“แบบว่าหมอมีอะไรจะคุยกับพร้อมเหรอคะ”
ถูกจับได้ด้วยใบขับขี่รถยนต์ที่เผลอทำร่วงเอาไว้ที่ร้านหนังสือพร้อมรักจึงไม่อาจปฏิเสธหรือหนีไปตั้งหลักได้อย่างที่ใจต้องการ หญิงสาวปั้นหน้ายิ้มยาก ดวงตากลมโตดำขลับสบกับดวงตาคมเข้มของคู่สนทนาอย่างวินธัย ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ในร้านอาหารไทยร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า
“คุณคือพร้อมรักคนที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของน้องพายน์หรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ พร้อมคือพร้อมรักคนนั้นนั่นแหละค่ะ พร้อมรักที่โดนหมอบล็อคไลน์”
เอาละ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พร้อมรักคนนี้จะไม่หนีเด็ดขาด หญิงสาวคิดในใจอย่างมุ่งมั่น มือสองข้างที่ประสานกันไว้ใต้โต๊ะกระชับแน่น ดวงตาสีนิลจับจ้องที่ใบหน้าหล่อเหลาของวินธัยอย่างไม่หลบเลี่ยง
“ที่ทักผมมาคือต้องการอะไร”
วินธัยไม่คิดจะอ้อมค้อม ดวงตาเรียวรีของแพทย์หนุ่มหรี่ลงเล็กน้อยระหว่างที่รอคำตอบ พร้อมรักหัวใจสั่นไหวเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามกันโต้งๆ แบบนี้
‘เป็นไงเป็นกัน’
มาถึงตรงนี้พร้อมรักเองก็ไม่คิดจะถอยหลังหนีเด็ดขาด มือที่ประสานเอาไว้ใต้โต๊ะยิ่งกระชับแน่นขึ้น และไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้กำลังประหม่าไม่น้อยเลย
“คือพร้อม พร้อมอยากรู้จักหมอค่ะ รู้จักที่แค่มากกว่าการรู้จักแบบผิวเผิน”
ฟังคำตอบแล้วท่าทางของวินธัยก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะพร้อมรักไม่ใช่คนแรกที่อยากทำความรู้จักกับแพทย์หนุ่ม ส่วนพร้อมรักเมื่อเห็นว่าวินธัยไม่ได้ว่าอะไร หญิงสาวก็ฉวยโอกาสนั้นเอ่ยในสิ่งที่ต้องการ
“ให้พร้อมได้ทำความรู้จักหมอได้ไหมคะ”
“ชอบผมเหรอ”
“ค่ะ”
พร้อมรักตอบรับคำถามของวินธัยอย่างตรงไปตรงมา แม้จะรู้สึกวูบวาบที่ใบหน้าอยู่ไม่น้อย แต่หญิงสาวก็ไม่คิดจะรักษาท่าทีหรือวางมาดใดๆ ทั้งนั้น
“ก็ตรงดี”
นั่นคือคำตอบรับจากปากของแพทย์หนุ่ม พร้อมรักที่เลี่ยงการสบสายตากับเขาไปวูบหนึ่งกลับมาตรึงสายตาเอาไว้ที่ร่างสูงอีกครั้ง
“ตรงขนาดนี้แล้ว พร้อมพอจะได้รับโอกาสให้จีบหมอไหมคะ”
พร้อมรักไม่ทันได้คำตอบอาหารที่พวกเขาสั่งเอาไว้ก็มาเสิร์ฟ หญิงสาวยู่หน้าเล็กน้อยเพราะคล้ายถูกขัดจังหวะ หากแต่ก่อนที่จะทันได้ขยับตัว หัวใจของหญิงสาวก็เต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง
“ลองดูก็ได้ แต่ผมไม่รับรองหรอกนะว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างที่ใจคุณหวังหรือเปล่า”
“งั้นก็...อย่าลืมปลดบล็อคด้วยนะคะ”
วินธัยตอบรับคำขอของพร้อมรักด้วยรอยยิ้มบางๆ และบทสนทนาของทั้งคู่ก็สิ้นสุดลงตรงนั้น จากนั้นต่างก็จัดการอาหารตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยเฉพาะพร้อมรักที่มีอาการลิงโลดตลอดมื้ออาหารและรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้รสชาติอร่อยเป็นพิเศษ
“คุณมายังไง”
หลังจากมื้ออาหารสิ้นสุดลง ทั้งคู่ก็เดินออกมาจากร้านพร้อมกันระหว่างที่เท้าต่างขยับไปตามโถงทางเดิน วินธัยก็หันไปถามร่างเล็กที่เดินข้างๆ พร้อมรักแสดงสีหน้าครุ่นคิด ใจหนึ่งก็อยากอ้างว่านั่งแท็กซี่มาเผื่ออีกฝ่ายจะใจดีไปส่งที่คอนโดฯ แต่อีกใจก็ไม่อยากโกหกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกัน
“พร้อมอยากจะบอกว่านั่งแท็กซี่มาเผื่อหมอจะใจดีให้พร้อมติดรถกลับบ้านอะไรอย่างนี้ แต่ความจริงแล้วก็คือพร้อมขับรถมาค่ะ”
“ถึงคุณจะทำแบบนั้นผมก็คงไปส่งคุณไม่ได้อยู่ดี”
‘คนหล่อใจร้าย’
พร้อมรักโอดครวญ หญิงสาวแอบย่นจมูกอย่างขัดใจนิดหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไร แม้จะรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
“ผมไม่ได้เอารถมา”
ได้ยินแบบนั้นพร้อมรักก็ถึงบางอ้อ ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบลิปกลอสสีชมพูวาวขยับยิ้มพลางพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ
“แล้วหมอมายังไงคะ”
“ผมใช้แกร็บคาร์”
“แล้วแบบว่า...หมอเรียกรถไปหรือยังคะ”
“ยัง”
“งั้นให้พร้อมไปส่งไหมคะ”
คิ้วคมเข้มเหนือดวงตาเรียวรีข้างหนึ่งยกขึ้นสูงเล็กน้อยเมื่อได้ยินหญิงสาวบอกแบบนั้น ในขณะที่พร้อมรักรอคอยคำตอบด้วยใจระทึก
ใจหนึ่งวินธัยก็อยากปฏิเสธ หากแต่เห็นดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความหวัง คำปฏิเสธก็ถูกกลืนหายไปในลำคออย่างน่าประหลาด
“ถ้าคุณไม่ลำบาก เอางั้นก็ได้”
รถของพร้อมรักที่มีวินธัยนั่งที่เบาะนั่งข้างคนขับเลี้ยวเข้ามาในคอนโดฯ แห่งหนึ่ง พร้อมรักหยุดรถตรงหน้าล็อบบี้ของคอนโดฯ หากแต่ไม่ทันที่วินธัยจะก้าวลงจากรถ จู่ๆ สายฝนก็กระหน่ำรัวลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยและดูท่าทางจะหนักเอาการเพราะเทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว ก่อนที่เสียงท้องฟ้าคำรามจะดังขึ้นแล้วเสียงฟ้าผ่าก็ดังตามมาทำเอาเจ้าของรถคันเล็กสะดุ้งโหยง มือทั้งสองข้างกำพวงมาลัยรถเอาไว้แน่น หญิงสาวหลับตาแน่นพลางย่นคอ ท่าทางบ่งบอกชัดว่ากำลังหวาดกลัวไม่น้อยแต่ก็ไม่ถึงกับตัวสั่นเทา
“ผมว่าคุณเอารถไปจอดตรงที่จอดรถใต้คอนโดฯ ก่อนดีกว่า ฝนหยุดแล้วค่อยว่ากัน แต่ผมว่าไม่น่าจะหยุดง่ายๆ ไปหลบฝนที่ห้องผมก่อนก็ได้ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”
นั่นไม่ใช่เรื่องที่พร้อมรักกังวลเลยสักนิด แม้ว่านี่จะเป็นหนแรกที่หญิงสาวเพิ่งจะได้พูดคุยกับแพทย์หนุ่ม แต่สัญชาตญาณบอกเธอว่าอีกฝ่ายไว้ใจได้
คนที่ไว้ใจไม่ได้น่าจะเป็นเธอเสียมากกว่า
“งั้นก็รบกวนด้วยนะคะ”
พร้อมรักไม่ปฏิเสธความมีน้ำใจของวินธัย หญิงสาวขยับยิ้มกว้างก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดใต้คอนโดฯ ตามที่วินธัยบอก
พร้อมรักเดินออกมาจากลิฟต์ชั้นที่ยี่สิบเอ็ดพร้อมวินธัย หญิงสาวไม่ปฏิเสธเลยสักนิดว่ากำลังตื่นเต้น ได้มีโอกาสพูดคุยกันครั้งแรกฟ้าฝนก็เป็นใจเสียเหลือเกินที่ทำให้เธอได้เข้ามาหลบฝนในคอนโดฯ ของอีกฝ่าย
“เข้ามาก่อนสิ”
ประตูห้องถูกเปิดกว้างด้วยฝีมือของวินธัย แพทย์หนุ่มเปิดทางให้หญิงสาวก้าวเข้าไปด้านในก่อนจากนั้นคนเป็นเจ้าของห้องจึงก้าวตามเข้ามาพร้อมจัดการดึงประตูปิด
พร้อมรักเดินตามวินธัยมาที่ห้องรับแขก คอนโดฯ ของวินธัยดูกว้างขวางกว่าคอนโดฯ ของพร้อมรักพอสมควร เฟอร์นิเจอร์ด้านในเป็นโทนสีเบจดูเรียบหรูสบายตา สะโพกกลมกลึงหย่อนลงบนเบาะนุ่มตามคำเชื้อเชิญของเจ้าของห้อง
“นั่งลงก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณจะเอาน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้”
“น้ำเปล่าก็พอค่ะ”
พร้อมรักยิ้มบอก หญิงสาวนั่งรออยู่ตรงนั้นเพียงครู่เดียววินธัยก็กลับมาพร้อมน้ำแร่สองขวด ขวดหนึ่งเขายื่นให้เธอพร้อมกับหลอด ส่วนอีกขวดยังคงอยู่ในมือของเขา ร่างสูงนั่งลงที่โซฟาอีกตัวระหว่างที่เขาหมุนฝาเปิดขวดก่อนจะยกมันขึ้นดื่ม ในขณะที่พร้อมรักเองก็กำลังดูดน้ำเช่นกัน
“หมอไม่ต้องนั่งเป็นเพื่อนก็ได้นะคะพร้อมอยู่ได้ ไว้ฝนหยุดตกพร้อมก็จะกลับค่ะ”
พร้อมรักเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว วินธัยยังไม่ได้โต้ตอบอะไร แพทย์หนุ่มเหลือบสายตาไปที่ผนังห้อง ตรงตำแหน่งนั้นมีนาฬิกาติดผนังแขวนอยู่ ซึ่งบอกเวลาราวๆ สี่ทุ่มเศษ ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตามองทะลุผนังกระจกใสที่สามารถมองเห็นวิวด้านนอก เม็ดฝนยังกระหน่ำรัวลงมาอย่างบ้าคลั่งอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดลงในเร็วๆ นี้
“ผมว่าบางทีฝนอาจจะตกทั้งคืน คุณนอนที่นี่ก็ได้ มีห้องนอนอยู่สองห้อง”
ฉับพลันหัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงขึ้น แต่พร้อมรักพยายามสงวนท่าทีไม่ให้ดีใจออกนอกหน้าจนดูน่าเกลียด หญิงสาวปั้นยิ้มอย่างติดเกรงใจทั้งที่ในใจลิงโลด
“รบกวนหมออีกแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะ”