ชีวิตมหาวิทยาลัยไม่ได้มีแค่เรียนอย่างเดียว เพราะกิจกรรมต่าง ๆ ก็ถาโถมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการรับน้องสาขา รับน้องคณะที่เพิ่งจะผ่านไป กิจกรรมก็ผุดขึ้นมาอีกเป็นดอกเห็ด จนถึงงานกีฬาคณะที่เป็นงานใหญ่ที่สุดประจำปีที่เด็กใหม่ปีหนึ่งทุกคนจะถูกล่ารายชื่อเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม
เห็นพวกมาร์ช ปูน และอาร์เจ กระตือรือร้นขอลงกีฬาบาสเกตบอล แต่คนที่นิ่งนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เก้าอี้ข้าง ๆ น้ำอิงอย่างนธีไม่หือไม่อือกับการลงกิจกรรมอะไรซักอย่าง
“ไม่ลงชื่อเหรอ”
“ไม่อ่ะ เธอก็ไม่ต้องลงเพราะรุ่นพี่เขาจองตัวเธอไปแล้ว”
น้ำอิงย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ จองไปทำอะไร? แล้วนธีมารู้ก่อนเจ้าตัวอย่างเธอได้ยังไงกัน
“จองตัวไปทำอะไรเหรอ”
“เธอต้องไปถือป้ายสาขา ส่วนฉันถือธง”
“แต่ว่ายังไม่มีใครมาบอกฉันเลยนะ ถ้าเกิดว่าเขาไม่เอาไปจริง ฉันจะลงกิจกรรมอื่นไม่ทันนะ”
เมื่อยังตัดสินใจจะลงกิจกรรมอะไรไม่ได้ เพราะตัวเองไม่เก่งอะไรซักอย่าง ทำให้ตอนนี้กิจกรรมก็เหลือน้อยเต็มที
“ก็ฉันบอกอยู่นี่ไง พี่พลเขาบอกให้มาขอร้องเธอ แต่ฉันตอบตกลงแทนเธอไปแล้ว”
“ตอบตกลงก่อนที่จะมาบอกฉันอีกเนี่ยนะ มาตัดสินใจแทนกันแบบนี้ได้ไงเนี่ย” คนตัวเล็กยู่ปาก
ถึงจะไม่ได้โกรธอะไรเพราะมันเป็นสิ่งที่เธอน่าจะทำได้ดีกว่ากิจกรรมอื่น แต่การที่นธีเผด็จการใส่แบบนี้ทำให้อดบ่นไม่ได้
“ฉันรู้ใจเธอไง” คิ้วหนายักคิ้วให้อย่างกวนประสาทมาให้คนตัวเล็ก
นธีรู้อยู่แล้วว่าถึงน้ำอิงจะไม่โอเค หรือต่อให้เธอจะเลือกลงกิจกรรมอื่นไปแล้วรุ่นพี่เขาก็คงจะเอาเธอไปถือป้ายอยู่ดีนั่นแหละ เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในสาขาปีนี้ไงล่ะ
น้ำอิงเป็นประเภทชอบโดนตามใจมากกว่าโดนบังคับทำให้ใบหน้าสวยมองค้อนเขาที่ทำอะไรไม่ปรึกษากันก่อน จนต้องกลอกตามองบนใส่ร่างสูง
คนที่ความจำดีอย่างนธีหูฟังอาจารย์ ตาก็ลอบมองใบหน้าบูดบึ้งของคนที่จดจ่อกับการจดบันทึกอย่างรู้สึกขำ ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้อยากถือธงหรืออะไรหรอก แต่เขาก็เหมือนเธอที่โดนล็อกหน้าที่ไว้อยู่แล้ว
หากเปรียบการถือป้ายสาขาของสาว ๆ เป็นการคัดดาวสาขา การที่โดนเลือกไปถือธงสาขาก็เหมือนกับคัดเดือนสาขานั่นแหละ
แม้มหาลัยจะล้มเลิกการประกวดดาวเดือน แต่แล้วก็หากิจกรรมมาเพื่อทดแทนในบริบทที่ใกล้เคียงกัน อย่างตัวแทนกิจกรรม ถือป้าย ถือธง คฑากร เชียร์หลีดเดอร์ ที่คัดเลือกจากหน้าตา ยังไงซ่ะ Beauty Privilege ก็ไม่มีทางหายไปอย่างที่รณรงค์กัน
หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ กีฬาคณะเริ่มขึ้นไปก่อนนานแล้ว มาร์ช อาร์เจ และปูน ลงแข่งบาสกัน ใจจริงอยากจะไปเชียร์เพื่อนอยู่เหมือนกันแต่ว่าดันต้องไปพบสโมฯ เพื่อพูดคุยไทม์ไลน์การจัดแถวต่าง ๆ
ทุกกิจกรรมถูกแยกเพื่อพูดคุยกัน แน่นอนว่านธีเองก็ถูกแยกไปอีกห้องหนึ่ง กีฬาภายในคณะจะถูกจัดขึ้นโดยไม่มีพิธีเปิด แต่หลังจากที่ทุกคณะจัดการแข่งขันกันเองเสร็จแล้ว สัปดาห์ต่อไปจะมีการเปิดงานกีฬามหาวิทยาลัยซึ่งมีพิธีเดินสวนสนาม และพิธีเปิดที่ยิ่งใหญ่
จากตอนแรกก็คิดว่าไม่นานแต่เมื่อถูกปล่อยออกมาก็พบว่าฟ้านั้นมืดไปแล้ว และตอนนี้เกือบจะสองทุ่ม คนตัวเล็กจึงโบกมือลาเพื่อนต่างคณะที่มีโอกาสได้เจอกันเพียงแป๊บเดียวกำลังสอดส่องหาวินมอเตอร์ไซด์อยู่ก็พบว่ามีรถหรูดูคุ้นตาจอดเงียบนิ่งอยู่ข้างตึกกิจกรรม
“รถอยู่นี่ คนอยู่ไหนนะ”
น้ำอิงเดินดุ่ม ๆ ไปที่รถแต่ก็ไม่เห็นเจ้าของ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเฮลั่นและเสียงนกหวีดดังเข้ามา ใบหน้าสวยหันไปตามเสียงก่อนพบว่าสนามบาสคณะมีรถจอดเรียงกันเยอะมาก บ่งบอกว่าคนจำนวนมากน่าจะอยู่กันในนั้น
คาดว่าเจ้าของรถก็คงจะอยู่เหมือนกันจึงรีบต่อสายโทรหา หากเขาอยู่ในนั้นจริงขอให้เพื่อนไปส่งดีกว่า
รอสายไม่นานเสียงเข้มก็รับสายด้วยประโยคคำถาม
[เลิกแล้วเหรอ?]
“เพิ่งเลิก เห็นรถแต่ไม่เห็นธี ธีอยู่ไหน?”
[สนามบาส สาขาเราแข่งกับโยธา อยากมาป่ะ กำลังจะแพ้แล้วเนี่ย]
“อยู่ทางไหนล่ะ”
[รอหน้าประตูก็ได้ เดี๋ยวไปรับ]
เมื่อได้รับสารมาแบบนั้น คนตัวเล็กก็ไม่รีรอที่จะพาตัวเองไปยังหน้าประตูเข้าสนามทันที แต่พอถึงกลับกลายเป็นว่านธีต่างหากที่รออยู่ก่อนแล้ว
“จะเข้าไปดู หรือจะกลับหอเลยจะได้ไปส่ง”
“ดูก่อนก็ได้ ธีบอกว่าจะแพ้แล้วนี่”
“เธอมาดูก็ไม่ได้ทำให้มันชนะหรอกอิง พวกมันได้ซ้อมกันที่ไหน”
น้ำอิงหน้ามุ่ยที่ร่างสูงพูดเหมือนกับแช่งสาขาตัวเองแบบนั้น แต่ก็ยิ้มให้วินาทีต่อมาเมื่อเห็นปูนที่อยู่ในสนามชู๊ตเข้าห่วงไปต่อหน้าต่อตาในตอนที่ตัวเองกำลังจะนั่งลงบนอัฒจันทร์ด้านบน
“เล่นกันเก่งจัง”
น้ำอิงตบมือเป็นกำลังใจเหมือนกันคนอื่น ๆ หลังได้แต้ม แม้คะแนนจะห่างกับอีกฝ่ายค่อนข้างเยอะ
เห็นคนตัวเล็กมองดูในสนามอย่างสนอกสนใจและลุ้นไปกับเกมทำให้คนตัวสูงถึงกับพูดเรียกร้องความสนใจ
“ถ้าฉันลงนะแค่เก้าแต้มขอสองนาทีก็พอ”
“อย่าหลงตัวเองได้ไหม เก่งมากไม่เห็นลงเอง”
น้ำอิงเบ้หน้ากับความอวดเก่งของเขา ทั้งที่เขาเองก็เป็นผู้ชมเหมือนกัน
“เห็นแบบนี้ฉันเป็นนักบาสโรงเรียนนะ” นธีหน้ามุ่ยเมื่อถูกเมินเฉย
“เก่งจ้า...เก่ง”
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเอาแต่จ้องไปที่สนามไม่ได้ใส่ใจที่เขาพูดเลยสักนิดก็เกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา นี่ไม่ได้พูดเล่นเป็นกัปตันทีมตอนมอปลายเลยนะ ไม่ได้พูดไปมั่ว ๆ ซักหน่อย
แม้อารมณ์เสียก็ไม่อยากถือสา จึงนั่งรอดูความพ่ายแพ้ของทีมสาขาตัวเองอีกซักครู่จนเสียงนกหวีดดังหมดเวลา เดินคอตกกันออกจากสนาม น้ำอิงโบกมือทักทาย อาร์เจ ปูนและมาร์ช ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองอย่างอาร์เจมีสาว ๆ เอาน้ำมาให้จึงรีบสะกิดให้ร่างสูงรีบหันไปดู
“น่าอิจฉาเนอะ อาร์เจอย่างหล่อ สาว ๆ ต่อแถวดูแลเพียบเลย ดูดิ”
“เดี๋ยวกลับไปมันก็โดนแฟนงอน น่าอิจฉาตรงไหน”
“ทำไมต้องขัดตลอดเนี่ย!”
น้ำอิงถึงกับหันไปแหวใส่อย่าสุดทน พูดอะไรเขาก็ขัดตลอด ไม่เคยเห็นดีเห็นงามด้วยซักอย่าง จนคนโดนขึ้นเสียงใส่ผงะไปด้านหลังที่โดนทำหน้าบูดแล้วยังโดนว่าอย่างงุนงง
“พูดความจริง ใครก็รู้ว่าแฟนมันขี้หวงขนาดไหน แล้วจะมาขึ้นเสียงใส่ทำไม ฮึ?”
“ก็ธีชอบขัดอ่ะ เพื่อนจะดีบ้างไม่ได้หรือไงจะต้องค้านตลอดเลย”
“ไอ้พวกนั้นมันดีมากเลย? ไอ้ปูนชู๊ตบาสเก่ง ไอ้อาร์เจหล่อมากว่างั้น”
“ใช่”
“แล้วไอ้คนที่มันรอรับเธอกลับหอตั้งแต่เย็นนี่มันไม่มีอะไรดีเลยล่ะสิ ใช่ไหม...พูด”