น้ำแฉะ

1480 คำ
เป้ยฉีนำเงินออกมาจากในถุงผ้า นางพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่คงไม่พอใช้จ่ายหากมีทั้งบ่าวชายและสาวใช้อยู่ด้วย นางเรียกบ่าวชายสองคนกับสาวใช้เข้ามารับเบี้ยค่าแรงงวดสุดท้าย "พวกเจ้ารับเบี้ยที่ข้าให้แล้วไปเริ่มหางานใหม่ที่อื่น" "แล้วนายหญิงกับนายท่านเล่าเจ้าคะ" สาวใช้จำใจรับเบี้ยไว้ ทุกคนรู้สถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น หย่งเทียนกับเป้ยฉีนับเป็นเจ้านายที่ยุติธรรม แต่ทั้งบ้านกำลังล้มละลาย จึงบอกกล่าวบ่าวไพร่ไปตามตรง "พวกข้าจะไปขออาศัยอยู่กับพี่ชายของหย่งเทียนสักพัก" "หากนายหญิงกลับมา เรียกพวกข้ามาทำงานได้ตามเดิมนะเจ้าคะ พวกข้าจะรอ" "พวกเจ้าไปมีชีวิตใหม่เถิด ข้าเองยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เรือนหลังนี้คงปิดตายไว้ก่อน" "บ้านข้าอยู่ในตรอกถัดไปไม่ไกล จะหมั่นมาทำความสะอาดให้เจ้าค่ะ" หลิวซีอาสามาทำความสะอาดให้เป็นบางครั้ง "ขอบใจมาก หากข้าพอมีเงินเหลือข้าจะส่งมาให้เป็นสินน้ำใจ" เป้ยฉียื่นเงินตำลึงให้บ่าวไพร่ ส่วนนางเก็บของห่อใหญ่ให้ตนเองกับหย่งเทียน นางให้บ่าวชายไปเตรียมรถม้า ให้หย่งเทียนเป็นคนขับเอง รถม้าขนาดเล็กถูกนำมาจัดเตรียมไว้หน้าบ้าน เป้ยฉีแต่งกายอย่างงดงาม อาภรณ์สีเลือดนกบนเรือนร่างช่างขับผิวนวลผ่อง หย่งเทียนจ้องมองความงามของภรรยาสาว เขาแสนภาคภูมิใจในความงามของนาง สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของภรรยาคือเรื่องบนเตียง แม้นางจะตื่นสายบ้าง เกียจคร้านบ้าง ไม่ได้แบ่งเวลามาปรนนิบัติอย่างอ่อนหวาน ไม่ได้ตักน้ำล้างหน้าให้สามีอย่างที่ภรรยาควรกระทำ เขาไม่ใส่ใจนัก เพราะเรื่องในมุ้งของนางเรียกได้ว่าสะเด็ดสะเด่า เมืองซางซุนอยู่ไม่ไกล ใช้เวลาเดินทางเพียงห้าชั่วยามโดยรถม้า เป้ยฉีหลับไปสองตื่น ระหว่างทางแวะพักนางป้อนหมั่นโถวกับน้ำดื่มให้สามีผู้ต้องเป็นคนขับรถม้าจำเป็น ยามตะวันลับขอบฟ้ารถม้าจึงมาถึงเรือนของซุ่นหลง มารดาของซุ่นหลงกับหย่งเทียนเสียชีวิตไปแล้ว หลังเลิกร้างจากบิดาของซุ่นหลงจึงมาแต่งให้กับบิดาของหย่งเทียน แม้มารดาเสียชีวิตไปหลายปี แต่สายเลือดระหว่างพี่น้องยังคงอยู่ ซุ่นหลงกับหย่งเทียนต่างการเลี้ยงดู ต่างการศึกษา อีกทั้งฐานะตระกูลยังต่างกันลิบลับ บ่าวชายร่างบึกบึนยืนเฝ้าประตูไม้บานใหญ่หนาหนัก ลวดลายทุกสิ่งเป็นรูปสิงห์ตามตราสัญลักษณ์ตระกูลซุ่น "ข้ามาขอพบพี่ชาย" หย่งเทียนเดินไปพูดคุยกับบ่าวชาย "นายท่านอยู่ด้านใน วันนี้เป็นวันพักผ่อน นายท่านไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าพบ" "แต่ข้าเป็นน้องชายของซุ่นหลง ข้ามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกับเขา" "จะเข้าไปเรียนนายท่านให้ขอรับ" ครู่หนึ่งได้ยินเสียงเปิดประตูออกมา บ่าวไพร่พร้อมผู้คุ้มกันติดตามนายท่านซุ่นหลงออกมาด้านนอก หย่งเทียนยิ้มกว้าง เห็นหน้าซุ่นหลงก็เหมือนเห็นแสงสว่าง "มาเยี่ยมเยียนพี่ถึงถิ่น มีเรื่องอันใด" "ข้าขอคุยข้างในได้หรือไม่ ข้ากับเป้ยฉีมีเรื่องรบกวนพี่ใหญ่สักพัก" "เชิญด้านใน แล้วฮูหยินของเจ้าเล่า" เป้ยฉีเปิดม่านหน้าต่างรถม้าเป็นช่องเล็ก ๆ นางแอบมองซุ่นหลงจากในรถม้า มองร่างกำยำสง่างาม กล้ามเนื้อใต้อาภรณ์คงหนั่นแน่นทุกสัดส่วน เขาเป็นบุรุษเรือนร่างสูงใหญ่ ร่างหนา ไหล่กว้าง สมบูรณ์แบบทุกองคาพยพ ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีส่วนไหนมีตำหนิ ตระกูลซุ่นเป็นตระกูลขุนนางผู้ร่ำรวยจากการค้าเพราะมีท่าเรือเป็นของตนเอง ซุ่นหลงช่างหล่อเหลายิ่งนัก แค่เห็นก็น้ำแฉะเสียแล้ว เป้ยฉีกลืนน้ำลายลงคอ นางมองสำรวจเรือนร่างสูงใหญ่ตั้งแต่หัวจรดเท้า นางรีบลงมาจากรถม้าทันที "คารวะท่านพี่" นางยอบกายคารวะซุ่นหลงอย่างอ่อนช้อย "ไม่ต้องมากพิธี ทำตัวตามสบายเถิด เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า ข้าจะจัดเรือนรับรองให้พวกเจ้า ทานอาหารค่ำด้วยกันเสียก่อนแล้วค่อยคุยธุระ" ซุ่นหลงยิ้มให้น้องสะใภ้ตามมารยาท สังเกตสีหน้าแววตาร้อนร่านที่มองมา เขาเห็นสตรีมามาก รู้ดีว่านางคิดสิ่งใดอยู่ สตรีร่านราคะเช่นนางมองปราดเดียวก็พอดูออก เขาไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยสักนิด แม้ความงามของนางสามารถถล่มภูเขาไท่ซานได้ แต่อย่าหวังว่าบุรุษอย่างซุ่นหลงจะผิดศีลธรรมกับน้องสะใภ้ของตนเอง เขาเกลียดสายตายั่วกามนั่นที่สุด เป้ยฉีรู้สึกเก้อกระดากเล็กน้อย ซุ่นหลงมองนางอย่างเฉยชา พี่สามีรีบตวัดสายตาไปมองทางอื่น นางลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขา ใจเต้นระส่ำจนแทบทะลุหน้าอกอวบอิ่ม จวนสกุลซุ่นมีขนาดใหญ่มาก ทุกสิ่งวิจิตรงดงามอย่างจวนคหบดี บ่าวไพร่สาวใช้ยืนเรียงรายอยู่โดยรอบ นายท่านสกุลซุ่นอาศัยอยู่ต่างเมืองกับฮูหยินคนใหม่ จึงมอบกิจการเมืองซางซุนทั้งหมดให้บุตรชายอย่างซุ่นหลงดูแล โต๊ะใหญ่วางสำรับเย็นมีอาหารน่ากินราวแปดอย่าง พร้อมขนมของหวาน ของว่าง จัดวางอย่างเรียบร้อย "ข้ากินข้าวคนเดียวจนเคยชิน พวกเจ้ามากินข้าวด้วยถือว่าดียิ่ง" "เหตุใดท่านจึงไม่แต่งฮูหยิน" "ข้ายังไม่พบคนที่ถูกใจ" เป้ยฉีแอบยิ้มในใจ ยิ่งได้รู้ว่าเขาไม่มีฮูหยิน ยิ่งเข้าทาง ความต้องการในกายชายหนุ่มคงพลุ่งพล่านน่าดู "สาวใช้อุ่นเตียงเล่า คงมีนับไม่ถ้วนกระมัง" น้องชายเอ่ยเย้า เขารินสุราให้พี่ชายอย่างนอบน้อม "ข้าไม่มีสาวใช้อุ่นเตียง มีอี้จีขาประจำแวะมาร่วมห้องบ้างเป็นบางครั้ง" เป้ยฉีถึงกับหูผึ่ง ซุ่นหลงไม่มีสาวใช้อุ่นเตียงให้ปวดหัว นางยิ่งกระหยิ่มในใจเป็นสองเท่า "พวกเจ้าลองกินเป็ดสวรรค์ดูบ้าง พ่อครัวเรือนข้าทำเป็ดสวรรค์ได้อร่อยยิ่งนัก" ซุ่นหลงคีบเป็ดย่างชิ้นใหญ่หนังบางกรอบให้กับน้องชาย หย่งเทียนคีบเป็ดชิ้นที่น่ากินที่สุดออกจากถ้วยตนเองไปใส่ถ้วยภรรยา "รักเมียเหลือเกิน" ซุ่นหลงเอ่ยเย้า "ข้ากับเป้ยฉีมีเรื่องอยากขอร้องท่าน พวกเราถูกหลงจู๊โกงจนติดหนี้ ฐานะเรียกได้ว่าล้มละลาย อยากขออาศัยอยู่กับท่านพี่สักพักขอรับ" "ข้าขาดคนช่วยงานที่เมืองเถี่ยนชิงอยู่พอดี ข้ากำลังขยายกิจการโรงย้อม" "ให้ข้าไปดูแลกิจการเมืองเถี่ยนชิงรึท่านพี่" "ไปเพียงสัปดาห์ละสองสามวัน ส่วนใหญ่ให้ช่วยงานอยู่ที่เมืองซางซุน ข้าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของพวกเจ้า พร้อมจ่ายเบี้ยรายเดือนให้" "ข้าทราบแล้ว ขอบคุณพี่ใหญ่ขอรับ" "ส่วนเป้ยฉีให้ช่วยทำงานอาลักษณ์ คัดแยกเอกสาร ตอบจดหมายติดต่อการค้าให้กับข้า" "ข้ายินดีทำเจ้าค่ะ" "เจ้าสองคนกินเสร็จแล้วไปอาบน้ำพักผ่อนเสียก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ส่วนเรื่องหนี้สิน ข้าจะรับชดใช้ให้แต่พวกเจ้าก็ต้องทำงานให้กับข้า" ทั้งสองรับคำ เป้ยฉียินดียิ่งนัก นางได้ทำงานตำแหน่งอาลักษณ์ให้ซุ่นหลง นับว่ามีโอกาสใกล้ชิดพี่สามีอย่างใกล้ชิด ซุ่นหลงพูดคุยกับหย่งเทียนอย่างเป็นกันเอง พวกเขาดื่มสุราจนเริ่มเมา เป้ยฉีคีบอาหารตักน้ำแกงให้พี่สามี รวมถึงสามีของนางด้วย หญิงงามดื่มสุราไปหลายจอก ใบหน้านางขึ้นสีระเรื่อน่ามอง รวมถึงลำคอขาวเนียนกับทรวงอกอวบที่กำลังเห่อร้อนเป็นสีชมพู นางรู้สึกร้อนรุ่มไปหมด ยิ่งได้กลิ่นเครื่องหอมจากเรือนกายซุ่นหลง น้ำสวาทยิ่งเปียกชุ่มหยาดเยิ้มจากร่องรัดแน่น นางอยากให้พี่สามีเข้ามากระทุ้งกระแทกท่อนลำใส่ในร่องสวาทเหลือเกิน ซุ่นหลงตวัดสายตามองอกอวบใหญ่ เขาไม่ชอบสตรีร่านกาม แต่เหตุใดท่อนเนื้อกลางกายจึงแข็งโด่เพียงแค่มองน้องสะใภ้ดื่มสุราจนเมา นางช่างน่ารักน่าใคร่เสียจริง พี่สามีลอบมองน้องสะใภ้เช่นกัน เขาพยายามอดทนข่มราคะในจิตใจ นางร้อนแรงงดงามจนแทบอดใจไม่ไหว ซุ่นหลงบอกตัวเองว่าอย่ามองนาง เขาบอกตนเองเช่นนั้น แต่กลับลอบมองริมฝีปากอวบอิ่มของเป้ยฉีกำลังเจรจา ซุ่นหลงคิดภาพตนเองกำลังยัดดุ้นเนื้อเข้าร่องสวาทน้องสะใภ้แล้วกระแทกแรง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม