จากยามอิ๋นถึงยามหม่า (ตีสามถึงหกโมงเช้า)
เสียงฝึกยุทธรำกระบี่มากกว่าสองชั่วยามแล้ว แต่คนรำกระบี่มิมีทีท่าว่าจะหยุด
“มิได้ปลดปล่อย เจ้าแรงเหลือเช่นนี้เชียวหรือ” โหยงเยี่ยน ผู้โชคร้ายเป็นสหายร่วมรบกันมาก็ต้องเดือดร้อนมาเป็นคู่ซ้อม
“เดี๋ยว...หืดหาด...ข้าเหนื่อยไม่ไหวแล้ว เสี่ยวหมิงเจ้า...เจ้า...ตื่นมา” โหยงเยี่ยนแม้จะเป็นกุนซือก็ต้องฝึกยุทธแม้ฝีมือร้ายกาจไม่แพ้กัน แต่จะให้ฝึกยามดึกดื่นจวบจนแสงอรุณฉาบทาท้องฟ้าก็หมดแรงได้เช่นกัน
“อะไรกันพวกเจ้า อยู่ในสนามรบก็ต้องฝึกทุกวันมิใช่หรือนี่ทำเหมือนไก่อ่อนไปได้” เสียงคนที่เหลือแรงกล่าวออกมา
“ใครจะบ้าพลังเช่นนั้น พลังเหลือยิ่งกว่าม้าเหงื่อโลหิต มิน่าเจ้ารุนแรงเช่นนี้ ฮูหยินถึงไล่ส่งออกมา” โหยงเยี่ยน กระตุกปมในใจที่ยังไม่คลายกังวลของท่านโหว ทำเอาคนที่ฝึกมาจนเหงื่อโซมกายฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ ที่เจ้ากุนซือปากกล้ามันรู้ทัน
“ใครบอกว่านางไล่ข้าออกจากห้อง ข้าขังนางต่างหาก” ใครจะยอมรับว่าพ่ายแพ้ให้สตรีกัน
โหยงเยี่ยนรู้ดีว่าเถียงไปคนอย่างนิ่งอันโหวที่ไม่ยอมรับความจริงก็ไม่มีทางชนะหรอก เขาทรุดลงนั่งหน้าประตูเรือนที่ปิดตายไว้ พร้อมล็อกอย่างหนาแน่น แต่ทว่าคนสั่งให้ทำชะเง้อหน้าไปข้างใน ไม่วางตา
“เป็นห่วงก็เข้าไปสิ”
“เข้าไปได้ที่ไหนกัน” เขาผินหน้าออก แต่หางตายังไม่ละจากเรือนนั้น ทั้งหัวใจคำนึงถึงนางตลอด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเช่นกัน
“ข้าไม่คิดว่ากระบี่เจี้ยนหลัวของเจ้าจะไร้คมขนาดฟันโซ่นี้ไม่ขาด” โซ่เล็กเท่าหนวดแมวเช่นนี้ ออกแรงผลักนิดเดียวก็ขาดสะบั้นแล้ว เจ้าอวิ๋นหยางมันกลัวเสียหน้าไม่ว่า
“เจ้า...!!”
คนเดียวที่เขาโกหกไม่ได้เห็นจะเป็นกุนซือเจ้าเล่ห์ โหยงเยี่ยนสินะ มันทั้งรอบรู้แล้วก็สอดรู้ไปทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่อยู่ในหัวใจของเขา
“เจ้าไม่เข้า ข้าจะกลับไปนอนแล้ว ฝึกยุทธมาทั้งคืนเหนื่อย ขอแช่น้ำในสบายอุรา กลิ่นน้ำหอมที่ผสมอาบในจวนเจ้ารัญจวนใจยิ่ง ข้าชอบ” โหยงเยี่ยนไปแล้ว ทิ้งให้หนึ่งบุรุษที่ไม่ได้หลับได้นอนยืนแข็งทื่อไม่ขยับกับองครักษ์คู่กายที่นอนกรนอยู่ที่พื้น
ครอก...ฟิ้ว...Zzzzzz
เมื่อมองเห็นคนของตนหลับไม่รู้เรื่องแล้ว ก็หันไปมองที่เรือนดอกท้ออีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปอาบน้ำ
ไร้ประโยชน์สิ้นดี!
ตลอดคืนนางไม่ออกมาดูเขา หรือว่าขยับออกจากเรือนเลยสักนิด ไม่รู้ว่าอาการดีขึ้นหรือยัง แต่คนที่สั่งให้ปิดเรือน เพียงไม่ทันข้ามไปอีกวันจะสั่งให้ยกเลิกได้อย่างไร มันไม่มีเหตุผลนัก
เขานั่งแช่น้ำในอ่างอาบน้ำหวังให้ความเย็นจากน้ำช่วยทำให้หัวใจที่เร่าร้อนของตนสงบลง
เรือนดอกท้อยามนี้จื่อฝูเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับฮูหยิน แล้วจัดการนำลูกท้อสุกที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวติดปลายลิ้นจิ้มกับเกลือไหใหญ่ที่มีอยู่ในครัวนั้นมาให้ฮูหยินทานเป็นอาหาร คิดว่าให้ฮูหยินทานยาแล้วจะไปจับปลาในสระมรกตมาทำซุปปลาให้ฮูหยินทานบำรุงร่างกาย
“ฮูหยิน ทานผลท้อให้ชุ่มคอเถิดเจ้าค่ะ ข้าตรวจดูในครัว มีไหเกลือ และน้ำตาลกรวดอยู่มาก แม้จะหลายปีแล้วแต่ถูกเก็บใส่ไหไว้อย่างดีจึงยังใช้ได้อยู่เจ้าค่ะ”
“ดี...ดียิ่งนัก” นางคิดบางอย่างออก เขาให้นางอดอาหารแต่คงลืมไปกระมัง เรือนด้านหลังกว้างใหญ่นัก จะปลูกผักได้ก็ง่ายดายนัก
“น้ำใกล้หมดแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะไปตักน้ำใส่ตุ่มไว้อาบ”
“น้ำดื่มเล่า”
“ยังมีแต่น้อยนัก”
“เช่นนั้นเจ้าพยุงข้าออกจากเรือนหน่อย เข้าจะไปดูรอบ ๆ ” เป็นไข้แล้วควรจะเดินให้เหงื่อออกจะได้สร่างไข้เร็ว ๆ
“เจ้าค่ะ”
จิวฮวาเดินมาถึงหน้าเรือน เห็นผลท้อดกเต็มต้นก็ตาลุกวาว คืนนั้นมามืดนัก มิทันได้มองดูให้ดี ยามนี้เห็นแล้วก็อดเปรี้ยวปาก เอาท้ออ่อนมาจิ้มกับเกลือ คงจะเข็ดฟันน่าดู
“ท้อที่สุกเจ้าเก็บไว้ให้ดีจะเอาไปตากแห้งเก็บไว้กิน ส่วนท้อที่แก่เต็มที่จะเอามาเชื่อม ส่วนท้ออ่อนจะเอามาดองเกลือ” ลำพังแค่ผลท้อก็ทำให้นางอิ่มท้องไปได้หลายเดือนทีเดียว
“ว้าวฮูหยินท่านเก่งมากเจ้าค่ะ”
“เก่งอันใด ก็เคยทำยามอยู่ตำหนักมิใช่หรือ” ปกติยามอยู่ที่แคว้นบ้านเกิด ก็เช่นนี้ ท่านแม่สอนให้นางทำโน้นทำนี่ไว้เผื่อตกระกำลำบากที่ใด จะได้ไม่อดอยาก
เมื่อเดินมายังด้านหลัง มีผักจิงจูฉ่ายที่ขึ้นเองตามธรรมชาติบริเวณข้างรั้ว แล้วก็ต้องตกตะลึง นี่มันสวนสมุนไพรที่เก่าแต่รกร้างนี่นา แต่สภาพมันก็ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา คงเป็นเพราะความชื้นจากสระมรกตมาถึง จึงทำให้มันยังคงอยู่รอดได้บางต้น แต่สภาพรกร้างเช่นนั้นคงหนักเอาการกว่าจะกู้คืนสวนสมุนไพรได้
“เห็นหรือไม่จื่อฝู”
“เห็นเจ้าค่ะ” จื่อฝูกล่าวเสียงอ่อน
“นี่มีต้นมันฝรั่งด้วย เดี๋ยวข้าจะขุดเอาไว้ปลูกต่อ เจ้าไปจับปลาในสระมาเถิด หากท่านโหวขังเรา ปลาในสระนี้ก็คืออาหาร” ไม่รู้ว่าเขาเลี้ยงไว้ดูเล่นหรือไม่ แต่นางจะจับมันมาทำอาหารให้หมด
“เจ้าค่ะนายหญิง” จื่อฝูเห็นสีหน้าผู้เป็นนายดีขึ้นก็วางใจ ให้นายตนอยู่ลำพังหลังเรือน ส่วนตนก็ไปจัดการหาทางจับปลาในสระมาให้ได้
ไม่นานนักก็ได้ปลาตัวใหญ่มา นางจึงจัดการขอดเกล็ด ส่วนฮูหยินก็จัดการล้างสมุนไพร เมื่อเครื่องปรุงพร้อมแล้ว ก็ใส่ทุกอย่างในหม้อเติมน้ำและเกลือ เมื่อหม้อเดือดก็ใส่เนื้อปลาลงไป
“เจ้ารอดูว่ามันเดือดได้ดีก็ยกลง ข้าจะไปอาบน้ำสักหน่อย” ยามนี้นางเหนียวตัวแล้ว เพราะหยิบจับโน่นนี่ก็ทำให้เหงื่อออกเช่นกัน
กลิ่นหอมของซุปปลาโชยไปถึงด้านนอก คนที่ถูกปล่อยให้หลับอยู่หน้าประตูเรือนด้านนอกก็ตื่นขึ้นพร้อมกับจมูกที่ดมกลิ่นที่ลอยมาตามลม
“หืม...หอมจัง ใครมาตุ๋นปลาแถวนี้” เสี่ยวหมิงลืมตาขึ้นเดินตามกลิ่นมา เห็นจื่อฝูสาวใช้ของฮูหยินเดินออกจากครัวมาเก็บลูกท้อ เขาจึงมองซ้ายมองขวาแล้วกระซิบเรียก
“จื่อฝู...จื่อฝู” เสียงเรียกเบา ๆ แต่จื่อฝูนั้นได้ยินก็มองสอดส่ายหาที่มาของเสียงเมื่อเห็นบางสิ่งไหว ๆ อยู่หน้าประตูจึงเดินเข้าไปหา
“เสี่ยวหมิงเจ้า”
“ใช่เป็นข้าเอง...ฮูหยินเป็นเช่นไรบ้าง” เสี่ยวหมิง
อยากรู้ว่าฮูหยินเป็นอย่างไรบ้างจึงกระซิบถาม