ตอนที่ 17
เสียงเพรียกในความฝัน
“..แต่เมื่อหลานสาวอายุใกล้เบญจเพศกลิ่นจิตบริสุทธิ์จะดึงดูดให้พวกอธรรมเห็นจนได้ เมื่อนั้นพระแม่คงคาน้ำมูลจะดึงเธอกลับมายังภพนี้ ...หน้าที่ของเจ้าคือปกป้องเธอให้ผ่านพ้นวัยเบญจเพศและทำให้เธอกำเนิดบุตรหลังจากนั้นเธอและภพนี้จึงจะปลอดภัย”
คำบอกนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหู แม้จะผ่านมานานแล้ว จากนั้น เขาก็แทบไม่ได้ข่าวคราวของเพื่อนพ่อคนนี้อีกเลย แต่ตอนนี้เขาเองก็ยังคงติดตาม วิถีชีวิตหลังจากนั้นโดยให้คนของเขาไปสืบที่หมู่บ้านตาดแดดเป็นประจำ
ตอนนี้ทราบแต่เพียงว่า เพลี๊ยะและเมียได้ตายไปหลายปีแล้ว สาเหตุนั้นไม่มีใครทราบแน่ชัด ทิ้งไว้เพียงทรัพย์สมบัติมหาศาลและตำราไสยเวทย์
ให้กับลูกชายคนเดียวชื่อ ไกรศร
.....ที่ตอนนี้อายุเพียงแปดขวบเท่านั้น
ช่วงเวลาของเขากับไกรศรลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อ มีช่องว่างมากมายเกินกว่าจะเอาเรื่องหนักนี้ไปเล่าให้เด็กชายตัวเล็กๆนั้นฟังได้
เขาทำได้เพียงเก็บเรื่องราวนั้นไว้ในใจ โดยมีหมอสรวง คนสนิทของพ่อคอยตอกย้ำถึงภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้
ตอนแรกเขาไม่เชื่อเท่าใดนัก..
หากแต่ตั้งแต่ชีวิตย่างเข้าสู่วัยรุ่นเขามักจะฝันเห็นสตรีนางหนึ่งที่จะมาหาเขาในฝันแทบทุกคืน เขาและเธอกกกอดใกล้ชิดประหนึ่งเป็นคนรักกันอย่างแน่นแฟ้นดูดดื่ม
...และวินาทีแรกที่เขาเห็น ธารทิพย์ นั่นทำให้เขาเริ่มตระหนักในเรื่องราวนี้ทีละนิด เพราะเธอคือผู้หญิงคนนั้นในความฝันที่เขาเห็นมาตลอด
ผู้หญิงที่เขาโหยหา ...และเฝ้ารอมาตั้งแต่เด็ก
จิตบริสุทธิ์จากลำน้ำมูล เขามีหน้าที่ต้องปกป้องเธอ
.
“เป็นอะไรทิพย์หน้าแดงเชียว เอ็งไม่สบายรึ?”
คะนิ้งเอ่ยถามเบาๆเมื่อธารทิพย์ เดินกลับเข้ามาในเพิง ขณะที่เธอกำลังบรรจงร้อยดอกการะเกดวางเป็นวงกลม กลิ่นหอมที่ตลบอบอวลนั้นทำให้เพิงของสามสามดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาพอควร
“ปะ ..เปล่า แค่เมื่อสักครู่ฉันจิบชาร้อนเยอะไปหน่อย”
หญิงสาวส่ายหน้าปฎิเสธและเบี่ยงหน้าไปอีกทาง ไม่อยากจะสบตากับอีกฝ่ายให้เกิดพิรุธ เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เธอเขินอายและรู้สึกผ่าวร้อนไปทั่วร่างเช่นนี้
“จัดดอกเกดในเพิงนายฮ้อยเรียบร้อยรึไม่?”
รำพึงเป็นฝ่ายเอ่ยถาม ขณะจัดรองฟูกนอนเพื่อจะเอนกายนอนในตำแหน่งด้านในสุด
“เรียบร้อยแล้ว ..เออข้าก็ง่วงเหมือนกันนอนดีกว่า”
เอ่ยเสร็จเธอก็รีบเดินย่อกายข้างรำพึงและเอนร่างลงนอนและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว ก่อนจะรีบหลับตาทันที
“เออ แปลกวันนี้นอนเร็วจัง”
คะนิ้ง เอ่ยอย่างไม่ใส่นัก เมื่อเห็นทั้งคู่เข้าสู่ห้วงนิทราในเวลาไม่นานนัก และเมื่อเห็นดังนั้นเธอก็จำต้องลุกขึ้นไปดับไฟตะเกียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนเช่นกัน
.
.
สายลมพัดเอื่อยเฉื่อยหน้าบ้านทรงโมเดิร์นหลังสีขาว เสียงพูดคุยที่คุ้นหูกังวานก้องอยู่ในบ้านแสนดึงดูดให้ธารทิพย์เดินผ่าดงกุหลาบหลากสีที่อยู่สวนหน้าบ้านอย่างรีบเร่ง หากเป็นเวลาปกติเธอคงหยุดมองและเชยชมพวกมันอย่างเต็มที่เพราะนี่เป็นกุหลาบที่เธอกับแม่ตั้งใจปลูกมันอย่างดี
ตอนนี้เธออยากจะคุยกับพ่อและแม่มากกว่า
“เก่งมากเลยทิพย์ แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก”
เสียงของ กอบกุล แม่ของเธอเอ่ยในห้องนั่งเล่น
“นั่นซิ คะแนนดีอย่างนี้สอบเป็นสัตวแพทย์อย่างที่หนูอยากเป็นได้ไม่ยากเลยนะ”
นายแพทย์โกศล บิดาของเธอเอ่ยขึ้น
ธารทิพย์ต้องชะงักเท้ายืนนิ่งอยู่เพียงแค่นั้น เมื่อยืนมาถึงหน้าห้องนั่งเล่นแล้วเห็นภาพตรงหน้า
พ่อกับแม่ของเธอ กำลังนั่งคุยกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นตัวเธอเองในวัยประมาณสิบกว่าขวบ และทั้งคู่ทำราวกับว่ามองไม่เห็นเธอที่กำลังยืนอยู่หน้าห้อง
นี่เธอกำลังดูภาพยนตร์จอใหญ่ในโรงหรืออย่างไร?
“หนูอยากเป็นคุณหมอ จะได้มารักษาเจ้าจูดี้ต่อไปหนูจะดูแลจูดี้กับลัคกี้เองค่ะ”
เด็กหญิงธารทิพย์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่ใสกังวาน พ่อกับแม่ของเธอต่างก็หัวเราะร่วน ก่อนที่เด็กหญิงที่เป็นตัวเธอนั้นจะถูกแม่ของเธอจูงออกจากห้อง
“ถ้าอย่างนั้นไปทำการบ้านต่อดีกว่าเนาะ เดี๋ยวคุณพ่อมีแขกจะได้ไม่รบกวนคุณพ่อนะคะ”
ทั้งสองเดินผ่านเธอไปคล้ายดั่งเธอเป็นอากาศธาตุ ก่อนที่ชายหญิงคู่หนึ่งจะเดินเข้ามาในห้อง และชำเลืองมองร่างของเด็กหญิงธารทิพย์ด้วยสายตาละห้อย ก่อนที่หันมายกมือไหว้บิดาของเธออย่างนอบน้อม
“นั่งก่อนซิท่านพ่อครูไกรศรกับแม่จำปา”
นายแพทย์โกศล พ่อของเธอเอ่ยขึ้น ทั้งสองย่อกายลงอย่างอ้อยอิ่ง ผู้หญิงคนที่ชื่อแม่จำปานั้นยังคงมองตามหลังของเด็กหญิงธารทิพย์ด้วยสายตาแปลกๆ
ส่วนชายที่ชื่อ พ่อครูไกรศรนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าประหลาด เป็นเสื้อหม้อฮ่อมและผ้าฝ้ายแบบโบราณ แม่จำปานั้นอยู่ในชุดเดรสไหมดูสวยสง่ายิ่ง
ทั้งสองน่าจะอายุราวเกือบสี่สิบปี
ว่าแต่ทำไมเธอจึงไม่เคยเห็นทั้งคู่มาที่บ้านเลยสักครั้ง ตั้งแต่เด็กจนโต แม้ดูจากการพูดคุยและต้อนรับของพ่อเธอนั้น ราวกับทั้งสองเป็นบุคคลสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
“ผมดูแลเธอเป็นอย่างดี”
บิดาของเธอเอ่ยบอกอย่างนอบน้อม ไม่แน่ใจว่าใครที่ดูเป็นผู้อาวุโสมากกว่ากัน
แต่คำบอกนั้นก็ทำให้ธารทิพย์ฉงนยิ่งนัก
ดูแลเธอ ...พ่อหมายถึงดูแลใครกัน?
“ข้าขอบใจท่านมาก นับว่าบุญคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก หากมีกิจอันใดที่จะให้ข้ากับจำปาช่วย เราทั้งสองพร้อมจะตอบแทนท่านหมออย่างสุดชีวิต”
ชายชื่อ ไกรศรเอ่ยขึ้น ด้วยคำพูดคำจาที่ฟังดูประหลาดนัก ฟังอย่างไงก็เหมือนกับหนังจีนเก่าๆในยุคโบราณและคนสมัยเก่าพูดกัน
ฟังแล้วก็น่าขันยิ่งนัก
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อครู ผมกับกอบกุลเต็มใจที่รับภารกิจนี้ ตั้งแต่ผมได้มีเธอเข้ามาในบ้าน เราทั้งคู่มีแต่ความสุข ...แม้ว่าจะรู้ว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะต้องจากเราไป”
น้ำเสียงของบิดาเธอเศร้าสร้อยยิ่งนัก จนธารทิพย์ต้องเดินย่อกายมานั่งใกล้ๆพ่อตัวเอง แต่เหมือนคนทั้งสามจะมองไม่เห็นเธอเลยแม้แต่น้อย
“คุณหมอยังดีได้จะอยู่กับเธอตั้งยี่สิบกว่าปี ฉันนี่ซิต้องห่างลูกตั้งแต่ลูกยังแบเบาะ”
หญิงที่ชื่อ แม่จำปาเอ่ยขึ้นเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
นั่นทำให้ธารทิพย์ชะงักเล็กน้อย เมื่อจำได้ว่าเธอเคยได้ยินเสียงนี้ก่อนที่จะตกลงไปในแม่น้ำมูลในวันที่เข้าค่าย และยืนอยู่ริมแม่น้ำเพื่อให้สุเทพมารับกลับ
“ทิพย์! แม่คิดถึงลูก..”
เธอจำเสียงเรียกนี้ได้ และเมื่อมองพิจารณาหน้าตาของผู้หญิงทื่ชื่อว่าแม่จำปาอย่างชัดเจน ตัวของธารทิพย์ก็ชาวาบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นใบหน้าที่ถนัดชัดเจนของหล่อน
ไฉนแม่จำปา ถึงหน้าตาละม้ายคล้ายกับเธอราวกับแกะ
....หากส่องกระจกมองก็นึกว่าเป็นตัวเธอในวัยกลางคนราวกับเป็นสายเลือดเดียวกัน