ตอนที่ 7 ไม่เคยมีแฟนเก่า

1858 คำ
ตอนที่ 7 ไม่เคยมีแฟนเก่า  ทางด้านของวาตะ ในขณะที่เขากำลังให้ความสนใจเอมี่อยู่นั้นสายตาของเขายังคงลอบมองไปยังหนูยิ้ม ชายหนุ่มยอมรับเลยว่าเขาแทบจะจำหนูยิ้มไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอในวันนั้นจนถึงวันนี้กลับกลายเป็นคนที่สวยจนสามารถสะกดสายตาของทุกคนให้มองไปยังเธอได้ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่วาตะ ผมสีน้ำตาลประกายทองนี่คงเป็นสีผมธรรมชาติของเธอ ที่หนูยิ้มเคยบอกไว้ว่าต้องย้อมผมสีดำไปโรงเรียน นัยย์ตาสีฟ้าอ่อนสดใสที่โดดเด่น ผิวขาวออร่าขึ้นอย่างชัดเจน วาตะเห็นว่าหนูยิ้มกับเพื่อนของเธอเดินเลี่ยงออกไป เขาก็ดันให้เอมี่ถอยห่างจากตัวเอง แม้ว่าเขากับเอมี่จะรู้จักกันมาก่อนแต่เขาก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับเธอเลยสักครั้งเพราะเขาไม่ชอบมีอะไรกับคนที่รู้จัก และหากเขาต้องการสาวๆมักจะเป็นความสัมพันธ์เพียงครั้งเดียวไม่เคยมีการซ้ำ “ไปเรียนได้แล้วเอมี่” วาตะบอกให้เอมี่ออกไปกลายๆ “แต่..พี่วาตะไปทานข้าวกับเอมี่ไหมคะ นะคะ” ไม่มีคำตอบจากวาตะ มีเพียงสายตาที่นิ่งเฉยมองไปที่เอมี่ ซึ่งเธอรับรู้ได้ทันทีแต่ยังไม่อยากเดินจากไป ซึ่งตอนนั้นเอมี่อยากจะรั้งอีกฝ่ายเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเธอถูกล้อมเอาไว้โดยเหล่ารุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่อยากจะเข้ามาถ่ายรูปด้วย เอมี่เป็นอินฟูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง มีผู้ติดตามมากกว่าล้านผู้ติดตาม หากจะว่าเรื่องการเรียน เอมีเป็นรุ่นน้องของวาตะเพียง 1 ปี แต่เพราะว่าซิ่วจากมหาวิทยาลัยที่อื่นมา จึงเข้ามาเรียนปี 1 ที่นี่อีกครั้ง ทั้ง 4 หนุ่มเดินออกมาจากกลุ่มนักศึกษาและพูดคุยกันไปด้วย “อะไรของมึงวะวาตะ ควงอีกคนแต่มองตามอีกคน” อคิณณ์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนสนิท “มึงชอบน้องละสิ สเปคเลยนะน้องหนูยิ้ม ลูกครึ่ง หุ่นเพรียวบาง ผิวขาวออร่า นัยย์ตาสีฟ้าอีกต่างหาก ” โจฮันเอ่ยแซวไม่ต่างจากอคิณณ์ ซึ่งคำพูดของทั้งสองเรียกสายตาของคนที่มองตรงไปยังร่างระหงให้กลับมามองในทันที “ผู้หญิงแบบนั้นกูชอบไม่ลงหรอก” วาตะพูดจบก็เดินหันหลังกับไปทางเดิม “หมายความว่าไงว่ะ มึงพูดเหมือนรู้จักกันน้องมาก่อน” ธามรีบตรงมาหาวาตะพร้อมถามออกมา “แฟนเก่ามึงเหรอวะ ใช่คนที่มึงเคยเล่าให้พวกกูฟังไหม” ไร้ซึ่งคำตอบจากวาตะ แต่โจฮันพอจะเดาออกว่าใช่ “กูไม่เคยมีแฟนเก่า พวกมึงเข้าใจซะใหม่” วาตะตอกย้ำว่าเขาไม่เคยให้สถานะใครเป็นแฟนมาก่อน “เชี่ย ใช่แน่ งานนี้จบไม่สวยแน่ ๆ” โจฮันรู้จักนิสัยของวาตะดี ยิ่งหนูยิ้มทำเหมือนยังจำวาตะได้เรื่องระหว่างทั้งสองไม่จบลงง่าย ๆ แน่ วาตะไม่รอเพื่อนๆให้พูดต่อ เขาเดินออกจากตรงนั้นไปทันที “มึงไม่เคยมีแฟนเก่าเพราะมึงไม่เคยมีแฟนใหม่หรือเปล่าวะวาตะ” เป็นธามที่บอกออกมา เพื่อนทั้ง 3 คนมองหน้ากันอย่างเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมวาตะถึงเย็นชากับน้องใหม่ปี 1เหลือเกิน พวกเขาจะได้ยินวาตะเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่ทำให้เขาเจ็บปวดใจเมื่อครั้งโดนคนที่เขารู้สึกดีมากๆหักหลัง ทำให้คนในครอบครัวมองว่าไม่เอาไหนอีกครั้ง วาตะเล่าในช่วงที่ดื่มหนักจนเมาเสมอ หนังม้วนเดิมที่ถูกฉายซ้ำจนเพื่อนๆต่างอยากเห็นหน้าเด็กสาวคนนั้น แล้วสิ่งที่วาตะย้ำเสมอตอนเมาเช่นกันคือ ‘อย่าให้มาเจอกันอีกเพราะกูจะเอาคืนให้สาสม’ ‘ทำไมวะหนูยิ้ม ทำไมวะ’ ผ่านมา 3 วัน หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันรับน้องของคณะนิเทศศาสตร์ หนูยิ้มก็ถูกเหล่าเพื่อน ๆ และรุ่นพี่พากันพูดถึงเธอในทางไม่ดีเรื่องของวาตะ เพราะใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าวาตะเป็นตัวท๊อปของมหาวิทยาลัยเหมือนกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของเขา ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องที่จะรู้จักเป็นการส่วนตัวเป็นเรื่องยาก แต่หนูยิ้มกลับทำเหมือนรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน “ตกลงเรื่องเธอกับพี่วาตะเนี่ยเรื่องจริงไหม” น้อยหน่าที่กำลังเดินไปยังโรงอาหารพร้อมกับหนูยิ้มเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “ใช่ ตอนนั้นพี่วาตะย้ายไปอยู่กับยายที่สระแก้ว เราเลยได้รู้จักกัน แต่มันก็มีเรื่องที่ทำให้พี่เขาต้องกลับกรุงเทพฯกระทันหัน” “แล้วหลังจากนั้นล่ะ” “ก็ไม่ได้ติดต่อกัน อีกอย่างเราก็ย้ายไปอยู่ที่น่านด้วย” หนูยิ้มเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม เธอรู้ว่าวันนั้นเรื่องทำให้วาตะโกรธ แต่ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้วยเพราะยังเด็ก แต่พอโตขึ้นเธอก็รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ดี “อ๋อ แต่อย่างว่าแหละเธอสวยขึ้นขนาดนี้ เราเป็นพี่วาตะเราก็จำไม่ได้” คำพูดของน้อยหน่าทำให้เพื่อนสาวของเธอยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่ออยู่ ๆ ก็ถูกชม “เรารู้นะน้อยหน่า พี่วาตะจำเราได้แต่เขาแค่ไม่อยากรู้จักเท่านั้นเอง” หนูยิ้มพูดออกมาอย่างที่ตัวเองคิดแต่จะให้เธอตัดใจจากเขาไปซะง่ายๆคงทำไม่ได้ ตอนนี้ในเมื่อเธอได้กลับมาเจอเขาแล้ว เธอจะเดินหน้าจีบเขาอย่างเป็นทางการ และการที่หนูยิ้มได้มาเรียนที่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตแต่อย่างใด ทั้งหมดนี้เป็นหนูยิ้มที่ยังติดตามข่าวเขาและรู้ว่าวาตะเรียนอยู่ที่นี่ มหาวิทยาลัยอเบรนตัน หนูยิ้มจึงเลือกสมัครสอบเข้าเรียนที่นี่ ‘แอมบาสเดอร์ที่แสนหล่อเหลาใครจะจำไม่ได้’ หลังจากทั้งสองทานอาหารเสร็จก็พากันกลับมารอเรียนอยู่หน้าคณะ “หนูยิ้ม” เสียงทักทายที่ดังออกมาเรียกความสนใจของหนูยิ้มและเพื่อนของเธออย่างน้อยหน่าให้ไปมองยังคนที่เอ่ยทักทายทั้งสอง “…” หนูยิ้มมองไปยังคนที่เดินเข้ามาทักทายตัวเองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “เรา...ฝ้ายไง ฝ้ายเพื่อนเธอสมัย ม. ต้น ที่สระแก้วไง” “อ๋อ” “บังเอิญจัง เราก็คิดว่าจะไม่มีเพื่อนที่รู้จักมาเรียนที่นี่แล้ว” ฝ้ายบอกกับหนูยิ้ม “ฝ้ายก็มาเรียนที่นี่ด้วยเหรอบังเอิญจริง ๆ” หนูยิ้มเอ่ยด้วยรอยยิ้มเธอแทบจะจำอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะตอนที่เรียนอยู่โรงเรียนเก่าหนูยิ้มไม่ค่อยมีเพื่อน “ใช่ ๆ เรานั่งด้วยได้ใช่ไหม” ฝ้ายเอ่ยถามเพราะสายตาของน้อยหน่าเหมือนไม่ค่อยชอบเธอ “ได้สินั่งเลย” “เป็นไงบาง เธอไม่ติดต่อกลับมาเลย” ฝ้ายยังคงเอ่ยถามต่อ เธอจำหนูยิ้มได้ตั้งแต่ที่วันแรกที่เจอ เพียงแต่ไม่มีโอกาสเข้าไปทักเท่านั้น หลังจากที่ฝ้ายอยู่พูดคุยกับหนูยิ้มมาได้สักพักเธอก็ขอตัวเดินออกไป เพราะเพื่อนของเธอรออยู่ หลังจากพูดคุยกันจึงได้รู้ว่าฝ้ายเรียนต่างคณะกันกับหนูยิ้มนั่นเอง ทำให้หนู้ยิ้มไม่เคยเจอเธอมาก่อน “หนูยิ้ม” น้อยหน่าที่นั่งเงียบมาได้สักพัก เอ่ยเรียกเพื่อนของตัวเองออกมา “ห๊ะ” หนูยิ้มเงยใบหน้าละจากเอกสารประกอบการเรียนที่กำลังอ่านอยู่ มองอีกฝ่ายอย่างเป็นคำถาม “เธอแน่ใจใช่ไหมว่าเป็นเพื่อนกันจริง ๆ” น้อยหน่าเอ่ยถามขึ้นมาเพราะท่าทีของฝ้ายดูไม่เป็นมิตรสำหรับเธอเลย “อืม เป็นเพื่อนโรงเรียนเก่าเรา นิสัยฝ้ายก็เป็นแบบนี้แหละ” “ทำไมเรารู้สึกไม่เป็นมิตรเลย…รู้สึกออกจะติดแชะเธอเหมือนกันนะ ระวังเอาไว้หน่อยก็ดีนะ” น้อยหน่าเอ่ยอย่างระแวง เธอรู้ว่าตัวเองอาจจะคิดมากไป แต่ระวังเอาไวยอมดีกว่า “อย่าคิดมากเลย ไปเรียนกันเถอะ” หนูยิ้มไม่เพียงแต่พูดเปล่าเพราะเธอยังเลือกที่จะเก็บเอกสารการเรียนลงกระเป๋า หนูยิ้มใช้ชีวิตอยู่ที่มหาวิทยาลัยโดยมีเพื่อนสนิทอย่างน้อยหน่าค่อยอยู่เป็นเพื่อนตลอด แต่จะมีบางครั้งที่ฝ้ายเข้ามาหาเธอ ซึ่งชีวิตนักศึกษาของเธอก็เหมือนปกติ ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ แต่มันแตกต่างจากใครอีกคน ตั้งแต่วันที่วาตะเจอกับหนูยิ้ม ชีวิตเขาก็ดูเปลี่ยนไปเยอะ ชายหนุ่มมักไปดื่มมากขึ้น แถมเวลารู้ว่ามีกิจกรรมประชุมน้องปี 1 เขาก็มักจะมาโผล่อยู่ที่ลานกิจกรรมรวมอยู่ตลอด “พี่วาตะ” เอมี่หันไปเรียกคนที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ในมุมที่เขาคิดว่าไม่มีใครเห็น “...” ไม่มีการตอบกลับจากวาตะแต่อย่างใด “มาได้ไงคะ มาหาเอมี่เหรอคะ” เอมมี่เข้าไปหาวาตะด้วยความรีบร้อน “มาเรื่องงาน กลับไปที่แถวของเธอ” หนูยิ้มที่กำลังอยู่ในแถวเพื่อทำกิจกรรมมองไปยังวาตะที่มีเอมี่วิ่งออกจากแถวไปหา โดยนักศึกษาทั้งหลายต่างส่งเสียงแซวอย่างเกรียวกราวเพราะทั้งคู่สวยหล่อเหมาะสมกัน แล้วเอมี่ก็เดินกลับมาที่แถวของตัวเองด้วยท่าทีเขินอาย ตอนนั้นหนูยิ้มก็มองอีกฝ่ายแต่ไม่ได้คิดจะทักทายวาตะเหมือนครั้งแรกเพราะคิดว่าวาตะคงไม่อยากรู้จักตัวเอง “วันนี้พี่วาตะ แอมบาสเดอร์ของมหา’ลัย 4 ปีซ้อนมาให้กำลังใจน้องใหม่ทุกคนนะครับ” เสียงรุ่นปีแนะนำวาตะที่กำลังยืนอยู่ข้างแถว “เอาละน้องๆปีนี้เราจะมีการถ่ายทำโฆษณาและถ่ายภาพโปรโมตมหา’ลัย สามารถมาสมัครได้ ปีนี้คัดเลือก ชาย 1 คน หญิง 2 คน และน้องผู้หญิง 1 ใน 2 จะเป็นพี่วาตะคัดเลือกเพื่อขึ้นป้ายใหญ่คู่กับพี่วาตะ ทุกคนสามารถมารับใบสมัครได้ที่รุ่นพี่โต๊ะนั้นได้นะครับ” เมื่อรุ่นพี่พูดจบ หนูยิ้มมองว่านี่จะเป็นโอกาสที่เธอจะได้เข้าใกล้วาตะ เมื่อทุกคนเลิกแถว หนูยิ้มจึงเดินเขาไปรับใบสมัครมา 2 ใบ เผื่อน้อยหน่าด้วย “ไม่เอาหรอก เธอสมัครคนเดียวเลย ” “เราจะสมัครคัดเลือกแอมบาสเดอร์และเราต้องทำให้ได้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม