ห้องพักแพทย์หลังเลิกงาน
“คืนนี้ร้านเดิมนะเว้ย กูจองโต๊ะไว้แล้ว” กันต์ หมอศัลยกรรมมือหนึ่ง เพื่อนซี้สมัยเรียนโผล่หัวมาจากประตูห้องพักแพทย์ เสียงดังลั่น
“ยังไม่ทันถามกูเลยนะ” เนมปรายตามอง
“อย่าเล่นตัวเนม มึงอะตัวตั้งตัวตีทุกที” ภาคิน หมอประสาทวิทยาเพื่อนซี้อีกคนที่โตมาด้วยกันกับเนมตั้งแต่เด็ก ก้าวเข้ามาในชุดกาวน์พับแขนอย่างเรียบร้อย
“แต่ถ้ามึงไม่ไปคืนนี้ กูว่าไม่ใช่เพราะเหนื่อยหรอก”
กันต์หันขวับ “เพราะอะไรพี่หมอประสาท?”
ภาคินแค่ยักคิ้ว “เพราะมีบางคน ทำให้เพื่อนกูเสียอาการ”
เนมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ กลบรอยยิ้มมุมปาก
“พูดมาก เดี๋ยวเจอคีมผ่ากะโหลก”
“หึ! ดูดิ๊ แค่แซะนิดเดียวก็ร้อนตัว” กันต์หัวเราะเสียงดัง
“คนที่ทำให้หมอเนมเสียอาการนี่ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ”
แต่ผมก็ไม่เถียงนะ เพราะในหัวผมกลับวนเวียนอยู่กับ “เฌอลีน”คนไข้ที่ทำให้ผมเสียอาการครั้งแรกในรอบหลายปี
แต่ขณะที่ผมกำลังเดินออกจากห้องพักแพทย์ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“คุณยาย!!”
ผมกดรับทันที “ว่าไงครับคุณยายสุดสวยของผม”
“เนม ไม่ต้องมาปากหวานกับยายเลย เก็บไว้หยอดกับสาวๆเถอะ ชาตินี้ยายจะอยู่ทันเห็นหน้าหลานหรือเปล่าก็ไม่รู้ คุณยายพูดตัดพ้อผมทันที"
ผมยกมือกดขมับทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงตัดพ้อปลายสาย
“โธ่ คุณยายครับ เนมยังไม่แต่งงานก็เพราะอยากเลือกคนที่ใช่ไงครับ ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีหลานให้ยายอุ้มซะหน่อย”
“เลือก? หรือมัวแต่เล่นๆ ไปวันๆ กันแน่เนม”
น้ำเสียงยายเข้มขึ้น “ยายเห็นข่าวแกอยู่แต่กับเพื่อนชายก็ยังดี แต่ข่าวกับสาว ๆ นี่เต็มโซเชียลไปหมด”
ผมเผลอยิ้มมุมปาก “อ้าว ยายก็แอบส่องโซเชียลเนมเหรอครับเนี่ย”
“อย่ามาเล่นลิ้น! ยายจริงจังนะเนม” เสียงหงุดหงิดแต่แฝงความห่วงดังลอดออกมา “ยายอยากเห็นแกสร้างครอบครัวก่อนยายจะไม่อยู่แล้ว”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาเหลือบไปเห็นเงาตัวเองในกระจกบานข้างโถง ผู้ชายในชุดกาวน์สีขาวที่สาว ๆ กรี๊ด แต่กลับโดนยายตำหนิเรื่องเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ยายครับ” เสียงผมนุ่มลง “เนมสัญญา ถ้าเนมเจอคนที่ทำให้รู้สึก ไม่อยากเล่นๆ อีกต่อไป
เนมจะรีบพามาไหว้ยายทันทีเลย”
“ปากหวานอีกแล้วนะ! ระวังเถอะ วันหนึ่งจะมีผู้หญิงปากเก่งกว่ามาปราบแกได้”
ยายหัวเราะหึหึในลำคอ แล้ววันนั้น ยายจะหัวเราะให้ฟันปลอมหลุดเลย
“แหม ยายครับ ไม่เอาน่า ยายสวยแบบนี้จะมีฟันปลอมได้ยังไง”
ผมรีบหยอดต่อเพื่อกลบความกดดัน
“พอ! เลิกมาหยอดยายได้แล้ว อาทิตย์หน้า ยายมีนัดทานข้าวกับเพื่อนเก่า ยายอยากให้เนมไปด้วย”
ผมเลิกคิ้ว ก้าวชะงักตรงโถง “ไปทำไมครับคุณยาย”
“ก็เพื่อนยายเขาจะพาหลานสาวมาด้วย ยายอยากให้เนมรู้จักไว้”
“คุณยายครับ” ผมถอนหายใจทันที
“นี่มันนัดดูตัวชัดๆ เลยนะครับ เนมไม่ชอบแบบนี้”
“ยายก็ไม่ได้บังคับ แค่ให้ไปนั่งกินข้าวด้วยกันเท่านั้นแหละ ยายแก่แล้วนะเนม ถ้าหลานคนเดียวของยายจะไม่เห็นหัวยายแก่ๆคนนี้ก็ไม่เป็นไร” น้ำเสียงยายอ่อนลง
“โถถถถ คุณยายครับบบบ เนมไปก็ได้ ไม่เห็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นเลย แต่เนมบอกก่อนเลยนะครับ แค่ไปกินข้าว ไม่สัญญาอะไรทั้งนั้น”
“แค่นี้ยายก็ดีใจแล้ว” เสียงยายสดใสขึ้นทันที
“เจอกันวันอาทิตย์หน้า ห้ามเบี้ยวนะเนม”
ติ๊ด! ยายกดตัดสายทันที ทิ้งผมยืนหัวเราะแห้ง ๆ อยู่กลางโถง ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง สูดหายใจยาว
“ดูตัวงั้นเหรอ…หึ!! ใครจะซวยเป็นเหยื่อคุณหมอเนมกันล่ะเนี่ย”
มุมปากผมยกขึ้นน้อยๆ ก่อนจะก้าวไปตามทางเดิน รู้สึกตลกร้ายยังไงก็ไม่รู้ ยังไม่ทันก้าวออกจากโถงดี เสียงโหวกเหวกก็ดังมาจากมุมห้องพักแพทย์
“หน้ามึงทำไมย่นๆ วะ” ภาคินหันมาสแกนผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“หรือว่าโดนยายสั่งมาอีกแล้ว”
ผมถอนหายใจยาว เดินไปหยุดตรงหน้าเพื่อนสองตัว “ เออ ยายกูโทรมาให้ไปกินข้าวอาทิตย์หน้า”
“แล้วไงวะ กินข้าวกับยายก็เรื่องปกติ” กันต์ขมวดคิ้ว ก่อนทำตาโต “หรือว่า โอ๊ยยย กูเดาถูก! ดูตัวใช่ไหม๊!!”
ผมกุมขมับ “ปากมึงนี่แม่ง”
“ฮ่าๆๆ กูว่าแล้ว!” กันต์ตบโต๊ะดังปัง “คุณหมอสูติฯ เพลย์บอยตัวพ่อ ถึงเวลาก็ต้องโดนคลุมถุงชนเหมือนกันสินะเว้ย”
ภาคินยกมุมปากน้อยๆ เสียงนิ่งแต่กัดลึก
“บางทีครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นคนที่เอามึงอยู่ก็ได้”
"ฝันไปเถอะ” ผมหัวเราะหึ พลิกกุญแจรถเล่นในมือ ไม่มีผู้หญิงคนไหนเอากูอยู่หรอก
กันต์รีบเสริม “เออๆ ระวังไว้เหอะ วันหนึ่งจะโดนสาวตอกกลับจนซิกแพคแน่นๆ ของมึงไร้ค่า”
“กูว่า วันนั้นคงใกล้เข้ามาแล้ว” ภาคินพูดเสียงเรียบ แต่สายตาแพรวพราวเต็มไปด้วยความหมาย ผมส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย
“พวกมึงสองคนแม่ง เลิกพูดเป็นหมอดูได้แล้ว”กันต์หัวเราะลั่น “ก็ดีดิ อย่างน้อยถ้าหมอเนมเจ้าชู้หมดอนาคต กูกับภาคินจะได้เปิดร้านดูดวงแทน หารายได้พิเศษ”
“ไปตายซะ” ผมสบถเบาๆ แต่ปากยังแอบยิ้ม มุมปากยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ช่วงค่ำ ขณะที่เฌอนั่งเซ็งๆอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นกลุ่มไลน์: 4 สาวสายป่วน
มีน: เฌอออออ!!! แกอยู่ไหนนนน
เฌอ: อยู่บ้าน ทำไม
พลอย: หืม อยู่บ้าน? กำลังทำหน้าเบื่อโลกชัวร์ ๆ เลย
เฌอวางมือถือไว้ข้าง ๆ ตัว แต่เสียงแจ้งเตือนก็ดังไม่หยุด จนแม่ที่นั่งดูทีวียังหันมามอง “
คุยกับใครนักหนาลูก”
ฉันยิ้มแห้ง ๆ “เพื่อนค่ะ” แล้วรีบเปิดแชตอ่านต่อมีน: คืนนี้ไปปาร์ตี้กันนะเว้ยยย
พลอย: ใช่ ๆ วันนี้ร้านเปิดใหม่ แกต้องไปกับพวกเรา
เฌอ: ไม่เอา! อยู่บ้านเถียงกับแม่เรื่องดูตัวก็เครียดพอแล้ว
มีน: นั่นไง! เครียดเพราะเรื่องหมั้นนี่เอง ไปดื่ม ๆๆ เดี๋ยวก็ลืม
พลอย: เฌอ…แกจะยอมให้ผู้ใหญ่กำหนดชีวิตเหรอ? มาเถอะ ปล่อยใจสักคืน!
ฉันอ่านข้อความแล้วถอนหายใจ จะพิมพ์ “ไม่ไป” แต่จู่ ๆ สติกเกอร์มีนก็เด้งขึ้นมา
มีน: สติกเกอร์แกล้งร้องไห้ ถ้าไม่ไปคืนนี้ ฉันจะโพสต์ลงสตอรี่เลยว่า “เฌอกลัวโดนคลุมถุงชนจนร้องไห้”
ฉันเบิกตากว้าง รีบพิมพ์กลับทันที
เฌอ: มีน!!!
พลอย: 555555 กูว่ามันทำจริงนะเฌอ
มีน: ตัดสินใจสิ จะมาแดนซ์กับเพื่อนๆ หรือจะให้ฉันกดโพสต์!
ฉันมองแชตพลางกัดริมฝีปากแน่น ใจจริงก็อยากหลีกหนีความอึดอัดที่บ้านบ้าง…
เฌอ: ก็ได้!! ไปก็ไป!!
มีน: เยสสสสสสสส
พลอย: แก๊งเราคืนนี้ต้องไฟลุก
ฉันกดปิดจอมือถือซ่อนรอยยิ้ม บ้าจริง สองคนนี่มันตัวป่วนชัดๆ
ผับเปิดใหม่ใจกลางเมือง แสงไฟวิบวับสลับสีทำเอาบรรยากาศร้อนแรงยิ่งกว่าเต้นรำกลางไฟเฌอยืนมองแก้วค็อกเทลสีสดที่เพื่อนยื่นมาให้ ให้ตายสิ นี่ฉันยอมมาตามพวกนี้จริง ๆ เหรอ
“เชียร์ค่าาาาา!” มีนยกแก้วขึ้นสูง กรี๊ดดังลั่น
พลอยก็ไม่รอช้า ยกแก้วชนทันที ก่อนหันมาผลักเฌอ “แกด้วยยย ไม่ชนคือซวยนะคืนนี้”
ฉันส่ายหัวแต่ก็ยกแก้วชนไปอย่างเสียไม่ได้ “โอเค! แต่แกต้องรับผิดชอบถ้าฉันเมาแล้วหลุดปากด่าใคร”
“ยิ่งดี!” มีนหัวเราะ “เมาแล้วด่าแรงๆ จะได้ปล่อยของ!”
ฉันกลอกตา ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ร้านแล้วหัวใจฉันก็แทบหยุดเต้น
มุมโซฟาวีไอพีด้านใน มีร่างสูงใหญ่สามคนในเสื้อเชิ้ตลำลองนั่งอยู่ สายตาแพรวพราวของหนึ่งในนั้นสบตากับฉันเข้าตรงๆ แม้ในความมืดสลัวฉันก็จำได้ขึ้นใจ
หมอเนม!!
“ชิบหายแล้ว” เฌอพึมพำออกมาเบาๆ แก้มร้อนผ่าวทันทีที่คิดถึงเหตุการณ์ในห้องตรวจวันนี้
เนมเอนตัวพิงโซฟา ขาข้างหนึ่งไขว่ห้างอย่างสบาย แต่สายตาคมไม่ละไปจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว ริมฝีปากหยักยกขึ้นน้อยๆ แบบที่รู้ชัดว่าเขากำลังมองมาที่เธอ แต่สายตาแฝงอะไรบ้างอย่างไม่ชอบมาพากล