“พี่หมอภัทรบอกมาอย่างนี้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะเจ๊พร้อม พายน์ช่วยอะไรไม่ได้เลย แฮะๆ”
เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาจากภัคร์พิมลพร้อมสีหน้ารู้สึกผิด พร้อมรักรีบโบกมือโบกไม้เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
“เจ้สิต้องขอโทษพายน์ที่ทำให้ลำบากใจ ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรค่า” ภัคร์พิมลตอบรับคำขอโทษด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ต้องคิดมาก
“แล้วงี้เจ้จะเอาไงต่อ”
ธนดลที่อยู่ในวงสนทนาด้วยถามขึ้น ทั้งหมดพากันมาที่ร้านคาเฟ่เปิดใหม่แถวสุขุมวิท ถามเสร็จก็ตักพาสตาเข้าปาก หากแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่พร้อมรัก
“ก็แบบ อาจารย์หมอวินธัยบอกว่าถ้าอยากคุยให้เข้าไปขอไอดีไลน์จากเขาโดยตรง เจ้ว่าเจ้จะดับเครื่องชนเลยดีกว่า รักต้องรุก”
คำตอบของพร้อมรักกับท่าทางมุ่งมั่นทำให้ภัคร์พิมลกับธนดลหันมามองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะดึงสายตาไปที่พร้อมรักอีกครั้ง
“เจ้เอาจริงดิ”
“จริง”
พร้อมรักตอบคำถามธนดลพร้อมพยักหน้าหงึกๆ และจากคนที่มีประสบการณ์แอบรักมาก่อนอย่างภัคร์พิมลก็ไม่ลังเลที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยรุ่นพี่
“พี่หมอภัทรบอกว่าพี่หมอวินคล้ายเจ้าบ่าวกลัวฝน พี่หมอวินค่อนข้างหวงแหนความเป็นส่วนตัว รักอิสระ ไม่ต้องการผูกมัด และที่สำคัญพี่หมอวินไม่เคยคบหาใครมาก่อนด้วยค่ะ”
“เจ้นี่แหละจะเป็นคนทำให้อาจารย์หมอวินธัยก้าวผ่านคำว่าเจ้าบ่าวกลัวฝนให้ได้”
“เจ้ เบาได้เบานะ เอาแค่ให้เขาปลดบล็อคก่อนเถอะ เป้าหมายเจ้สูงมาก ความสวยให้ห้าความมั่นหน้าเอาไปร้อยเต็มจ้ะ”
“เป็นฝอยขัดหม้อเหรอดอลลี่ ขัดเก่งนะเราน่ะ”
น้องรหัสกับพี่รหัสตีริมฝีปากกันจนภัคร์พิมลอดหัวเราะไม่ได้ เจ้าตัวส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะตักมักกะโรนีเข้าปาก ระหว่างที่พร้อมรักกับธนดลส่งสายตาฟาดฟันใส่กัน
แต่ครู่เดียวก็ต่างแย่งกันเล่าเรื่องขำขัน สุดท้ายก็ต่างระเบิดหัวเราะออกมา
แยกจากธนดลกับภัคร์พิมลพร้อมรักก็ตรงดิ่งกลับมาที่คอนโดฯ ที่อยู่แถบชานเมือง ซึ่งคอนโดฯ นี้ พร้อมรักได้รับเป็นของขวัญในวันที่สอบเข้าเรียนพยาบาลได้จากบิดาเมื่อแปดปีก่อน หญิงสาวใช้คีย์การ์ดปลดล็อคประตูก่อนจะพาตัวเองเข้ามาด้านใน รองเท้าคัชชูสีขาวถูกถอดเอาไว้ตรงชั้นวางรองเท้า แล้วเปลี่ยนเป็นสวมสลิปเปอร์แทนก่อนจะหิ้วข้าวของที่ซื้อมาไปวางในโซนห้องครัว
คอนโดฯ ของพร้อมรักไม่ใช่คอนโดฯ ที่ใหญ่นัก แต่ก็ไม่ได้เล็กจนน่าอึดอัด เพราะมีพื้นที่ใช้สอยครบครัน ทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอนที่มีถึงสองห้องและแต่ละห้องก็มีห้องน้ำในตัว หญิงสาวจัดการเก็บข้าวของใส่ตู้ติดผนังเหนืออ่างล้างจาน ใช้เวลาเพียงไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย
ร่างเล็กเอนหลังพิงพนักโซฟาตรงห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจ มือซ้ายของหญิงสาวถือแก้วน้ำลูกพรุน ส่วนมือขวากำลังเอื้อมไปหยิบรีโมตทีวีขึ้นมากด จอพลาสมาติดผนังขนาดสี่สิบสามนิ้วกำลังฉายภาพละครหลังข่าวภาคค่ำ พร้อมรักดูละครที่ชื่นชอบอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกเข้ามือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย
หญิงสาวหยิบเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่ออกมา ดวงตากลมโตจับจ้องที่หน้าจอที่กำลังสว่างวาบ เบอร์ที่กำลังโชว์หราเป็นเบอร์ของมารดา เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังออกมาให้ได้ยินก่อนที่เจ้าตัวจะกดรับสาย
“ค่ะแม่”
“เมื่อไรแกจะมาจัดการเรื่องบ้านซะที”
“พร้อมบอกแม่แล้วนี่ว่ายังไงพร้อมก็ไม่ขาย”
“นี่แก!”
เมื่อพร้อมรักบอกแบบนั้นน้ำเสียงของพริ้มเพรา มารดาของหญิงสาวก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที พร้อมรักไม่ต้องการทำให้มารดาต้องหงุดหงิด แต่เรื่องนี้หญิงสาวไม่อาจยอมได้จริงๆ
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของบิดาของเธอ บิดาผู้ล่วงลับและพร้อมรักจะไม่มีวันขายทิ้งเป็นอันขาดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
“แกมันลูกเนรคุณ แม่แกน้องแกจะอดตายกันอยู่แล้ว แกยังไม่คิดจะใส่ใจ”
พร้อมรักถอนหายใจอย่างอ่อนล้า หญิงสาวกลายเป็นลูกเนรคุณเพียงเพราะไม่ยอมขายบ้านของบิดาซึ่งเป็นมรดกเพียงชิ้นเดียวที่บิดาทิ้งเอาไว้ให้เธอ เพราะสมบัติของบิดาหลายชิ้นถูกมารดาของเธอขายไปจนหมดแล้ว
“แม่ ถ้าพร้อมเนรคุณจริง พร้อมไม่ส่งเสียให้แม่ทุกเดือนหรอก แต่ถ้าเงินที่พร้อมให้ทุกเดือนไม่พอใช้ แม่ก็ให้แพรไปทำงานสิ แล้วก็อาชัชด้วย”
พร้อมรักกล่าวถึงแพรวาน้องสาวต่างมารดาที่อายุห่างกันเพียงสองปี มารดาของหญิงสาวเลิกกับพ่อของเธอตั้งแต่พร้อมรักอายุได้หกเดือน แล้วไปแต่งงานใหม่กับสรชัชซึ่งก็คือบิดาของแพรวา โดยพร้อมรักอยู่กับบิดามาตลอด เคยเจอมารดาบ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก มาเจอบ่อยก็ตอนหลังงานศพของบิดาของเธอเมื่อห้าปีก่อนนั่นแหละ
เจอกันเพราะมารดาของหญิงสาวเรียกร้องให้คนเป็นลูกอย่างเธอทดแทนบุญคุณบ้าง และสิ่งที่มารดาของเธอต้องการนั่นก็คือเงิน พร้อมรักคิดว่าตนเองก็ทำหน้าที่นั้นมาได้ดีตลอด รายได้ในแต่ละเดือนครึ่งหนึ่งที่พร้อมรักหามาได้จากการทำงานก็เป็นของมารดา แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจ เพราะต้องการมากขึ้น และดูเมื่อว่าพร้อมรักไม่ได้แค่ส่งเสียเงินให้แค่มารดาคนเดียวเท่านั้น แต่ต้องส่งเสียน้องสาวต่างมารดาอย่างแพรวาที่เรียนจบแล้วแต่ไม่ยอมทำงาน และสรชัชสามีใหม่ของแม่ที่ติดการพนัน พร้อมรักเคยยอมมาตลอด จนกระทั่งมารดาเอ่ยปากให้ขายบ้านของบิดาซึ่งเป็นมรดกของหญิงสาวโดยตรง
และพร้อมรักคิดว่านั่นมันมากเกินไปจนไม่อาจยอมได้
เหตุผลหนึ่งที่พร้อมรักย้ายที่ทำงานบ่อยๆ นอกจากที่หญิงสาวอ้างกับธนดลว่ารักอิสระแล้วก็คือการที่มารดาของเธอมักจะตามมาวุ่นวายถึงที่ทำงานในยามที่พร้อมรักไม่ตอบสนองความต้องการในเรื่องจำนวนเงินที่มากเกินพอดีได้ หากจะบอกว่าย้ายงานหนีมารดาก็คงไม่ผิดอะไร
“น้องแกไม่เคยทำงาน จะให้น้องมันไปทำได้ยังไง แล้วชัชเองเขาก็สุขภาพไม่ค่อยดีแกจะให้เขาไปทำงานอะไรได้”
“สุขภาพไม่ดีแต่ก็เข้าบ่อนได้ทุกวัน ส่วนยายแพร ไม่เคยทำงานแม่ก็ต้องให้น้องมันไปทำ มันจะได้เคย โตจนป่านนี้ เอาแต่นั่งๆ นอนๆ จะอดตายก็ไม่แปลกหรอก”
“แกมันปากดีเหมือนพ่อแกไม่มีผิด”
แย้งไม่ได้พริ้มเพราก็เลือกที่จะต่อว่าคนที่จากไปแล้วอย่างบิดาของหญิงสาว พร้อมรักนิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจนัก บิดาของเธอเป็นคนดี เธอไม่ต้องการให้ใครมาต่อว่าถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นมารดาของเธอก็ตาม
“แม่ไม่ควรว่าพ่อแบบนั้น”
“ทำไม พ่อแกมันวิเศษวิโสมาจากไหน ฉันถึงจะด่าไม่ได้”
พริ้มเพรากล่าวเสียงกระแทก เป็นอีกครั้งที่พร้อมรักนิ่วหน้าพลางถอนหายใจ
“พ่อไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน แต่อย่างน้อยก็เป็นคนที่เลี้ยงพร้อมมาตลอด และอย่างน้อยแม่ก็ควรให้เกียรติคนที่ตายไปแล้วบ้าง”
“นี่แกกล้าสั่งสอนฉันงั้นเหรอ”
“พร้อมไม่กล้าทำงั้นหรอกแม่ ก็แค่อยากบอกในสิ่งที่ควรก็เท่านั้นแหละ”
“เฮอะ” พริ้มเพราแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ หงุดหงิดกับคำพูดของพร้อมรักไม่น้อย แต่เลือกเก็บเอาไว้ก่อนแล้ววกกลับมาเรื่องที่ตนต้องการอีกครั้ง “แล้วตกลงเรื่องบ้านพ่อแกน่ะจะขายเมื่อไร”
“พร้อมไม่ขาย ยังไงพร้อมก็ไม่ขาย”
“แกมันลูกเนรคุณ”
พร้อมรักโดนต่อว่าจนชินชาเสียแล้ว คราวแรกก็เสียใจไม่น้อย แต่พอหลายๆ ครั้งเข้า ความเสียใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความชินชาในที่สุด
“งั้นลูกเนรคุณคนนี้ขอวางสายก่อนนะแม่ พรุ่งนี้พร้อมต้องขึ้นเวรเช้า”
แล้วพร้อมรักก็กดวางสายแม้อาจจะดูไร้มารยาทและไม่สมควรก็ตาม แต่หากไม่วางสายสิ่งที่พร้อมรักจะได้ยินต่อจากนั้นก็จะมีแค่เสียงก่นด่า
สู้วางสายไปเสียดีกว่า