ตอนที่ 4
กลางดึกคืนวันพุธ (เวลาในไทย)
พิมพ์มาดานั่งเอนหลังบนโซฟา มองซีรีส์เรื่องโปรดบนหน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่ใส่ใจนัก ดวงตาคู่สวยกลับเหม่อลอยไปอีกซีกโลกหนึ่งในห้วงความคิดถึง เธอตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพิมพ์ข้อความส่งไปหาใครบางคนที่อยู่ในใจ
Phimmada: คุณวินทำอะไรอยู่คะ? ที่นั่นน่าจะเช้าแล้วใช่ไหมคะ?
ไม่นานนัก ข้อความตอบกลับก็ปรากฏขึ้น
Thawin: สิบโมงเช้าแล้วครับ ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบครับ แต่อ่านยังไงก็ไม่เข้าหัวเลย
Phimmada: ตั้งใจหน่อยสิคะ เดี๋ยวทำข้อสอบไม่ได้นะคะ
Thawin: จะตั้งใจได้ยังไงล่ะครับ ก็ใจผมมันเอาแต่คิดถึงคุณ...
ธาวินแอบหยอดข้อความหวานเยิ้มพร้อมอิโมจิส่งหัวใจเล็กๆ จนทำให้ พิมพ์มาดายิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ เธอรู้สึกเขินอายแต่ก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะรีบพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
Phimmada: แหม่!..ปากหวานอีกแล้วนะคะ ยังไงก็ขอให้สอบผ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ!
Thawin: ขอบคุณมากครับ กำลังใจจากคุณพิมพ์สำคัญที่สุดเลย อีกไม่นานถ้างานวิจัยผมผ่าน ผมก็จะได้กลับเมืองไทยสักที
หัวใจของพิมพ์มาดาเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดที่แฝงความหมายนั้น ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวานละมุน
Phimmada: จริงเหรอคะ? ก็ไหนว่าคุณอยากทำงานต่ออยู่ที่นั่นไงล่ะคะ?
Thawin: ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ...ตั้งแต่ที่ได้รู้จักคุณ
พิมพ์มาดานั่งกอดหมอนข้างด้วยความเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อ แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นและตื้นตันอย่างประหลาด ความรู้สึกโหยหาใครสักคนเข้ามาในชีวิตเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เธอรีบพิมพ์ตอบกลับไปโดยไม่ทันได้คิดทบทวน
Phimmada: อยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ จังเลยค่ะ
Thawin: ผมก็เหมือนกันครับ นับวันรอเลย...อยากเจอคุณพิมพ์เร็วๆ
ข้อความสั้นๆ นั้นทำให้หัวใจของพิมพ์มาดาเต้นระรัว ความรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังถาโถมเข้ามาจนเธอแทบจะควบคุมไม่ได้ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน แม้แต่กับคนรักเก่าที่คบกันมานานหลายปี แต่ความรู้สึกผูกพันกับธาวิน ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเจอหน้ากัน กลับแน่นแฟ้นและลึกซึ้งอย่างน่าประหลาดใจ
Phimmada: คุณวิน!!!...อย่าพูดเล่นแบบนี้สิคะ เดี๋ยวพิมพ์ก็คิดลึกหรอก
Thawin: ก็ผมพูดความจริงนี่ครับ คุณพิมพ์ทำให้โลกที่เคยเงียบเหงาของผมสดใสขึ้นเยอะเลย
น้ำตาคลอเบ้าของพิมพ์มาดาเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ไม่ใช่ความเศร้า แต่เป็นความรู้สึกตื้นตันและซาบซึ้ง เธอไม่เคยคิดว่าจะมีใครพูดกับเธอแบบนี้ เธอรู้สึกเหมือนได้รับการเติมเต็ม เหมือนส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตได้รับการเยียวยา
Phimmada: ขอบคุณนะคะ...คุณวินก็ทำให้พิมพ์รู้สึกดีขึ้นมากเหมือนกันค่ะ จากที่เคยเศร้าๆ ตอนนี้ยิ้มได้ทุกวันก็เพราะคุณวินเลย
Thawin: ผมดีใจจัง ที่ทำให้คุณพิมพ์ยิ้มได้ เพราะรอยยิ้มของคุณมันสำคัญกับผมมากๆ เลยครับ
บทสนทนาของทั้งคู่ดำเนินต่อไปอีกเล็กน้อย จากนั้นต่างคนต่างบอกลากันและสัญญาว่าจะคุยกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น พิมพ์มาดานอนไม่หลับทั้งคืน หัวใจยังคงเต้นแรงด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธอพลิกตัวไปมาบนเตียง พร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ในความมืดมิดของห้องพัก แสงสว่างเล็กๆ แห่งความหวังได้จุดประกายขึ้นในหัวใจของเธอแล้ว
หลายวันต่อมา
หลังเลิกงานพิมพ์มาดาขับรถออกจากอาคารสำนักงาน แสงแดดยามเย็นสาดส่องลอดกระจกเข้ามา เสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น เธอใจเต้นวูบ รีบจอดรถชิดขอบทางอย่างรวดเร็ว ปลดล็อกหน้าจอด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย ข้อความใหม่ล่าสุดจากธาวินปรากฏเด่นชัด
Thawin: คุณพิมพ์ครับ ผมมีเรื่องจะบอก
หัวใจของพิมพ์มาดาเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกสงสัยและคาดหวังปะปนกัน เธอรีบพิมพ์ตอบกลับไปทันที
Phimmada: อะไรเหรอคะ?
Thawin: ผมเพิ่งคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา งานวิจัยของผมผ่านแล้ว! ผมกำลังจะเรียนจบแล้วครับ
พิมพ์มาดารู้สึกดีใจไปกับเขา อย่างน้อย ๆ ถ้าเขากลับเมืองไทย เธอก็อาจจะมีโอกาสได้เจอกับเขาบ้าง
Phimmada: จริงเหรอคะ! ยินดีด้วยนะคะคุณวิน เก่งมากๆ เลย!
Thawin: ขอบคุณมากครับ แต่ทั้งหมดนี้ก็เพราะผมได้กำลังใจจากคุณด้วยนะครับ
Phimmada: หุ้ย!!..ไม่เกี่ยวกันเลยค่ะ คุณเก่งด้วยตัวของคุณเองต่างหากละคะ เอ่อ..แล้วคุณวินจะกลับไทยวันไหนคะ?
Thawin: วันจันทร์หน้าที่จะถึงนี้ครับ ผมน่าจะถึงสนามบินตอนเช้า ๆ แต่ว่า...ยังไม่มีใครไปรับผมเลย...คุณพอจะว่างมั้ยครับ ธาวินทิ้งท้ายประโยคด้วยสติกเกอร์หมีที่ส่งสายตาอ้อนวอน
หัวใจของพิมพ์มาดาเต้นระรัว เธอไม่ลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว ที่จะรีบพิมพ์ตอบกลับไป
Phimmada: ไปค่ะ! พิมพ์จะไปรับคุณวินเองค่ะ แล้วเจอกันนะคะ
หญิงสาวขับรถกลับมาถึงหอพักด้วยความรู้สึกกระวนกระวายปนตื่นเต้น เธอเดินวนไปวนมาในห้องเล็กๆ อย่างไม่มีสมาธิ คว้าปากกามาขีดฆ่าวันเวลาที่ล่วงเลยไปบนปฏิทินอย่างใจจดใจจ่อ ราวกับเป็นการเร่งให้ช่วงเวลาที่รอคอยมาถึงเร็วขึ้น ทุกนาทีช่างผ่านไปอย่างอืดอาด ราวกับเวลาจงใจแกล้งให้เธอต้องรอคอยเขานานขึ้น
หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่เผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งดูรูปโปรไฟล์ของธาวินซ้ำแล้วซ้ำเล่า และกิจวัตรประจำวันที่เขาโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียในทุกช่วงเวลา แม้จะเป็นเพียงภาพถ่ายธรรมดาๆ ที่เขาไปทานอาหาร ไปเดินเล่น หรือแม้กระทั่งภาพแมวที่เขาเลี้ยงไว้ เธอก็รู้สึกราวกับได้รู้จักตัวตนของเขามานานแสนนาน ความคิดถึงโถมทับเข้ามาเป็นระลอก คล้ายคลื่นซัดฝั่งในคืนที่เงียบเหงาและยาวนาน ความรู้สึกโหยหาใครบางคนเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในใจเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หลายครั้งที่ธาวินชวนให้เปิดกล้องวิดีโอคอลคุยกัน แต่พิมพ์มาดาก็ยังไม่กล้าพอ ความไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองที่ถูกความรักครั้งเก่าทำร้ายยังคงเป็นเหมือนเงาที่คอยตามหลอกหลอน เธออยากให้การพบกันครั้งแรกเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ อยากให้เขาประทับใจในตัวตนที่แท้จริงของเธอ ไม่ใช่ภาพที่ปรุงแต่งผ่านแอปพลิเคชัน
แต่ในขณะเดียวกันพิมพ์มาดาก็ปรารถนาที่จะได้เห็นใบหน้าของเขาจริง ๆ สักครั้ง ได้สบตากับเขาบ้างอย่างชัดเจน เธอได้แต่ภาวนาให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ วันที่เธอจะก้าวข้ามความกลัว และได้พบกับชายหนุ่มที่จะเข้ามาเติมเต็มความเงียบเหงาในหัวใจของเธอสักที
การนัดหมายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับโชคชะตาได้ขีดเส้นทางไว้แล้ว โดยที่ทั้งคู่ยังไม่รู้เลยว่า ปลายทางของการนัดเจอในครั้งนี้ จะนำพาพวกเขาไปสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและซับซ้อนเพียงใด
รอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของพิมพ์มาดาในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ช่างแตกต่างจากความหมองเศร้าก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง จนเพื่อนสนิทอดแซวไม่ได้ แต่ในใจลึกๆ เกรชก็อดเป็นห่วงเพื่อนรักไม่ได้ เพราะดูเหมือนพิมพ์มาดาจะเริ่มมีใจให้กับหนุ่มไทยในต่างแดนคนนี้ซะเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่รู้จักกันผ่านแอปพลิเคชันหาคู่และยังไม่เคยเจอตัวจริงกันเลยสักครั้ง