ยืนอยู่กลางแจ้งอีกซักครู่ก็ถึงเวลาเลิกแถว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะออกไปไหนได้ เพราะต้องมีถ่ายรูปรวมและอื่น ๆ อีกมากมาย
พอเห็นว่าสามารถเดินไปไหนได้ตามใจและหลายคนก็เดินไปถ่ายรูปกับคนอื่นแล้วนธีก็เดินเข้ามาหา
“ฝากถือธงหน่อย” เขายื่นมาให้น้ำอิงรับมันไว้ในมืออย่างงุนงง เธอก็ถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อร่างสูงนิ่งยองอยู่ตรงหน้า
“เฮ้ย ทำไรเนี่ย” คนตัวเล็กหันซ้ายหันขวาอย่างไม่เข้าใจ เนื่องจากตอนนี้ตากล้องของมหาวิทยาลัย และของคณะก็วิ่งวุ่นถ่ายบรรยกาศกันไปทั่วงานและคนนอกอีกตั้งหลายคน
“เดี๋ยวต้องยืนถ่ายรูปอีกนาน รองเท้ากัดไม่ใช่เหรอ”
“แล้วมีปลาสเตอร์เหรอ”
“มี”
เมื่อเห็นว่าเขามีปลาสเตอร์จริงอย่างที่พูด ใบหน้าสวยก็เหวอไปทันที ตอนแรกเธอก็แค่อยากบ่นให้นธีฟังเท่านั้นเพราะเห็นเขาอยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่คิดว่าเขาจะมีวิธีช่วยเธอได้อย่างทันท่วงทีอย่างกับคิดไว้แล้ว
“ฉันทำเองได้นะ”
“แน่ใจ? ใส่กระโปรงพิธีการก้มได้ด้วยเหรอ”
“แต่ว่า...คนมองเยอะแล้ว”
น้ำอิงหันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูก ความจริงตอนแรกก็ไม่ได้มีคนสนใจเรามากเท่าไหร่ แต่พอเขานั่งลงตรงหน้าทุกสายตาก็เลยรวมมาอยู่ที่จุดเดียวกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“แล้วถ้าก้มลงไปเองกระโปรงฉีกคนไม่มองเยอะกว่าเดิมหรือไง...น้ำอิงเร็ว ยิ่งลีลาคนก็ยิ่งมองเยอะนะ”
สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องจำใจยกเท้าขวาให้นธีถอดรองเท้าออกให้ท่ามกลางสายคนจำนวนมากจนหน้าร้อนไปหมดต้องก้มหนี พยายามทรงตัวด้วยขาข้างเดียวกับป้ายสาขาและธงสาขาของเขา
“ยืนดี ๆ หงายไปได้อายกว่าเดิม”
“รู้แล้ว รีบทำสิ”
พอรู้สึกเหมือนตัวเองจะล้มจริงก็เลยต้องเอื้อมมือไปจับบ่าเขาไว้ จนเขาแปะปลาสเตอร์แล้วใส่รองเท้าให้ดังเดิมก็เงยหน้ามามอง หน้าผากของเขามีเหงื่อผุดออกมาเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว
ใบหน้าหล่อมองหน้าเธอที่อยู่สูงกว่าชั่วครู่ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้าง ปากที่กำลังจะถามว่าเดินได้หรือเปล่าต้องชะงักไป เมื่อรับรู้ว่าเรียวนิ้วเล็กนั้นปาดเข้ากับเหนือคิ้วของเขาก่อนจะลากไปมาเบา ๆ
“เหงื่อออกเยอะเลย”
“...”
น้ำอิงที่เห็นสีหน้าอึ้งของอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็รีบชักมือหนี แล้วเบี่ยงหน้าไปอีกทางอย่างทำหน้าไม่ถูกแล้วจึงแสร้งบ่น
“เอาธงกลับไปได้แล้ว หนักก็หนัก”
“เอามาดิ”
ยืนเก้ ๆ กัง ๆ กันอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อนของพวกเขาก็เดินมาหา มาร์ช ปูน อาร์เจ ทั้งสามหนุ่มคณะแพทย์ และสาวสวยที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนอีกคนเดินเข้ามา
“เห็นนะจ๊ะ เห็นนะจ๊ะ” ภูวินท์คนขี้แกล้งคนเดิม รีบเข้ามาหาแล้วเปิดปากแซวสีหน้ากรุ้มกริ่ม “มันจะประเจิดประเจ้อเกิ้น คนเยอะแยะก็ไม่เว้น”
“กลางแจ้งยังขนาดนี้ ลับตาคนจะขนาดไหน” ขนาดคนที่ไม่ค่อยพูดอย่างเจโรยังส่ายหน้าเหนื่อยใจกับการกระทำของนธี เหมือนกำลังจะบอกว่านี่มันบัดสีที่สุด
“เหอะ ! ไม่ต้องมาว่าคนอื่น พี่นับของมึงน่ะตัวดีเลย” นธีชี้ไปที่ผู้หญิงคนสวยที่แต่งตัวค่อนข้างจะแฟชั่นจ๋า และใบหน้าสวยเหมือนนางฟ้า “ไม่ต้องมาหลบเลย เดี๋ยวฟ้องไอ้เจแน่”
“นับไปแกล้งอะไรไอ้ธีมันอีกเนี่ย”
“เราไม่ได้ทำอะไรเลยนะเจ”
คนโดนกล่าวหาส่ายหัวปฏิเสธพร้อมกับใบหน้าบ้องแบ๊วให้แฟนหนุ่มอย่างใสซื่อ นธีที่เห็นถึงกับกลอกตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ โกหกหน้าซื่อตาใสแบบสุด ๆ แล้วตามคาดที่เพื่อนของเขาจะเชื่อแฟนตัวเองอย่างสนิทใจ
น้ำอิงเมื่อเห็นนธีทำสงครามประสาทกับผู้หญิงคนนั้นจึงหันไปถามเพื่อนตัวเองบ้าง
“ผู้หญิงคนนั้นคือใครเหรอ”
“พี่นับเก้าแฟนไอ้เจไง”
“นี่ก็เพิ่งเห็นตัวจริงครั้งแรกเหมือนกัน สวยเนอะ”
“เออว่ะ ไอ้เจได้แฟนแซ่บฉิบหาย”
มาร์ชตอบคำถามน้ำอิงก่อนจะหันไปเมาส์กับปูนและอาร์เจซ่ะงั้น ปล่อยให้เธอตาค้างอย่างคาดไม่ถึงอยู่คนเดียว
ภูวินท์บอกว่าเจโรมีแฟนแล้ว เธอก็แอบคิดว่าเจโรหล่อขนาดนั้นต้องมีแฟนสวยมากแน่ ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะสวยจนคนอื่นหมองไปขนาดนี้ แถมพี่นับเก้ายังดูสดใสและขี้เล่นมากต่างจากแฟนของเธอที่ดูนิ่ง ไม่ค่อยพูด แต่กลับดูเหมาะสมกันอย่างลงตัว
นี่มันกิ่งทองใบหยกชัด ๆ
“เฮ้ย ๆ หยุดวุ่นวายกันก่อนไหม มึงลืมไปแล้วเหรอว่าเรามาถ่ายรูปกับพวกมันเนี่ย” เต้ยตะโกนให้แต่ละคนที่ลืมไปแล้วว่าจะทำอะไรกัน “มาถ่ายรูปกันดีกว่า”
น้ำอิงถอยหลังออกมายืนข้าง ๆ เปิดทางให้พี่คนสวยเป็นตากล้องให้พวกเขาได้ถ่ายรูปรวมกัน คนตัวเล็กมองเพื่อน ๆ ของเขาก่อนจะจะคลี่ยิ้มออกมา เธอรู้สึกว่านธีโชคดีจังที่เพื่อนโรงเรียนเก่ายังได้มีโอกาสเจอกันบ่อย ๆ ถึงนธีกับเพื่อนของเขาจะชอบทะเลาะกันตลอดแต่แล้วก็รับรู้ได้ว่าพวกเขารักกันมาก และทุกคนดูซัพพอร์ตกันจนน่าอิจฉา
“เบบี๋~”
“หือ?”
เสียงจากทางด้านหลังทำให้น้ำอิงหันไปมองด้วยความสงสัยปนงุนงง เหมือนกับคนอื่นที่กำลังถ่ายภาพรวมกันอยู่ ทุกคนชะงักเมื่อเห็นว่าผู้ชายร่างสูงใหญ่ทว่าคมเข้มหล่อเหลาดูมีภูมิฐานเดินเข้ามาหาคนตัวเล็ก และต้องเบิกตากว้างเมื่อคนตัวเล็กวิ่งโล่เข้าไปหาก่อนจะสวมกอดและสิ่งที่สร้างความตะลึงงันของนธีเปลี่ยนเป็นไม่พอใจคือใบหน้าของชายแปลกหน้าก้มลงหอมเข้าที่แก้มใสของน้ำอิงด้วยสีหน้าระรื่น
พรึ่บ !
ร่างสูงที่ลืมตัวกำลังพุ่งตัวเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่แต่โดนเพื่อนรีบจับแขนห้ามไว้
“จะทำอะไร?”
“ไม่รู้...”
นธีหันไปตอบเต้ยด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนกับว่าเขาก้าวออกมาเองโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไร มือหนากำก้านธงแน่นจนน่ากลัว ควรจะรู้สึกเจ็บแต่มันกลับชาไปหมด
“ว่าแต่ใครวะ” มาร์ชที่มองไปยังคนที่กอดกันกลมด้วยความฉงน ผู้ชายที่อยู่กับน้ำอิงหน้าไม่คุ้นเลยซักนิด “แฟนน้ำอิงเหรอวะ”
“น้ำอิงมีแฟนเหรอ” ปูนหันไปถามอาร์เจ
“ไม่รู้ว่ะ ไม่เห็นเคยบอกเลย” อาร์เจก็ส่ายหน้าและตกใจไม่แพ้เพื่อน
ในขณะที่เหล่าเพื่อนของเธอกำลังหันซ้ายหันขวาพากันงุนงงกับคนมาใหม่ตรงหน้า แต่ผู้หญิงที่น่าจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนับเก้า กลับเท้าเอวเมื่อเห็นคนหน้าใหม่สำหรับพวกเขา แต่กลับเป็นหน้าเก่าสำหรับนับเก้า
“ไอ้เหนือ !”
คนที่กำลังกอดน้องสาวแสนภาคภูมิใจของตัวเองอยู่สะดุ้งเฮือก เมื่อเสียงแหลมของคนที่ไม่น่าอยู่ตรงนี้ตะโกนเรียกดังลั่น ก่อนจะเงยหน้าไปเห็นคนเท้าเอวเรียกอยู่เขาก็หน้าซีด
“พี่นับเก้า”
“เอ๋? พี่เหนือรู้จักพี่นับเก้าด้วยเหรอคะ”
“นั่นสินับ รู้จักเขาด้วยเหรอ”
น้ำอิงถามพี่ชายตัวเองอย่างสงสัย กลับกันเจโรถามแฟนตัวเองอย่างหึงหวง จนนับเก้าต้องรีบอธิบายออกมา
“ไอ้เหนือมันเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเรา แถมเป็นแฟนเก่าเพื่อนมหาลัยเราอีก แล้วมันก็เป็นคนทิ้งเพื่อนเราด้วย !” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วแล้วจิกตาใส่เหมือนแค้นไม่หาย แล้วสายตาเธอก็เห็นหน้านธีที่กำลังตึงเพราะสถานการณ์เมื่อซักครู่จึงรีบพูดไม่งั้นคงมีคนแห้วรับประทานเพราะความเข้าใจผิด “ก็ว่าอยู่น้ำอิงหน้าเหมือนใคร ที่แท้ก็น้องสาวที่มันชอบถ่ายอวดลงสตอรี่บ่อย ๆ นี่เอง”
“น้องสาว?” นธีที่หน้านิ่วคิ้วขมวดหันขวับกลับไปหาคนทั้งคู่อีกครั้งเมื่อได้ฟังสิ่งที่แฟนเพื่อนพูดออกมา
“ลืมแนะนำให้รู้จัก นี่พี่เหนือพี่ชายเราเอง ส่วนพวกนี้เป็นเพื่อนน้ำอิงเองค่ะพี่เหนือ” น้ำอิงแนะนำด้วยน้ำเสียงสดใสในตอนแรกแล้วยู่หน้าไม่พอใจในตอนท้ายเมื่อเงยหน้าไปหาพี่ชายตัวเองที่บัดนี้ซีดเผือดมองคู่อริอย่างนับเก้า “ตอนมาเรียนกรุงเทพแล้วมีแฟนไม่ยอมบอกอิงเหรอคะ ไหนบอกว่าไม่เคยมีแฟนไง !”
“ไม่มีค่ะ เบบี๋อย่าไปฟังยัยอสรพิษนี่นะคะ มั่วมากค่ะ”
“มั่วอะไรยะ วันนี้แกโดนแน่ ไอ้ปิ่นก็มาด้วยฉันจะไปบอกมันเดี๋ยวนี้ว่าแกอยู่นี่”
“อย่านะ ! พี่นับ มานี่เลยไอ้พี่ตัวแสบ”
ท่ามกลางความวุ่นวาย ครู่เดียวเท่านั้นนับเก้าก็โดนลากไปด้วยฝีมือคนที่พวกเขาเพิ่งจะรู้ว่าเป็นพี่ชายของน้ำอิง ซึ่งเป็นความตั้งใจของนับเก้าตั้งแต่แรกที่จะให้น้ำเหนือออกมาจากวงนั้น ไม่อย่างนั้นพี่ชายที่หลงน้องสาวหนักจนแทบจะลงอวดชาวบ้านสามเวลาหลังอาหารอย่างรุ่นน้องตัวเองคงจะตามติดน้ำอิงหนึบจนไม่ได้มีโอกาสอยู่กับเพื่อนแน่ ๆ
“ขอโทษที่พี่เราวุ่นวายนะ กลับไปถ่ายเถอะ เอ่อ...ตากล้องหาย งั้นเดี๋ยวเราถ่ายให้นะ”
คนที่รู้สึกผิดที่จู่ ๆ พี่ชายตัวเองมาก็ขัดจังหวะคนอื่นไปหมดก็ยิ้มเจือน ก่อนยกโทรศัพท์ตัวเองขึ้นเตรียมถ่ายไปยังพวกเขาทียังหน้าเหวอไม่หาย
ภูวินท์และมาร์ชที่มีสติก่อนใครแล้วก็หัวเราะแล้วผลักเพื่อนคนอื่นให้กระจายกันออกเหลือนธีคนเดียวที่ยืนนิ่งอยู่ตรงกลาง ส่วนเจโรวิ่งตามแฟนตัวเองที่โดนลากไปแล้ว
“น้ำอิง...นี่ถ้าเธอแนะนำช้ากว่านี้นิดเดียว พี่เธอโดนธงสาขาตีหัวแตกแล้วนะ”
“ภูวินท์ว่าไงนะ”
“เปล่าครับบ~ หมายถึงรอกันจนเหงื่อแตกแล้วถ่ายรูปกันดีกว่า”
“เจ้นับคงถ่ายไปหลายรูปแล้ว น้ำอิงนั่นแหละมาถ่าย” เต้ยและภูวินท์รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ก่อนกวักมือเรียกคนตัวเล็ก ซึ่งน้ำอิงก็โบกมือปฏิเสธ ภูวินท์ก็จิ๊จ๊ะ “เถอะน่า...เพื่อนคนหนึ่งก็ถือป้าย อีกคนก็ถือธง ยังไม่มีรูปถ่ายด้วยกันเลยหนิ”
“อะไรของมึงอีกเนี่ย...” นธีที่เงียบไปนานก็หรี่ตามองไปที่เพื่อนซึ่งเริ่มจัดแจง
“หรือมึงไม่อยากถ่าย?”
“...”
“น่ะ...อยากถ่ายแต่ไม่มีปากขอ กากชิบ” ภูวินท์ตีหน้าเหม็นเบื่อก่อนจะกัดฟันกระซิบให้ได้ยินแค่สองคน “เดี๋ยวพี่เขากลับมาก็อดหรอก”
“น้ำอิงมาถ่ายกับไอ้ธีก่อน เดี๋ยวจะได้ถ่ายกับพวกเราเก็บไว้ด้วยไง” มาร์ชช่วยหว่านล้อมทำให้คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วเดินเข้ามาหา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกประหม่าด้วย
ก็แค่ถ่ายกับเพื่อนจะตื่นเต้นทำไมล่ะเนี่ยน้ำอิง
เพื่อน ๆ ที่มองคนทั้งคู่ยืนข้าง ๆ กัน ต่างฝ่ายต่างเกร็งอยู่หน้ากล้องที่ภูวินท์ยกขึ้นมาถ่ายก็กลอกตา เมื่อกี้เห็นน้ำอิงอยู่กับผู้ชายคนอื่นเพื่อนแว่นของพวกเขาหน้าหงอยเป็นหมา แต่พอรู้ว่าเป็นพี่ชายหน้าบานซะ
น่าหมั่นไส้ว่ะ
“น่ารักมากครับบบบ ขออีกรูปครับ ขยับใกล้ ๆ กันหน่อยก็ได้ ถ้าจะถ่ายบัตรประชาชนเขาไปถ่ายกันที่เขตฯ เนอะ”
นธีถอนหายใจปนขำเพื่อนที่พูดมากอย่างกับอะไรดี แต่ก็สะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่แขนชนกับไหล่เล็กที่ขยับเข้ามาตามที่ภูวินท์บอกอย่างว่าง่าย พอก้มลงไปมองก็เห็นว่าน้ำอิงเม้มปากอย่างประหม่า เขาก็ยกยิ้มมุมปาก
“...”
“ฉันลืมบอก...ว่าจะพูดตั้งแต่เช้าแล้ว”
“หือ ? บอกอะไร” ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมองตามระยะความสูงที่ต่างกันแล้วเอียงหน้าฉงน
“วันนี้...อิงน่ารักมาก”
คนฟังนิ่งไปก่อนจะสะบัดหน้าไปมองกล้องด้วยหน้าที่ร้อนฉ่ากับคำชมซึ่ง ๆ หน้า คนสวยเผยยิ้มออกมาบาง ๆ แล้วพยักหน้าตอบรับ
“ธีก็...หล่อมากเหมือนกัน”
“ว่าไงนะ?” ใบหน้าคมก้มหัวเอียงมองเสี้ยวหน้าน้ำอิงเมื่อตัวเองเหมือนจะฟังไม่ชัด หรือจริง ๆ ก็คืออยากฟังมันชัด ๆ อีกรอบหนึ่ง “พูดอีกทีซิ”
“เลิกถ่ายกันดีกว่า ! อุ่ย...เจ็บเท้าอ่ะขอพักก่อนนะ” น้ำอิงผละออกมาแล้วใช้ป้ายไม้บังหน้าตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายที่โน้มหน้ามาใกล้ได้เห็น แล้วเดินเร็ว ๆ ออกมาจากกลุ่มเพื่อนโดยที่ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าหน้าแดงขนาดไหน
โอ๊ย ! ก็แค่ถ่ายกับเพื่อนจะเขินอะไรล่ะเนี่ย