่ห์น่าค้นหา เรือนผมสีดำสนิทถูกจัดทรงมาอย่างดีถึงแม้จะดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการเดินทาง เสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่เขาสวมใส่ดูเรียบง่ายแต่กลับขับเน้นรูปร่างสูงสง่าของเขาให้โดดเด่น
พิมพ์มาดารู้สึกราวกับมีแรงดึงดูดอันทรงพลังที่ทำให้เธอไม่สามารถละสายตาจากเขาได้ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกลองศึกที่ถูกตีรัว ๆ อย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่า และความรู้สึกหลงใหลในตัวเขาอย่างน่าประหลาด
ชายหนุ่มชะลอฝีเท้าลง ราวกับกำลังมองหาใครบางคนเช่นกัน แล้วสายตาของเขาก็ประสานเข้ากับดวงตาคู่สวยที่กำลังจับจ้องมองมาอย่างไม่วางตาของหญิงสาวผู้รอคอย ราวกับมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นผ่านไปทั่วร่างกายของเธอ พิมพ์มาดารู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนและไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลย...เขาคือธาวิน...ผู้ชายคนที่เธอรอคอยอย่างไม่มีข้อสงสัย!
ธาวินยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่พิมพ์มาดาคุ้นเคยแต่ไม่เคยเห็นแบบเต็มๆ ตามาก่อน มันอบอุ่นและจริงใจอย่างที่เธอจินตนาการเอาไว้ เขาเดินตรงมาหาเธออย่างไม่ลังเล
“คุณพิมพ์...ใช่ไหมครับ?” เสียงทุ้มนุ่มที่เธอคุ้นเคยดังอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่ยืนตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก เขาสูงกว่าเธอไปมากทีเดียว มากกว่าที่เธอเคยจินตนาการเอาไว้ซะอีก พิมพ์มาดาพยักหน้าเบาๆ ด้วยความตื่นเต้นจนแทบพูดไม่ออก
“ผมธาวินครับ...” น้ำเสียงของเขาเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน จนเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นนั้นทำให้พิมพ์มาดารู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นจริง ไม่ใช่แค่ความฝัน
“ยินดีต้อนรับกลับไทยค่ะ...คุณวิน” พิมพ์มาดาเอ่ยเสียงสั่นเครือ เป็นคำพูดแรกที่ออกจากปากเธอหลังจากได้เจอตัวจริงของเขา
“ขอบคุณครับ...” ธาวินยิ้มกว้าง
รอยยิ้มและสายตาที่ทั้งคู่ส่งให้กันในวินาทีนั้น บอกเล่าเรื่องราวมากมายที่ถูกถักทอผ่านตัวอักษรและความรู้สึกในโลกออนไลน์ ความตื่นเต้น ความดีใจ และความรู้สึกผูกพันที่ลึกซึ้ง...ทุกอย่างรวมกันอยู่ในโมเมนต์นี้
โมเมนต์ที่พิมพ์มาดารู้ว่า การรอคอยของเธอได้สิ้นสุดลงแล้ว และบทใหม่ของความสัมพันธ์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ ที่แห่งนี้...
สนามบินที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน แต่สำหรับพวกเขาสองคนแล้ว กลับมีเพียงกันและกันเท่านั้น
ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอ ราวกับต้องการเก็บรายละเอียดทุกอณูไว้ในความทรงจำ พิมพ์มาดาก็เช่นกัน เธอจ้องมองเขาอย่างไม่อาจละสายตา ความรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าผสมปนเปจนทำอะไรไม่ถูก
“เดินทางเหนื่อยไหมคะ?” ในที่สุดพิมพ์มาดาก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ก็นิดหน่อยครับ แต่พอเห็นหน้าคุณพิมพ์แล้ว...ผมก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับ” ธาวินตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวานจนแก้มของพิมพ์มาดาร้อนผ่าว
“เอากระเป๋าไปที่รถกันเถอะค่ะ แล้วค่อยไปหาอะไรทานกัน” พิมพ์มาดาชวนพลางผายมือไปยังทางออก
“ครับ” ธาวินพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มละมุน ก่อนจะลากกระเป๋าใบใหญ่ตามเธอไปอย่างเงียบๆ สองร่างเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินในสนามบิน แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ่านกระจกบานใหญ่ ทอประกายอบอุ่น
ความเงียบระหว่างทั้งสองคนไม่ได้ทำให้อึดอัด แต่กลับเป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นและเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ราวกับความผูกพันที่สั่งสมมาตลอดหลายเดือนตั้งแต่บทสนทนาแรกบนโลกออนไลน์ ซึ่งมันได้แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่มั่นคงและหนักแน่นในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ววันนี้
ทั้งคู่เดินออกมาสู่ลานจอดรถ แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลงมากระทบกับพื้นคอนกรีตสีเทา ดูสดใสและเจิดจ้าขึ้นอย่างน่าประหลาด ราวกับเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดีของวันที่แสนพิเศษ พิมพ์มาดาเดินนำไปที่รถยนต์สีขาวสะอาดตาของเธอ ก่อนจะยื่นมือไปเปิดประตูให้ธาวินด้วยรอยยิ้มหวาน
“ขอบคุณครับ” น้ำเสียงของธาวินเอ่ยขึ้นเพื่อตอบรับความมีน้ำใจของหญิงสาว
เขานั่งเคียงข้างมากับเธอ ดวงตาคมของเขามองหันมายังพิมพ์มาดาอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบนั้น
“ถึงแม้การเดินทางมันยาวนานและก็เหนื่อยเอามากๆ แต่พอผมรู้ว่า..มีคุณพิมพ์รออยู่ที่นี่...มันก็ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยครับ” เขาเอ่ยคำพูดออกมาอย่างตั้งใจ ราวกับต้องการให้เธอรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริง พิมพ์มาดายิ้มตอบอย่างอ่อนโยน หัวใจของเธอพองโตกับคำพูดนั้น ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เขายิ่งทวีคูณ
“อุ๊ย!!..ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ พิมพ์เต็มใจ...และก็ดีใจด้วยซ้ำที่ได้มารับคุณ” พิมพ์มาดาเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มหวานดวงตาคู่สวยของเธอทอประกายออกมาด้วยความจริงใจ แต่ในห้วงความคิดลึกๆ นั้น กลับมีความสงสัยเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาในใจ
เธอสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีสมาชิกในครอบครัวมารับเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือญาติสนิทคนอื่นๆ ความแปลกใจนี้แล่นผ่านความคิดวูบหนึ่ง แต่เธอก็ยังไม่กล้าเอ่ยถามออกไป เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท หรืออาจจะไปสะกิดแผลในใจเขาโดยไม่ตั้งใจ หรือบางที...เขาอาจจะตั้งใจให้เธอเป็นคนแรกที่เจอเขาในวันนี้ก็เป็นได้
ความคิดนั้นทำให้แก้มของพิมพ์มาดาร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย ทว่า...เมื่อเธอนึกขึ้นได้ถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ที่ธาวินเคยบอกว่าครอบครัวของเขาอยู่ที่เชียงใหม่ ความสงสัยก็เริ่มคลายลง เธอเข้าใจว่าเขาคงอยากใช้เวลาเที่ยวต่อกับเธอ ก่อนที่จะเดินทางกลับไปหาครอบครัวที่เชียงใหม่ในภายหลัง
“มื้อเช้า...คุณวินชอบทานอะไรเป็นพิเศษคะ?” พิมพ์มาดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสดใส ขณะที่ทั้งคู่เดินเคียงกันออกจากสนามบิน
“อะไรก็ได้ครับที่คุณพิมพ์อยากให้ผมทาน ผมทานได้ทุกอย่างครับ” ธาวินตอบด้วยรอยยิ้มทะเล้นอย่างอารมณ์ดี ดวงตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร
“งั้น!!!...ไปทานร้านอาหารไทยอร่อยๆ แถวๆ นี้ไหมคะ?” พิมพ์มาดาเสนอด้วยความกระตือรือร้น
“เยี่ยมไปเลยครับ! ผมน่ะ...คิดถึงอาหารไทยจะแย่อยู่แล้ว ทานที่ไหนก็ไม่เหมือนนั่งทานอยู่ที่บ้านเราจริงๆ” ธาวินตอบรับทันทีด้วยน้ำเสียงดีใจ
“ได้เลยค่ะ...แต่พิมพ์ขอแวะไปหาเพื่อนแป๊บนะคะ” พิมพ์มาดาบอกพลางหันไปยิ้มให้ธาวินอย่างเกรงใจเล็กน้อย
“อ๋อ...ได้เลยครับไม่มีปัญหา ผมยังไม่ค่อยหิวเลยครับ คุณพิมพ์ไปหาเพื่อนก่อนก็ได้ครับ” เขาตอบกลับด้วยความสุภาพและเจือไปด้วยความเกรงใจ
บทสนทนาของทั้งคู่ไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งสองผลัดกันเล่าเรื่องราวในชีวิตและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ราวกับรู้จักกันมานานแสนนาน ความประหม่าในตอนแรกค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงความรู้สึกสบายใจและเป็นกันเอง