ตอนที่ 5 ชื่อหนูยิ้ม
4 ปีต่อมา
ภายในมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง อเบรนตัน ตอนนี้มีเหล่านักศึกษาทั้งเก่าและใหม่ที่เดินทางเข้ามาภายในมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ทำให้เหล่านักศึกษามารวมตัวกันมากมายแต่มีเฟรชชี่สาวคนหนึ่งที่มีผิวขาวผ่องออร่าราวกับไข่มุกทำให้เธอดูสวยจนน่าจับจ้องมอง
“น้องคนสวยชื่ออะไรเหรอครับ” เสียงทักทายที่ดังออกมาทำให้เจ้าของใบหน้างามนิ่งมองไปยังอีกฝ่าย
“หนูยิ้มค่ะ”
“หนูยิ้มชื่อน่ารักแถมยังสวยมากอีกด้วยนะครับ”
“แล้วน้องคนสวยละครับชื่ออะไร” เพื่อนของรุ่นพี่หันไปเอ่ยถามสาวสวยอีกคนที่ดูหยิ่ง ๆ แต่มันก็เป็นปกติของคนสวย
“เอมี่่ค่ะ”
“หนูยิ้มขอตัวก่อนนะคะ” หนูยิ้มพูดก่อนเดินตรงไปยังตึกคณะ วันนี้เธอมีเรียนภาคเช้า แต่ด้วยเพราะไม่มีเพื่อนเลยทำให้หนูยิ้มที่เพิ่งเดินทางมายังมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรกรู้สึกประหม่าไม่น้อย
“หนูยิ้ม ใช่เธอจริง ๆ ด้วย” เสียงทักทายที่เต็มไปด้วยความดีใจ พร้อมเจ้าของร่างที่เดินเข้ามาหาอีกฝ่ายด้วยความรีบร้อน
ทางด้านของหนูยิ้มที่ถูกเรียก ก็รีบหันไปมองคนที่เรียกตัวเอง เธอไม่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่ายที่นี่
“น้อยหน่ามาได้ไง” หนูยิ้มเอ่ยถามอย่างดีใจ
“เราก็เรียนที่นี่ไงล่ะ ก็ต้องมาสิจ๊ะ”
“เรียนที่นี่คณะอะไร ไหนบอกว่าไปเรียนที่เชียงใหม่ไง” หนูยิ้มเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ พร้อมมองใบหน้าของเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ
หนูยิ้มกับน้อยหน่าเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อตอนที่หนูยิ้มเรียนอยู่ ม.ปลาย ที่ จ.น่าน แต่น้อยหน่า ตอนแรกนั้นสอบติดมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ในคณะนิเทศศาสตร์เหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นน้อยหน่าตัดสินใจเรียนต่อที่นั้น แต่อยู่ ๆ กลับมาโพล่อยู่ที่นี่ทำให้หนูยิ้มสงสัย
“เรื่องมันยาว ว่าแต่หนูยิ้มเรียนนิเทศใช่ไหม” น้อยหน่าเอ่ยถามเพราะตอนนี้ทั้งสองอยู่ตึกนิเทศศาสตร์ แต่เธอก็ต้องถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ใช่”
“งั้นเราก็มีเพื่อนเรียนแล้ว”
“ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่” หนูยิ้มพูดด้วยเสียงที่เศร้าเล็กน้อย ต่อให้เธอเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย แต่การที่หนูยิ้มมีเพื่อนสนิทมาเรียนด้วยมันยอมดีกว่า
“จะดึงเข้าดราม่าเพื่อ...ไปเรียนได้แล้วค่ะเพื่อนสาว เดี๋ยวสาย” น้อยหน่าควงแขนหนูยิ้มไปเรียนพร้อมกัน
.
....
วันแรกของการเรียนอาจารย์ไม่ได้สอนอะไรมากมาย แต่เน้นให้ไปศึกษาเรื่องความรู้ที่จะใช้เรียนมากกว่า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย
“คนนั้นดูสวยไม่แพ้เธอเลยนะ” น้อยหน่าเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังมองไปยังเอมี่ที่ตอนนี้มีรุ่นพี่ทั้งในขณะและนอกคณะเดินเข้ามาของเบอร์ ขอคอนแทคเอมี่ไม่ขาดสาย
“ใช่ ดูสวยมาก”
“เห้อ พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก เธอก็สวยไม่แพ้นางเลยนะ” น้อยหน่ามองเพื่อนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเพื่อนของเธอจะพูดแบบนี้ เพราะตอนที่หนูยิ้มย้ายเข้าไปเรียนที่โรงเรียน ตอนนั้นโรงเรียนแทบแตก ซึ่งน้อยหน่าไม่คิดว่าคนที่ทั้งสวยทั้งน่ารัก มีแต่คนพยายามเข้าหาจะมาเป็นเพื่อนสนิทของเธอได้
วันที่หนูยิ้มเข้าเรียนที่โรงเรียนใหม่ที่ จ. น่าน เธอตัดสินใจที่จะเป็นตัวเอง เลิกย้อมผมดำปล่อยสีผมเป็นสีน้ำตาลประกายทองอย่างเป็นธรรมชาติ เลิกใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลเข้มเพื่อบดบังตาสีฟ้าอ่อนคู่สวย ทุกอย่างที่เปิดเผยความเป็นตัวเองส่งให้เธอมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
“เลิกพูดแล้วไปหาอะไรกินกัน”
“น้องครับ” แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้เดินไปไหน อยู่ ๆ ก็มีนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาทั้งสอง
“คะ”
“พี่ขอเบอร์หน่อยสิ”
“เบอร์ไม่ได้ค่ะ แต่ IG ได้ค่ะ” น้อยหน่าตอบแทนเพื่อนของเธอ เพราะเธอไม่อยากให้ใครมาก่อกวนเพื่อนของเธอ
“ได้ครับ”
จากเดิมที่หนูยิ้มคิดว่าทุกคนคงให้ความสนใจแค่กับเอมี่และเธอจะรอดตัวตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมีคนเข้ามาขอ IG และถ่ายรูปเธอพอ ๆ กับเอมี่
จนคนที่หิวแล้วทนไม่ไหวอย่างเพื่อนสนิทของเธอต้องเป็นคนลากหนูยิ้มออกมาจากตรงนั้น
“กว่าจะได้ออกมากินข้าว เห้อ เหนื่อยจริง ๆ” น้อยหน่าเอ่ยอย่างบ่น ๆ ซึ่งหนูยิ้มกลับหัวเราะชอบใจ
ด้วยนิสัยที่เป็นคนตรงไปตรงมาของน้อยหน่า บ่งบอกถึงความจริงใจทำให้หนูยิ้มคบกันจนเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่มีและเธอสามารถแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตได้
“เราช่วยเธอเอาไว้ กรุณาเลี้ยงข้าวเราเลย”
“ได้สิ ขอบใจนะน้อยหน่า เราไม่ค่อยรู้วิธีรับมือกับเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่”
หนูยิ้มที่ไม่ค่อยประสากับเรื่องการเข้าสังคมหรือการมีผู้คนห้อมล้อม เธอมักจะใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจเพราะเธอรู้ว่าการเป็นจุดสนใจหรือมีคนพูดถึงมันทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ ด้วยความที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะถูกพูดถึงในแง่ดีหรือแง่ร้าย
....
อีกฝั่งของมหาวิทยาลัย หน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ กลุ่มรุ่นพี่ปี 4 หนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยที่ประกอบไปด้วย อคิณณ์ วาตะ ธามและโจฮัน
“เฮ้ย ทำไรอยู่”
“ไปไหนมา” วาตะเอ่ยถามเพื่อนของเขาอย่างโจฮันที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อน ทั้ง ๆ ที่ทั้ง 4หนุ่มนัดกันไว้ก่อนหน้านี้ 10 นาที
“ไปส่องเด็กปีหนึ่งมา” โจฮันตอบเพื่อนสนิทพร้อมแย่งขนมของธามมากิน
“เป็นไงบ้างว่ะ” อคิณณ์เอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“อย่างแจ่มอ่ะ คือดี ยิ่งเด็กนิเทศนะเว้ย...โคตรสวยเลย” โจฮันบอกเพื่อนให้รู้ว่าเขาไปเจอน้องๆสวยๆมา
“เด็กนิเทศ” ธามพูดขึ้นก่อนจะมองใบหน้าของเพื่อน เพื่อขอคำยื่นยัน
“ใช่ น้องเอมี่ กับชื่ออะไรว่ะ”
“ชื่ออะไรก็พูดมาสิ” ธามเอ่ยอย่างเร่ง ๆ เพื่อน
“อย่างเร่งดิว่ะ…อ๋อ...หนูยิ้ม” โจฮันต่อว่าธามเล็กน้อย ก่อนเอ่ยออกมาทำให้คนที่ได้ยินชื่อที่ว่า ‘หนูยิ้ม ’อย่างวาตะนิ่งลงเล็กน้อย ชื่อที่เขาไม่อยากได้ยินอีกเลย
“วาตะ…วาตะ ไอ้วาตะ” อคิณณ์สะกิดโจฮันและเพื่อนของเขาอย่างธามให้หันไปมองคนที่เอาแต่นั่งเงียบ
โจฮันที่เห็นว่าวาตะเหม่อลอย พวกเขาทั้ง 3 คนจึงได้เอ่ยชื่อวาตะออกมาเสียงดังพร้อมกัน
“วาตะ/วาตะ/วาตะ”
“ห๊ะ” วาตะตกใจไม่น้อยที่อยู่ ๆ เพื่อนก็เรียกตัวเองด้วยเสียงที่ดัง ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ไม่ใกล้
“แค่ได้ยินชื่อก็ถึงกับเหม่อเลยเหรอว่ะมึง” โจฮันเอ่ยอย่างแซว ๆ แต่สีหน้าของวาตะกลับไม่ได้รู้สึกขำกับที่เพื่อนของตัวเองพูดแซวเลย
“มึงก็พูดเกินไปแค่ชื่อน้องมึงถึงกับเหม่อเลยเหรอวะ ” ธามเอ่ยขึ้นเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขายังนิ่งเหมือนเดิม
“วันศุกร์มีงานรับน้องไปดูไหม” โจฮันยังคงพูดเรื่องเด็กใหม่ไม่หยุด
“ไปดิ มึงอะไปไหมวาตะ” อคิณณ์ตอบก่อนหันไปชวนวาตะ
“ไปสิ” วาตะก็อยากจะเห็นหน้าของคนที่ชื่อหนูยิ้มเหมือนกันว่าจะเป็นคนแบบไหน เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นไหม เด็กสาวผิวขาว นัยย์ตาสีฟ้า ผมดำสนิท
วาตะเองตั้งแต่ย้ายกลับมาเรียนที่กรุงเทพฯเขาเลือกปิดทุกช่องทางติดต่อ เปลี่ยนเบอร์ และเปิดโซเซี่ยลเป็นแอคที่ไม่ได้บ่งชี้ว่าเป็นตัวเขาเพื่อดูข่าวสารที่ต้องการเท่านั้นเอง
“ขอร้องโลกอย่าเหวี่ยงเธอมานะเพราะผลกรรมที่เธอจะได้รับมันจะสาสมเลยล่ะ”